ญาติข้องใจ!กู้ชีพปั๊มหัวใจคนเจ็บบนรถกว่า 1 ชม. ไม่ส่งโรงพยาบาล ก่อนแจ้งเสียชีวิตแล้ว

เผยแพร่ : 27 พ.ย. 2567 06:59:44
X
• ไม่นำส่งโรงพยาบาลแม้ปั๊มหัวใจอยู่
• ญาติได้รับแจ้งว่าผู้ป่วยเสียชีวิตแล้วหลังจากที่ทีมกู้ชีพนำร่างลงจากรถ
• ญาติรู้สึกงงและไม่เข้าใจการกระทำของทีมกู้ชีพ

ญาติงงอย่างนี้ก็ได้หรือรถกู้ชีพโรงพยาบาล เอาคนเจ็บขึ้นรถปั๊มหัวใจกว่า 1 ชั่วโมง ในที่เกิดเหตุไม่นำส่งโรงพยาบาล ก่อนยกร่างลงมาบอกญาติเสียชีวิตแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 19.20 น. วันนี้ที่ 26 พฤศจิกายน 2567 พ.ต.ท.กฤชฐา ประทุมแก้ว สารวัตรสอบสวน สภ.สามโคก จังหวัดปทุมธานี ได้รับแจ้งว่ามีผู้หมดสติ อยู่บนรถบรรทุก 6 ล้อ ที่บริเวณถนนสามโคกสายใน (คลองน้ำอ้อม) หมู่ที่ 7 ต.เชียงรากใหญ่ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี จึงประสาน ทางเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู และหน่วยแพทย์กู้ชีพ โรงพยาบาลสามโคก พร้อมรุดไปตรวจสอบ

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบรถบรรทุก 6 ล้อ อีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน 82-1605 กาฬสินธุ์ ซึ่งบรรทุกเศษหิน และเศษอิฐปูนมาเต็มคันรถ จอดอยู่ริมถนน โดยมีนายสำลี ภูบัวเพชร อายุ 38 ปี คนขับ โดยที่ท้ายรถพบร่าง นายทวีศักดิ์ ไชยหาร "บอล" อายุ 18 ปี นอนหงายหมดสติ และมีเลือดออกปากและจมูก ทางเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู จึงรีบนำร่างคนหมดสติ ลงมาจากรถแล้วรีบทำการปั๊มหัวใจ ในระหว่างนั้น ได้มีรถหน่วยแพทย์กู้ชีพ โรงพยาบาลสามโคก มาถึง ทางเจ้าหน้าที่พยาบาลหน่วยแพทย์กู้ชีพฯ ได้รีบนำคนเจ็บขึ้นรถกู้ชีพ และรีบทำการปั๊มหัวใจและทำCPR ทันที โดยที่ไม่รีบนำส่งโรงพยาบาลฯ โดยมีญาติๆของคนเจ็บ ก็คอยรอลุ้นอยู่ข้างรถอย่างใกล้ชิด และก็ยังแปลกใจว่า ทำไมถึงไม่รีบนำส่งโรงพยาบาล หลังจากเวลาผ่านไปกว่า 1 ชม. ทางเจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์กู้ชีพ รพ.สามโคก ก็ลงมาจากรถตู้ พร้อมกับบอกยืนยันกับญาติๆคนเจ็บว่า น้องเสียชีวิตแล้ว ก่อนที่จะยกร่างของผู้เสียชีวิตลงมาจากรถ แล้วนำมาวางไว้ริมถนนเหมือนเดิม “สร้างความงุนงง” ให้กับญาติ และบรรดาอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู และชาวบ้านที่มามุงดูเหตุการณ์ดังกล่าว โดยทางแพทย์กู้ชีพฯพูดเพียงว่าเราพยายามช่วยปั๊มหัวใจคนเจ็บเต็มที่แล้ว แต่ไม่เป็นผล และที่ต้องยกไปปั๊มหัวใจ หรือทำCPRบนรถ เพราะมีอุปกรณ์บนรถครบครัน และเกรงว่าริมถนนจะเกิดอันตราย โดยเป็นการให้ความช่วยเหลือ ตามระบบและตามขั้นตอน หลังจากนั้น รถหน่วยแพทย์กู้ชีพ รพ.สามโคก ก็ขับออกไป จากที่เกิดเหตุทันที

ทางด้านนายสำลี ภูบัวเพชร คนขับรถบรรทุกคันเกิดเหตุ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ เมื่อช่วงบ่ายวันนี้(26 พ.ย.) ตนได้ไปรับจ้างขนเศษหินอิฐปูน ที่เขาทุบรื้อบ้าน ในหมู่บ้านปาริชาต ย่านถนน345 โดยมี น.ส.กัลยา ไชยหาญ อายุ 36 ปี ภรรยาตนและน้องฟาร์ด ลูกชายตนอายุ 6 ขวบ พร้อมกับนายทวีศักดิ์ ไชยหาร "บอล" อายุ 18 ปี (ผู้ตาย) ซึ่งเป็นหลานภรรยาตนไปด้วย และขณะกำลังจะกลับบ้านพัก แถวๆ ต.บ้านพร้าว อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ก็ได้แวะซื้ออาหาร ที่ตลาดนัดสวนพริกไทยฯ หลังจากนั้นก็ได้ขับรถออกจากตลาดมา โดยที่หน้ารถมีภรรยากับลูกนั่งมา ส่วนหลานชายนั้น เขาขอนั่งหลังรถบนกองเศษปูนเศษหิน โดยตนและภรรยายังบอก และสั่งเขาว่าให้นั่งเฉยๆ ห้ามยืนเพราะอันตราย

จากนั้นตนก็ได้ขับรถมาเรื่อยๆ และได้มารอดใต้สะพาน (ถนนสาย347) ช่วงบริเวณ หมู่ 4 ตำบลบ้านกระแชง อำเภอเมือง ปทุมธานี โดยลอดใต้สะพานที่มีความสูงอยู่ประมาณ 2 เมตร 70 เมตร ซึ่งรถตอนนั้นผ่านเป็นประจำ สามารถรอดได้ และเมื่อรอดผ่านมาเรียบร้อย ตนจึงได้เลี้ยวขวา ไปทางบริเวณถนนสามโคกสายใน (ช่วงคลองน้ำอ้อม) จังหวะนั้น ตนมองกระจกข้างฝั่งคนขับ ก็เห็นแขนของหลานชาย ลักษณะเหมือนนอนแล้วแขนห้อยมาข้างรถ ตนจึงรีบจอดรถข้างทาง จากนั้นตนและภรรยา ก็ลงมาดูและพบว่าหลานนอนหงาย โดยครั้งแรกคิดว่าหลานชายคงจะนอนหลับ เพราะเหนื่อยอ่อนเพลีย ที่ไปช่วยทำงานขนเศษอิฐปูน แต่ปรากฏว่าเห็นที่ปากและจมูก มีเลือดไหลออกมาจำนวนมาก ภรรยาตนจึงรีบโทรแจ้งตำรวจ จากนั้นไม่นานก็มีอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู มาช่วยกันนำร่างหลานชาย ตนลงมาแล้วทำการ ปั๊มหัวใจ หลังจากนั้น ก็มีรถของหน่วยแพทย์กู้ชีพของโรงพยาบาลสามโคก เดินทางมาถึงก็แนะนำ ให้เอาหลานชายตนขึ้นมาในรถ โดยครั้งแรกตนก็คิดว่า น่าจะนำไปส่งโรงพยาบาล แต่ทางแพทย์และพยาบาล ต่างก็ได้ทำการปั๊มหัวใจ และ CBR บนรถ โดยใช้เครื่อง จนกระทั่งเวลาผ่านไปชั่วโมงเศษ เขาก็ลงมาบอกว่า หลานชายตนเสียชีวิตแล้ว ซึ่งตนก็ยังไม่รู้สาเหตุว่า หลานชายตน โดนอะไรเสียชีวิต คงต้องรอให้ มีการตรวจสอบ อย่างละเอียดอีกครั้งว่าหลานชายตนนั้น โดนขอบสะพาน ที่รอดมาหรือเปล่า ตนเองก็ไม่รู้

ทางด้าน พ.ต.ท.กฤชฐา ประทุมแก้ว สารวัตรสอบสวน สภ.สามโคก บอกว่าในเบื้องต้นนั้น ได้ แจ้งไปยัง เจ้าหน้าที่และแพทย์เวร จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เพื่อให้เดินทางมาร่วมชันสูตร และตรวจสอบในที่เกิดเหตุ และได้เชิญคนขับรถไปทำการสอบสวนเพิ่มเติมที่โรงพัก ส่วนผู้เสียชีวิต ได้ให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู นำร่างผู้เสียชีวิต ส่งศพไปผ่าและชันสูตร ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ถนนสายซ่อมสร้าง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี เพื่อหาสาเหตุการตายอีกครั้ง และจะได้ประสานทางญาติๆมารับศพกับนำกลับไปบำเพ็ญกุศลต่อไป

นอกจากนั้ จะต้องตรวจสอบว่า ที่ร่างผู้เสียชีวิต มีร่องรอยการกระแทก กับวัตถุใดหรือไม่ ซึ่งถ้าหากเกิดจากการกระแทกกับขอบสะพาน ก็จะได้มีการดำเนินการแจ้งข้อหาผู้เกี่ยวข้อง และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป



ที่มา : MgrOnline