เหลือเพียงหนทางเดียว...ที่จะยุติสงครามยูเครน!!!
เผยแพร่ : 28 พ.ย. 2567 15:10:48
• จิมมี่ โดร์ นักแสดงตลกและพิธีกรรายการทอล์กโชว์การเมืองชาวอเมริกันเชื้อสายโปแลนด์-ไอริช ให้สัมภาษณ์สื่อโทรทัศน์รัสเซีย (Rus)
• แม้จะเป็นนักแสดงตลก แต่บทบาทและอิทธิพลของเขาในฐานะพิธีกรรายการทอล์กโชว์การเมืองไม่อาจมองข้ามได้
• ข่าวไม่ได้ระบุรายละเอียดเนื้อหาการสัมภาษณ์ จึงไม่สามารถสรุปเนื้อหาการสัมภาษณ์ได้ ต้องอาศัยข้อมูลเพิ่มเติม
ถึงแม้จะเป็นแค่นักแสดงตลก...แต่คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยว่า พิธีกรรายการทอล์กโชว์การเมือง อย่าง“นายJimmy Dore” ชาวอเมริกันเชื้อสายโปแลนด์-ไอริช เจ้าของรายการทีวี “The Jimmy Dore Show” ที่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อและโทรทัศน์ “Russia Today” เขานำมาเผยแพร่ต่อช่วงวันเสาร์ (23 พ.ย.) ที่ผ่านมา แกพูดได้น่าคิด น่าสะกิดใจซะยิ่งกว่าอดีตตัวตลกที่กลายมาเป็นตัวแทนตะวันตกอย่างผู้นำยูเครน “นายVolodymyr Zelensky” ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่าสำหรับสถานการณ์ความขัดแย้งยูเครน-รัสเซีย ที่ใกล้จะกลายเป็น“สงครามโลก” หรือ “สงครามนิวเคลียร์” อีกแค่ไม่กี่อึดใจ!!!
คือประมาณว่า...ภายใต้ฉากสถานการณ์ทุกวันนี้ ย่อมเป็นที่แน่ใจได้เลยว่า ผู้นำอเมริกาที่ยังเหลือเวลาอยู่อีกแค่ไม่กี่เดือนอย่าง คุณปู่ “โจ ซึมเซา” และพวก “Neo-conservative” ที่มีอยู่เยอะแยะ ยั้วเยี้ยในทีมงานบริหารรัฐบาลอเมริกันชุดนี้ ต่างมีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับสถานการณ์ความขัดแย้งยูเครน-รัสเซีย หรือ “เริ่มต้น...สงคราม...ที่ประธานาธิบดีรายใหม่ มิอาจหาทางหยุดยั้งได้!!!” ด้วยเหตุนี้ “ความหวังเดียวเท่านั้นที่เรายังคงหลงเหลืออยู่...ก็คือการแสดงความอดทน-อดกลั้นของผู้นำรัสเซีย” ที่อาจถือเป็น “ผู้ใหญ่คนเดียวที่อยู่ในห้อง” นอกนั้น...ออกไปทางเด็กๆ แถมยังเป็น “เด็กที่ชอบเล่นไม้ขีดไฟ” อีกด้วยต่างหาก ด้วยการรั้งรอที่จะตัดสินใจใดๆ จนกว่าผู้นำอเมริกันรายใหม่อย่าง “โดนัลด์ ทรัมป์” จะกลับคืนสู่ทำเนียบขาวไม่งั้น...โอกาสที่จะเกิด “สงครามโลกครั้งที่ 3” หรือกระทั่ง “สงครามนิวเคลียร์” ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ ด้วยเหตุเพราะ “แม้ว่า...ปูตินจะเป็นผู้ที่แสดงออกถึงความมีเหตุ-มีผล แต่คุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่า พวก NATO พวก Neo-Cons หรือโจ ไบเดน จะเพียรพยายาม...แหย่หมีหลับกันไปถึงขั้นไหน???”
นี่...อันนี้ต้องเรียกว่า ถึงเป็นแค่ดาวตลก แต่ก็ไม่ได้ถึงกับ“ขาดแคลนมันสมอง” เหมือนบรรดาผู้นำประเทศตะวันตกทั้งหลาย ดังที่ผู้นำรัสเซียท่านเคยเปรียบเทียบ-เปรียบเปรยเอาไว้เพราะการ “ส่งสัญญาณ” ครั้งล่าสุดของรัสเซียไปยังผู้นำตะวันตก ด้วยการอาศัยจรวด “Hypersonic” ที่เรียกขานกันในนาม“Oreshnik” ถล่มเมืองอุตสาหกรรมยูเครนไปเมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมา ต้องถือว่า “ขีปนาวุธได้พูดด้วยตัวของมันเอง” ไปเป็นที่เรียบร้อย หรือถ้าว่ากันตามคำพูดของประธานาธิบดี “ปูติน” ก็คงประมาณว่า... “จรวด Oreshnik คือคำตอบของเรา ต่อแผนการของ NATO ในการติดตั้งขีปนาวุธพิสัยกลางในยุโรปหรือในเอเชีย-แปซิฟิก” นั่นแล คือแทบไม่ต้องใช้หัวคิด แค่ใช้“หัวแม่ตีน” ตรองดู ก็น่าจะรับรู้ รับทราบ ได้ไม่ยากว่า มันเป็นอะไรที่ยากจะป้องกัน ยากที่จะสกัดกั้นได้เลยแม้แต่น้อย...
หรืออย่างที่คอลัมนิสต์และเจ้าของเว็บไซต์ “ZeroHedge” “นายTyler Durden” เขาสรุปว่า ด้วยความเร็วระดับ MACH 10 หรือระดับ 13,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้น มันเร็วเสียยิ่งกว่าลูกกระสุนไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า ด้วยเหตุนี้...อาณาบริเวณพื้นที่ซึ่งประชิดติดต่อกับรัสเซียอย่างยุโรปตะวันออก ย่อมมีสิทธิพังพินาศและเจ๊งภายในแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง ส่วนที่ห่างมาหน่อยอย่างเยอรมนี มีเวลาเตรียมตัวแค่ 15 นาทีไม่เกินไปกว่านั้น ส่วนลอนดอน ปารีส ไม่เกินไปกว่า 20 นาที โดยเฉพาะถ้าหากจรวดชนิดนี้ ดัน “ติดหัวรบนิวเคลียร์” เข้าไปอีก ไม่ใช่แค่หัวรบปกติ หรืออาวุธตามแบบแผน อย่างที่ใช้ถล่มเมืองอุตสาหกรรมยูเครนไปเมื่อวัน-สองวันมานี้ โอกาสที่ผู้คนจะเตรียมตัวหลบลี้หนีภัย เตรียมมุดเข้าไปในอุโมงค์ใดๆ แทบไม่มีเอาเลยก็ว่าได้ ต่างไปจากผู้คนในรัสเซียที่ไม่เพียงแต่เริ่มได้รับการแจกจ่าย “ที่หลบภัยนิวเคลียร์เคลื่อนที่” หรือ “KUB-M” ให้กับใครต่อใครไปแล้วกว่า 5,000 ยูนิต แต่ยังรวมถึงการยกระดับพัฒนา “ระบบป้องกันภัยทางอากาศ” ของประเทศหมีขาวทุกวันนี้ ที่ต้องเรียกว่า...ออกจะก้าวหน้า ก้าวไกล เอามากๆ...
ดังที่อดีตรองผู้บัญชาการ “CIS Joint Air Defense System” “พลโทAytech Bizhev” เขาออกมา “สมรักษ์ คำสิงห์” ไว้กับสำนักข่าว “Sputnik” เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานั่นแหละว่า จากยุค “สงครามโลกครั้งที่ 2” ที่ระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียสามารถช่วยปกป้องแค่เมืองสำคัญๆ อย่างเช่นกรุงมอสโกหรือเลนินกราด จากการโจมตีแต่เพียงเท่านั้นแต่มาถึงทุกวันนี้ ระบบดังกล่าวได้ถูกพัฒนาให้ครอบคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ และจากระบบ “S-300” ที่เริ่มพัฒนาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1988 ซึ่งสามารถสกัดกั้นการโจมตีในระยะ 30-40 กิโลเมตร ยกระดับขึ้นมาเป็นระบบ “S-400” ที่เริ่มพัฒนาในปี ค.ศ. 2007 ที่สกัดกั้นการโจมตีไกลออกไปถึง 60 กิโลเมตร ไปจนถึงระบบ “S-500” ที่เริ่มพัฒนาในปี ค.ศ. 2021 ที่สามารถสกัดกั้นการโจมตีจากจรวดฝ่ายตรงข้ามไกลถึง 200 กิโลเมตร แถมยังมีระบบ “A-135 Amur” และ “A-235 Nudol” ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการปกป้องผู้คน พลเมือง และอธิปไตยเหนือดินแดน ได้อย่างชนิดไม่ถึงกับต้อง “หูแหก-ตาแหก” มากมายเกินไปนัก...
คือถ้าพูดกันตามรูปมวย ภาษามวย ต้องเรียกว่า...ฝ่ายรัสเซียเขาเตรียมตัวมาดี หมั่นฟิตซ้อม ลดน้ำหนัก ควบคุมน้ำหนักมาโดยตลอด ต่างไปจากบรรดาชาติตะวันตก ที่แม้กระทั่งอดีตรัฐมนตรีกลาโหมยูเครน ที่ “ถูกถีบ” ไปเป็นทูตที่อังกฤษเพื่อไม่ให้มีโอกาส “แข่งบารมี” ผู้นำยูเครนอย่าง“นายZelensky” หรือ “พลเอกValery Zaluzhny” ที่เพิ่งให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ “Ukrainska Pravda” ไปเมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา (23 พ.ย.) นี้เอง ว่าบรรดาประเทศในยุโรปหรืออียู-อีย้วยทั้งหลาย ต่าง “ไม่พร้อมที่จะทำสงครามกับรัสเซีย”โดยเฉพาะในแง่การพัฒนาและสะสมอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีความสำคัญในระยะยาว ด้วยการชี้ให้เห็นว่า...เฉพาะแค่เดือนตุลาคมที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว ฝ่ายรัสเซียได้โจมตีแหล่งพลังงานของยูเครนด้วยเครื่องบินโดรนถึง 1,800 ลำ ส่วนเดือนพฤศจิกายนที่ยังไม่ทันครบเดือนเพิ่มขึ้นไปอีกถึง 3,000 ลำ ขณะที่ชาติยุโรปอย่างอังกฤษมีจรวดเอาไว้ต่อต้านการโจมตีดังกล่าวเพียง 5,000 ลูกเท่านั้นเอง แถมจรวดต่อต้าน สกัดกั้น ของฝ่ายตะวันตกแต่ละลูกยังมีราคาแพงแสนแพงไปด้วยกันทั้งนั้น อย่างจรวดสกัดกั้น “PAC-3” ของอเมริกา ที่มีราคาสูงถึงลูกละ 4 ล้านดอลลาร์ แค่ต้องคอยสกัดกั้นจรวดของพวก “นักรบเยเมน”อย่างพวก “Houthi” ในทะเลแดง ก็แทบ “หะ-มอย-รอม-แรม”หรือแทบไม่เหลือขนติดตัวไปแล้วก็ว่าได้...
จริง-ไม่จริง เชื่อ-ไม่เชื่อ...ก็ลองไปคิดคำนวณเอาเองก็แล้วกัน แต่ที่แน่ๆ ก็คือขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศอย่าง “IMF” จำต้องจัดเกรดให้ประเทศรัสเซียเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 4 ของโลกในแง่พลังการซื้อ แต่บรรดาประเทศยุโรปหรืออียู-อีย้วยทั้งหลาย ต่างกำลัง “กรอบเป็นข้าวเกรียบเมืองเพชร” ไปด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งพวง แถมเมื่อวัน-สองวันมานี้สำนักข่าว “Bloomberg” ของตะวันตกเอง ยังอดไม่ได้ที่ต้องนำเสนอรายงานข่าว ว่าด้วยการเผชิญ “วิกฤตพลังงาน” ที่กำลังมาเยือนบรรดาประเทศยุโรปทั้งหลายในช่วงหน้าหนาวปีนี้ โดยการอ้างคำพูดของผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานอย่าง “Dr.Markus Krebber” ซีอีโอบริษัท “RWE AG” ที่สรุปว่า “เรา(ยุโรป)ยังคงมีปัญหาด้านอุปทานพลังงาน ถ้าหากเราไม่ต้องการพึ่งพาแก๊สจากรัสเซีย” หรือยังคงต้องเจอกับราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นไปถึง 45 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้ “ภาวะเงินเฟ้อ” กดเท่าไหร่ก็ยังกดไม่ลงจนตราบเท่าทุกวันนี้...
พูดง่ายๆ ว่า...ไม่ว่าจะในแง่เศรษฐกิจ เงินๆ-ทองๆ เรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ บรรดาชาติตะวันตกทั้งหลายต่างตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เสียรูปมวยไปด้วยกันทั้งสิ้น ยิ่งเรื่อง “บุคลากร” ยิ่งแล้วใหญ่ โดยเฉพาะสำหรับ “ตัวตลก-ตัวแทน” ชาติตะวันตกอย่างยูเครนด้วยแล้ว กระทั่งสื่อตะวันตกอย่างนิตยสาร “The Economist” ยังอดไม่ได้ที่ต้องนำเสนอรายงานข่าวเมื่อช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (24 พ.ย.) ถึงขั้นว่า “ทหารยูเครนส่วนใหญ่...พร้อมที่จะยกดินแดนให้กับรัสเซีย!!!” เพื่อหวังยุติสงคราม อันเป็นตัวบั่นทอนกำลังใจบรรดาทหารยูเครนจำนวนไม่น้อย ในระดับไม่ใช่แค่ 50-50 แต่มากถึง 70-30 เอาเลยถึงขั้นนั้น หรือกำลังกลายเป็น “ปัญหาที่มิอาจแก้ไขได้” ที่ส่งผลให้เกิดการหนีทัพ หนีทหาร ไปแล้วกว่า 100,000 คน...
ยิ่งพยายามระดมพลเพิ่มเติม ถึงขั้นไล่จับ ไล่คว้าตัว มาเป็นทหารกันกลางถนน กลับยิ่งก่อให้เกิด “ผลกระทบ” ต่อเนื่องเป็นลูกระนาดไปแล้วก็ว่าได้ ชนิดแม้แต่ในบ้านเกิดของ“นายZelensky” ผู้นำยูเครนเอง หรือในเมือง “Krivoy Rog” ที่รัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาชุมชนของยูเครนต้องออกมาแสดงความหนักใจ ว่าการที่คนหนุ่มอายุตั้งแต่ 18-60 ปีถูกจับไปเป็นทหารจนไม่เหลือ “บุคลากร” ที่พอจะช่วยทำหน้าที่บริการสาธารณะใดๆ ได้อีกต่อไป ส่งผลให้โรงงานไฟฟ้าพลังน้ำ (Kakhovka hydroelectric power plant) หรือเหมืองถ่านหินที่เป็นอุตสาหกรรมหลักของเมืองแทบไม่เหลือผู้ที่จะช่วยบริหาร จัดการการหันมายอมรับความจริง หรือยอมสูญเสียดินแดน 4 เขต 4 แคว้น เช่น Donetsk, Lugansk, Kherson, Zaporozheyeรวมทั้ง Crimea ที่ต่างผ่านการทำ “ประชามติ” ให้เป็นส่วนหนึ่ง ส่วนเดียวกันกับประเทศรัสเซียไปเรียบร้อยแล้ว เพื่อยุติสงครามความขัดแย้งที่ปาเข้ามากว่า 1,000 วันเข้าไปแล้ว ย่อมน่าจะดีกว่าการ “ดันทุรัง” แบบไม่ได้เรื่อง-ไม่ได้ราว หรือแบบจนกว่าจะไม่เหลือ “ชาวยูเครนคนสุดท้าย” อีกต่อไป...
เพราะแม้แต่อดีตผู้นำเยอรมนีที่ได้ชื่อว่า “หญิงเหล็ก”อย่าง “นางAngela Merkel” ยังอดไม่ได้ที่ต้องออกมาพูดกับสื่ออังกฤษ “The Sunday Times” ไปเมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา (23 พ.ย.) ว่า “การเจรจากับรัสเซีย...คือหนทางเดียวเท่านั้นที่จะช่วยยุติสงครามยูเครน” และถ้าหากบรรดาชาติยุโรปทั้งหลายยังไม่คิดจะเลือกหนทางเช่นนี้ ก็อาจต้องหันไปพิจารณาสิ่งที่อดีตประธานาธิบดีรัสเซียและรองประธานสภาความมั่นคงคนปัจจุบัน “นายDmitry Medvedev” ได้ออกมาโพสต์ไว้ใน“Telegram” เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (24 พ.ย.) นั่นแหละ ด้วยข้อความที่ว่า... “ยุโรปกำลังวิตกว่าจะเกิดความเสียหายขนาดไหนถ้าหากจรวดรัสเซียติดหัวรบนิวเคลียร์ และเร็วขนาดไหนที่ขีปนาวุธรัสเซียจะถล่มโลกเก่า คำตอบคือ...ความเสียหายทั้งหลายเป็นสิ่งที่มิอาจป้องกันได้เลย เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะสกัดกั้นจรวดรัสเซียด้วยกรรมวิธีสมัยใหม่เท่าที่มีอยู่ และเรากำลังพูดถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้นแบบชนิดนาทีต่อนาที ด้วยเหตุนี้...วิธีเดียวที่จะหยุดยั้งความเสียหายใดๆ ก็แล้วแต่ ก็คือ...ต้องเลิกสนับสนุนสงครามเสียตั้งแต่บัดนี้!!!” นี่...จะลองใช้ “สมอง”หรือใช้ “หัวแม่ตีน” ตรองดูเอาเองก็แล้วกัน...
ที่มา : MgrOnline