บ้าไปแล้ว! รีพับลิกันเตือน "ไบเดน" จัดอาวุธนิวเคลียร์ให้ยูเครน เท่ากับเป็นการก่อกบฏ

เผยแพร่ : 27 พ.ย. 2567 07:14:31
X
• ส.ส. มาร์โจรี เทย์เลอร์ กรีน เตือนว่า การที่ประธานาธิบดีไบเดน ช่วยเหลือยูเครนให้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์จะเป็นเรื่องบ้าคลั่ง
• กรีน ระบุว่า การกระทำดังกล่าวจะเทียบเท่ากับการก่อกบฏ
• ข่าวนี้เน้นถึงความกังวลของ ส.ส. กรีน เกี่ยวกับนโยบายของสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับยูเครนและอาวุธนิวเคลียร์ โดยไม่มีการระบุว่ามีการเคลื่อนไหวใดๆจากประธานาธิบดีไบเดนในเรื่องนี้จริงหรือไม่

ความเคลื่อนไหวใดๆ โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ที่กำลังพ้นจากตำแหน่ง ในการช่วยเหลือยูเครนครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ จะเป็นเรื่องที่ "บ้ามากๆ" และจะเทียบเท่ากับเป็นการก่อกบฏ คำเตือนจาก มาร์โจรี เทย์เลอร์ กรีน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรีพับลิกัน เมื่อช่วงต้นสัปดาห์

สมาชิกสภาผู้แทนหญิงจากจอร์เจียรายนี้ แสดงความคิดเห็นต่อโพสต์ๆ หนึ่งของ มาริโอ นอว์ฟาล ผู้ประกอบการคนดัง ซึ่งแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวชิ้นหนึ่งของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส ที่อ้างว่าพวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และอียู "กำลังหารือเกี่ยวกับมาตรการป้อมปรามต่างๆ ในฐานะเครื่องรับประกันด้านความมั่นคงสำหรับยูเครน" ในนั้นรวมถึงมอบอาวุธนิวเคลียร์แก่เคียฟ

นอว์ฟาล ให้คำจำกัดความการพูดคุยในประเด็นดังกล่าว ตามคำกล่าวอ้างของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส ว่าเป็น "ความเคลื่อนไหวที่สิ้นหวัง ในความหวังพลิกโอกาสได้เสียเหนือรัสเซีย" ก่อนว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งลุกลามบานปลายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

มาร์โจรี เทย์เลอร์ กรีน เขียนแสดงความคิดเห็นตอบกลับข้อความที่โพสต์โดย นอว์ฟาล ตั้งข้อสงสัยว่ารัฐบาลไบเดนกำลังพยายามเริ่มสงครามนิวเคลียร์ใช่หรือไม่ และใช้มันเป็นเหตุผลสำหรับหยุดการถ่ายโอนอำนาจไปยังทรัมป์ "นี่มันบ้ามาก และไม่ชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญโดยสิ้นเชิง และเป็นไปได้ที่จะเป็นพฤติกรรมกบฏ" เธอเขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์

ปัจจุบันดูเหมือนทำเนียบขาวกำลังเลือกหนทางใช้มาตรการเชิงรุกมากกว่าเดิมในการช่วยเหลือเคียฟ ก่อนหน้า ทรัมป์ กลับสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะที่ตัวแทนจากรีพับลิกันรายนี้เคยประกาศซ้ำๆ ว่าจะยุติความขัดแย้งยูเครนอย่างทันทีทันใด และถูกคาดหมายว่าจะผลักดันมอสโกและเคียฟเข้าสู่การเจรจาสันติภาพ

แม้เหลือเวลาอยู่ในตำแหน่งเพียงแค่ 2 เดือน แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีรายงานว่า ไบเดน ทำตามหนึ่งในสิ่งที่ทางยูเครนเรียกร้องมาช้านาน ให้ไฟเขียวเคียฟใช้ขีปนาวุธ ATACMS ที่อเมริกาจัดหาให้ โจมตีเป้าหมายต่างๆ ที่อยู่ลึกเข้าไปในดินแดรัสเซีย ที่ผ่านมา ขีปนาวุธนี้ถูกใช้ในการโจมตีใส่แคว้นไครเมีย แคว้นโดเนตส์ก และแคว้นลูฮันสก์ ไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากวอชิงตันมองว่ามันเป็นดินแดนของยูเครน

ในสัปดาห์ที่แล้ว หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส รายงานอ้างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บางส่วน บ่งชี้ว่า ไบเดน อาจมอบอาวุธนิวเคลียร์แก่เคียฟ ในฐานะเครื่องป้องปรามรัสเซีย "มันจะเป็นมาตรการป้องปรามที่ร้ายกาจและทันทีทันใด แต่มาตรการหนึ่งใดเช่นนี้จะยุ่งยากซับซ้อนและก่อผลกระทบร้ายแรง" นิวยอร์กไทม์สระบุ

เมื่อเร็วๆ นี้ รัสเซีย ได้ปรับปรุงแก้ไขหลักการนิวเคลียร์ของประเทศ อนุมัติให้ตอบโต้ทางนิวเคลียร์ต่อการโจมตีทั่วไปโดยรัฐที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง แต่ดำเนินการภายใต้การสนับสนุนของมหาอำนาจนิวเคลียร์หนึ่งๆ ยกตัวอย่างเช่นการยิงขีปนาวุธโจมตีดินแดนรัสเซีย นอกจากนี้ มอสโกยังได้ใช้ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกพิสัยปานกลางใหม่เล่นงานยูเครน ตอบโต้กรณีที่เคียฟใช้อาวุธพิสัยไกลที่ผลิตโดยตะวันตก โจมตีลึกเข้ามาในดินแดนรัสเซีย

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย บอกว่าการโจมตีดังกล่าวได้ผลักให้ความขัดแย้งยูเครนลุกลามสู่ระดับโลกแล้ว พร้อมกับเน้นย้ำคำเตือนว่ามอสโกจะมองว่าการโจมตีใดๆ โดยใช้อาวุธพิสัยไกลของตะวันตกเล่นงานผืนแผ่นดินรัสเซีย เทียบเท่ากับบรรดาประเทศผู้บริจาคอาวุธเหล่านั้นมีส่วนร่วมกับความขัดแย้งโดยตรง

(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)

ที่มา : MgrOnline