เตรียมเปิดเส้นทางท่องเที่ยวประสบการณ์ใหม่ "เมืองไหมชนบท"ต้น ม.ค.68 ขายนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ

เผยแพร่ : 23 พ.ย. 2567 14:22:51
X
• เน้นการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ เรียนรู้วิถีชีวิตชาวเมืองผ
• จะเริ่มโปรโมทในเทศกาลไหมชนบท ต้นเดือนมกราคม 2568
• ร่วมระดมสมองจากภาครัฐและเอกชน

ศูนย์ข่าวขอนแก่น-นายอำเภอชนบทพร้อมหัวหน้าส่วนราชการภาครัฐและเอกชน ระดมสมองเตรียมเปิดเส้นทางท่องเที่ยวประสบการณ์ใหม่ ประเดิมการโปรโมตเพื่อขายนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลไหมชนบท ต้นเดือน ม.ค.68 นี้ โดยเน้นการเรียนรู้วิถีชีวิตชาวเมืองผ้าไหมและเรียนรู้กระบวนการผลิตผ้าไหมครบวงจรและลิ้มรสอาหารพื้นถิ่นที่หากินได้ยาก

ที่ห้องประชุมศาลาไหมไทย อ.ชนบท จ.ขอนแก่น นายปิยะพงษ์ คลังทอง นายอำเภอชนบท จ.ขอนแก่น เป็นประธานการประชุมหารือและคัดเลือกเส้นทางท่องเที่ยว โดยเน้นการท่องเที่ยวเพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่เมืองไหมชนบท มีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองท้องถิ่น ผู้ประกอบการร้านค้าผ้าไหมเข้าร่วมประชุมด้วย โดยมีโครงการวิจัยขอนแก่นเมืองแห่งการเรียนรู้หรือ Khonkaen Learning City เป็นองค์กรร่วมดำเนินการ
แฟ้มภาพ
นายปิยะพงษ์ คลังทอง นายอำเภอชนบท กล่าวว่า อำเภอชนบทเป็นอำเภอเก่าแก่ของจังหวัดขอนแก่น มีประวัติความเป็นมายาวนาน ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 เดิมชื่อเมืองชลบทวิบูลย์ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นอำเภอชนบทในปัจจุบัน โดยมีสินค้าที่สร้างชื่อเป็นหน้าเป็นตาของชาวชนบทคือผ้าไหม มีลวดลายสวยงามกว่า 300 ลาย แต่หลังจากวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 ทำให้ธุรกิจผ้าไหมซบเซาลง เดิมเคยขายได้ มีรายได้จูนเจือครอบครัว แต่ปัจจุบันขายได้น้อยลง เพราะนักท่องเที่ยวลดลง ทำให้ผู้ประกอบการผ้าไหมได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะถนนสายไหมที่อยู่ด้านหน้าที่ว่าการอำเภอชนบท มีลูกค้ามาเลือกซื้อผ้าไหมลดลงไปอย่างมาก

“โชคดีที่ทางโครงการวิจัยขอนแก่นเมืองแห่งการเรียนรู้ หรือ Khonkaen Learning City ได้มาหารือกับอำเภอเพื่อจัดทำการวิจัยเรื่องการจัดทำเส้นทางท่องเที่ยว โดยเน้นการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับนักท่องเที่ยว แต่ดึงอัตลักษณ์ของอำเภอคือผ้าไหม และเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนเข้ามาสู่กระบวนการท่องเที่ยว”นายปิยะพงษ์กล่าวและว่า
แฟ้มภาพ
โดยวันนี้ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากตัวแทนภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อจัดทำเป็นเส้นทางท่องเที่ยวแบบ one day trip และ 2 วัน 1 คืน โดยถ้าหากเป็นเที่ยวแบบไป-กลับ วันเดียวได้คัดเลือกเส้นทางคือ เริ่มต้นที่ศาลเจ้าพ่อมเหศักดิ์หลักเมือง จากนั้นเดินทางไปต่อที่วัดบึงแก้ว ซึ่งมีโบสถ์เก่าแบบปูนปั้นอายุกว่า 120 ปี ต่อด้วยศาลาไหมไทย ก่อนจะแวะรับประทานอาหารเมนูพื้นบ้าน ไม่ว่าจะเป็นหลามปลาจากกระบอกไม้ไผ่ ก้อยหอยเชอรี่สีทอง หม่ำชนบท ยำดักแด้ ต้มไก่บ้านใบมะขามอ่อน ข้าวฮางงอกเป็นต้น

หลังจากนั้นภาคบ่าย ก็เดินทางไปเยือนหมู่บ้านหัวฝาย เพื่อศึกษาเรียนรู้ดูการสาธิตการทอผ้าไหมแบบครบวงจร ก่อนจะกลับมาปิดท้ายที่ถนนสายไหมในตัวอำเภอชนบท


นายปิยะพงษ์ กล่าวอีกว่า หากเป็นการเที่ยวแบบ 2 วัน 1 คืนก็จะเพิ่มอีกวันด้วยการไปเที่ยวชมธรรมชาติที่วนอุทยานภูหันภูระงำ ซึ่งมีจุดท่องเที่ยวเด่น ๆ ที่น่าสนใจมากมายและเหมาะสำหรับกลุ่มคนที่ชอบเดินชมธรรมชาติเพราะหลายคนไม่รู้ว่าที่อำเภอเล็ก ๆ อย่างอำเภอชนบทจะมีสถานที่ที่เป็นธรรมชาติสวยงามขนาดนี้ ทั้งหินหน้าคน ทั้งหินตั้ง และอื่น ๆ อีกมากมาย

ด้านนางสุภาณี ภูแล่นกี่ ปราชญ์ชุมชนและหัวหน้าศูนย์เรียนรู้ผ้าไหมบ้านหัวฝาย อ.ชนบท เล่าว่า ก่อนหน้านี้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมหมู่บ้านหัตถกรรมหัวฝายเป็นจำนวนมาก แต่ช่วงหลังสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 เป็นตันมา นักท่องเที่ยวลดลง เดิมที่บ้านเป็นศูนย์เรียนรู้และศึกษาดูงานเรื่องการทำผ้าไหมแต้มหมี่ ซึ่งเป็นเทคนิคใหม่พิเศษและเป็นที่ต้องการของลูกค้ามากจะแวะเวียนกันมาไม่ขาดสาย แต่ทุกวันนี้นักท่องเที่ยวลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด แทบจะไม่มีด้วยซ้ำ

จะมีเพียงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาคนสองคนเพื่อมาเรียนรู้วิถีชีวิตและวิถีชาวบ้านชนบทที่มีการทอผ้าไหม แต่หากมาแล้ว รับรองได้ว่าถ้ามาเรียนรู้ที่จะได้รู้กระบวนการขั้นตอนการทอผ้าไหมทุกกระบวนการและจะได้ซื้อผ้าไหมที่เป็นไหมแท้ ชาวบ้านเลี้ยงเอง ทอเองและขายในราคาไม่แพง

สำหรับการจัดเส้นทางท่องเที่ยวประสบการณ์ใหม่ของอำเภอชนบทดังกล่าว จะเริ่มดำเนินการและเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมในช่วงการจัดงานเทศกาลไหมของอำเภอชนบทระหว่างวันที่ 8-12 มกราคม 2568 นี้ โดยราคาค่าท่องเที่ยวแบบวันเดียวกลับอยู่ที่คนละ 500 บาท แต่หากต้องการพักค้างคืนและเที่ยวแบบ 2 วัน 1 คืนจะอยู่ที่ราคาคนละ 2,000 บาทเท่านั้น สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ พัฒนาการอำเภอชนบท


ที่มา : MgrOnline