กลุ่มติดอาวุธ KIA ยึดเมืองการค้าติดชายแดนจีนได้เพิ่มอีกแห่ง

เผยแพร่ : 28 พ.ย. 2567 18:26:26
X
• กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ยึดเมืองสำคัญทางการค้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของพม่า ใกล้ชายแดนจีน
• การยึดเมืองครั้งนี้ทำให้กลุ่มติดอาวุธควบคุมศูนย์กลางการทำเหมืองแรร์เอิร์ธได้
• เหตุการณ์นี้ถือเป็นความพ่ายแพ้ของรัฐบาลทหารพม่า
• ข้อมูลมาจากคำบอกเล่าของพยาน

เอพี - กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ทรงอิทธิพลเข้ายึดเมืองการค้าสำคัญแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของพม่าติดชายแดนจีน และควบคุมศูนย์กลางการทำเหมืองแรร์เอิร์ธไว้ได้ ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งความพ่ายแพ้ของรัฐบาลทหาร ตามคำบอกเล่าของพยาน

การสูญเสียเมืองกันปาติ (Kanpaiti) ให้กองทัพเอกราชกะฉิ่น (KIA) ทำให้กองทัพพม่าเหลือเมืองที่อยู่ภายใต้การควบคุม คือเมืองมูเซะ ที่เป็นจุดผ่านแดนเพียงเมืองเดียวเท่านั้น และกองทัพยังเสียผลประโยชน์จากเหมือง ที่จัดหาแร่แรร์เอิร์ธให้จีน ซึ่งสำคัญต่อการผลิตมอเตอร์ไฟฟ้าและกังหันลม รวมถึงอาวุธไฮเทค และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลากหลายชนิด

ทั้งโฆษกของ KIA และโฆษกของกองทัพพม่าต่างไม่ตอบสนองต่อคำร้องขอความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว แต่สื่อท้องถิ่นหลายแห่งรายงานว่าเมืองกันปาติแตกแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน สงครามกลางเมืองที่ยังคงดำเนินอยู่และข้อจำกัดของกองทัพทำให้การเดินทางของนักข่าวแทบเป็นไปไม่ได้ แต่รายงานดังกล่าวได้รับการยืนยันจากพยานทางโทรศัพท์

คลิปวิดีโอที่เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ ที่ไม่สามารถตรวจสอบได้โดยอิสระ เผยให้เห็นสิ่งที่ถูกระบุว่าเป็นสมาชิกของ KIA กำลังชูธงของกลุ่มที่อุโมงค์ตัดผ่านภูเขาไปยังจีน ส่วนคลิปอื่นๆ เผยให้เห็นอาวุธจำนวนมากที่ KIA อ้างว่ายึดมาได้

กองทัพยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของอองซานซูจีในเดือน ก.พ.2564 ที่ทำให้เกิดการสู้รบที่ทวีความรุนแรงขึ้นกับกองกำลังติดอาวุธที่จัดตั้งโดยชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ของพม่าตามพื้นที่ชายแดนของประเทศ ที่ต่อสู้เรียกร้องสิทธิในการปกครองตนเองมานานหลายทศวรรษ

กองทัพพม่าต้องประสบกับความพ่ายแพ้อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วงปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ทางตะวันออกใกล้กับชายแดนจีน และในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของประเทศ หลังจากพันธมิตรกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ 3 กลุ่ม เปิดฉากโจมตีแบบประสานงานกันเมื่อวันที่ 27 ต.ค.2566

นับแต่นั้นมา กองกำลังติดอาวุธอื่นๆ ได้เข้าร่วมในการโจมตีรวมถึง KIA ในรัฐกะฉิ่นตอนเหนือ

ในเขตพิเศษ 1 ของรัฐกะฉิ่น ที่เมืองกันปาติตั้งอยู่ กองกำลัง KIA ได้เพิ่มการโจมตีกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์คู่แข่ง คือ กองทัพประชาธิปไตยใหม่-กะฉิ่น ที่เป็นพันธมิตรกับกองทัพพม่า

กองทัพประชาธิปไตยใหม่-กะฉิ่น ยังควบคุมเครือข่ายปฏิบัติการที่ไม่ได้รับอนุญาต ขุดแรร์เอิร์ธและขายตรงให้กลุ่มบริษัทเหมืองแร่ขนาดใหญ่ของจีน หรือผ่านคนกลาง

นอกจากนี้ ยังมีเหมืองที่ไม่ได้รับการควบคุมมากกว่า 300 แห่งในพื้นที่ โดยผลิตแร่หายากมูลค่า 1,400 ล้านดอลลาร์ ที่ส่วนใหญ่ขายให้จีนเมื่อปีก่อน

ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่ามีผลกำไรมากเพียงใดที่ไหลเข้าสู่รัฐบาลทหาร และไหลเข้าสู่กองทัพประชาธิปไตยใหม่-กะฉิ่น อย่างไรก็ตาม แม้การสูญเสียรายได้หลักจะส่งผลกระทบต่อกองทัพ แต่การเสียเมืองกันปาติไม่ได้เป็นตัวเปลี่ยนเกมสำหรับความขัดแย้งโดยรวม มอร์แกน ไมเคิลส์ นักวิเคราะห์จาก International Institute of Strategic Studies ในสิงคโปร์ ระบุ

“นี่เป็นการสูญเสียที่น่าอับอายอีกครั้งหนึ่งของรัฐบาลทหาร แต่อาจไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความสามารถในการทำสงครามของรัฐบาล จีนปิดพรมแดนส่วนใหญ่ไปแล้วเพื่อยับยั้งการโจมตีของ KIA และเชื่อว่ารัฐบาลทหารจะหารายได้ผ่านวิธีการอื่นๆ ที่ไม่ใช่แรร์เอิร์ธ” ไมเคิลส์ ระบุ

จีนสามารถใช้ความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลทหารและกลุ่มพันธมิตรสามภราดรภาพเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยให้เจรจาหยุดยิงในรัฐชานตอนเหนือในเดือน ม.ค. แต่ความขัดแย้งปะทุขึ้นอีกครั้งในอีก 5 เดือนต่อมา หลังจากกลุ่มพันธมิตรสามภราดรภาพระบุว่ากองทัพละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แม้จะมีแรงกดดันอย่างหนักจากปักกิ่ง

จีนยังกดดันให้ KIA ในกะฉิ่นยุติการสู้รบ ที่ทำให้การค้าข้ามพรมแดนหยุดชะงัก แต่ก็ยังไม่สามารถยุติลงได้

ในเดือน ก.ย. KIA สามารถยึดเมืองต่างๆ ในรัฐกะฉิ่นได้อย่างรวดเร็วอีก 4 เมือง ยกเว้นเมืองกันปาติ

ผู้นำชุมชนท้องถิ่นระบุว่า กองกำลังของ KIA เคลื่อนกำลังเข้าเมืองกันปาติเมื่อวันที่ 20 พ.ย. และนับจากนั้นก็ควบคุมสถานการณ์ได้

รายงานดังกล่าวได้รับการยืนยันจากโฆษกของกลุ่มสิทธิมนุษยชนกะฉิ่น และชาวเมืองที่เห็นกองกำลังของ KIA เข้ามาในเมือง

สำนักข่าวหลายแห่งในกะฉิ่นและสื่ออื่นๆ ของพม่ารายงานว่าทหารของกองทัพ 300 นาย ได้หลบหนีเข้าไปในจีน จากนั้นข้ามแดนกลับเข้าพม่าที่เมืองมูเซะ ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลทหาร.

ที่มา : MgrOnline