เลือกนายกอบจ.อุดรฯ ทักษิณ ทุ่มสุดตัว ชนะคุ้มค่า !?

เผยแพร่ : 25 พ.ย. 2567 23:47:49
X
• การแข่งขันในบางพื้นที่ดุเดือด
• ผลการเลือกตั้งส่งผลต่อการเมืองระดับอื่นๆ (แม้ไม่ได้ระบุชัดเจน แต่สื่อถึงการมีเดิมพันต่อเนื่อง)
 ทักษิณ ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา

ทราบผลกันไปแล้วสำหรับผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด3 จังหวัด คือ อุดรธานี เพชรบุรี และ นครศรีธรรมราช เมื่อค่ำวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และเช่นเดียวกันบางพื้นที่เป็นการแข่งขันที่ดุเดือดเข้มข้น เพราะเดิมพันกันต่อเนื่องไปถึงการเลือกตั้งสนามใหญ่ในวันข้างหน้าอีกด้วย
อย่างไรก็ดีขอโฟกัสเน้นกันเฉพาะที่จังหวัดอุดรธานี เพราะถือว่าน่าสนใจมากที่สุด ถือว่าเป็น “แบบจำลอง” การเมืองระดับชาติไม่มีผิด ผลแพ้ชนะในครั้งนี้ยังสะท้อนภาพบางอย่างได้อย่างชัดเจนทีเดียว

หากพิจารณากันอย่างผิเผิน ก็ต้องบอกว่า พรรคเพื่อไทย “ชนะขาด” เหนือกว่าผู้สมัคร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานีจากพรรคประชาชน เกือบ 6 หมื่นคะแนน ซึ่งไม่น่ามีอะไรต้องหาคำตอบเพิ่มเติมกันอีก แต่อย่างที่บอกนั่นแหละงานนี้มันเป็นเดิมพันไปถึงอนาคตข้างหน้า คือส่งผลไปถึงการเลือกตั้งส.ส.ครั้งหน้าอีกด้วย และยังรวมไปถึงสนามเลือกตั้งท้องถิ่น คือ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดล็อตใหญ่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีกสานในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ปีหน้าอีกด้วย

ก่อนไปกันต่อก็ต้องรายงานผลคะแนนกันก่อน จากการรายงานผลการนับคะแนนเลือกตั้งนายกอบจ.อุดรธานี อย่างไม่เป็นทางการครบทั้ง 2,243 หน่วยเลือกตั้ง หมายเลข 1 นายคณิศร ขุริรัง พรรคประชาชน 268,675 คะแนน หมายเลข 2 นายศราวุธ เพชรพนมพร พรรคเพื่อไทย 327,487 คะแนน และหมายเลข 3 นายดนุช ตันเทอดทิตย์ กลุ่มวิถีใหม่ 17,224 คะแนน ทั้งนี้มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 1,240,066 คนมาใช้สิทธิ์ 646,881 คน คิดเป็น 52.17%

หลังจากพอทราบผลการเลือกตั้งแล้วว่า นายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำขาดแล้ว นายทักษิณ ชินวัตร ได้วิดีโอคอลโฟนอินแสดงความยินดีกับนายศราวุธ โดยกล่าวว่า “ยินดีด้วย วันนี้เป็นการตัดสินของพี่น้องชาวอุดรฯ อย่างชัดเจนว่ายังต้องการพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคของคนอุดรฯ อยู่ต่อไป และตอนนี้ขอทวงคืน ผมกลับมาแล้ว ขอทวงคืนคะแนนเสียงจากพี่น้องชาวอุดรฯ และพี่น้องชาวอุดรฯ ก็ให้อย่างชัดเจนเลือกตั้งคราวหน้าขอให้ชัดกว่านี้อีกหน่อย เราจะได้มั่นใจว่าเราจะได้อยู่กับพี่น้องชาวอุดรฯ ดูแลพี่น้องชาวอุดรฯ ตลอดไป”

เขายังกล่าวอีกว่า “ก็ขอแสดงความยินดี หวังว่าศราวุธ นายก อบจ.คนใหม่จะทุ่มเททำงานให้พี่น้องชาวอุดรฯ อย่างเต็มที่ ไม่ให้พี่น้องผิดหวัง ถ้าทำงานไม่เต็มที่ผมเล่นงานเอง เพราะผมอุตส่าห์ไปการันตีแล้ว ถ้าทำงานไม่เต็มที่ผมเล่นงานแน่ ขอขอบคุณพี่น้องอุดรฯ อีกครั้งที่ไว้วางใจพรรคเพื่อไทย ผมยังไม่ได้แสดงความยินดีกับหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเลย ขอบคุณมาก ขอบคุณทุกคนครับ”

นั่นเป็นการพูดกับผู้สมัครที่ชนะการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานีหมาด รวมทั้งส่งเสียงไปถึงประชาชนชาวอุดรฯอีกด้วย ขณะเดียวกันยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย และลงทุนด้วยตัวเองทุกอย่างสำหรับการหาเสียงเลือกตั้งในครั้งนี้อีกด้วย

อีกทั้งเมื่อพิจารณากันอย่างละเอียดก็ยิ่งพบว่าในการรณรงค์หาเสียงสำหรับการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานีครั้งนี้พรรคเพื่อทุ่มลงมากันทั้งพรรค ระดมกันมาทุกระดับ รวมทั้งคนที่เป็นรัฐมนตรีแทบทั้งหมดต่างลงมาหมด โดย นายทักษิณ ถึงกับขึ้นเวทีหาเสียงเป็นครั้งแรกในรอบ 17-18 ปีเลยทีเดียว และยังเป็นการเดินสายขึ้นเวทีปราศรัยในเขตเลือกตั้งสำคัญถึงสามอำเภอ ต่อเนื่องกันสองวันเลยทีเดียว

นอกจากนี้ยังมีการกระชับพื้นที่รวบรวมคนเสื้อแดงที่กระจัดกระจายกันออกไปให้กลับมารวมตัวและสนับสนุนพรรคเพื่อไทยอย่างเต็มที่ เรียกว่าเขา “ทุ่มลงทุนเต็มพิกัด” ซึ่งถือว่าน่าสนใจสำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่นแบบนี้

อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาในมุมการเมืองแล้วก็ต้องบอกว่ามันมีเหตุผลสำหรับการทุ่มเทแบบนี้ของ นายทักษิณ ชินวัตร เนื่องจากพื้นที่จังหวัดอุดรธานีถือว่าเป็นพื้นที่ฐานเสียงหลัก ที่รับรู้กันแล้วว่าถือเป็น “เมืองคนเสื้อแดง” เป็นสัญลักษณ์ของพรรคเพื่อไทย และครอบครัวทักษิณ มาอย่างยาวนาน แต่มาช่วงหลังทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป เห็นได้จากผลการเลือกตั้ง ส.ส.ล่าสุดคราวที่แล้ว พรรคเพื่อไทยสูญเสียที่นั่งให้กับพรรคอื่นไปถึง 3 ที่นั่ง โดยเฉพาะในเขต 1 ที่เป็นเขตเมืองพ่ายแพ้ให้กับผู้สมัครจากพรรคประชาชน (ก้าวไกล)

ดังนั้น เมื่อมาถึงการเลือกตั้งนายกฯอบจ.คราวนี้ทำให้ นายทักษิณ ถึงกับต้องตัดสินใจลงมาด้วยตัวเอง บัญชาการด้วยตัวเอง เรียกว่า “ทุ่มสุดกำลัง” เลยก็ว่าได้ ชนิดที่ “แพ้ไม่ได้” อย่างเด็ดขาด เพราะหากแพ้ หรือชนะแบบฉิวเฉียดถือว่าเสียหาย และจะ “รวน” กันไปหมด โดยเฉพาะกับพื้นที่ภาคอีสานที่ถือว่าเป็น “ฐานหลัก”

และแน่นอนว่าเมื่อพิจารณาจากผลคะแนนที่ออกมาอย่างไม่เป็นทางการมองผ่านๆก็ถือว่าผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยชนะขาดลอย ชนะคู่แข่งจากพรรคประชาชนถึงเกือบ 6 หมื่นคะแนน แต่หากพิจารณาจากต้นทุนการหาเสียงทุ่มเทแล้ว สำหรับ พรรคเพื่อไทยและ นายทักษิณ นั้นไม่น่าจะคุ้มค่านัก

แม้ว่าอีกมุมหนึ่งฝ่ายพรรคประชาชนจะระดมแกนนำกันมาทั้งพรรค ระดับ “เจ้าของ” อย่าง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็ขนมากันครบทีม เป็นงานใหญ่เช่นกัน แต่หากเทียบกันแบบตัวต่อตัวยังไง นายทักษิณ ก็ต้องมีระดับเหนือว่าอยู่แล้ว

อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบผลคะแนนกับผลการเลือกตั้งนายกฯอบจ.อุดรธานี เมื่อปี 2563 ที่พรรคเพื่อไทย ส่งนายวิเชียร ขาวขำ ลงสมัครและได้ชัยชนะ ได้คะแนนไปทั้งสิ้น 325,933 คะแนน ครั้งนี้ที่ส่ง นายศราวุธ เพชรพนมพร ได้คะแนนเพิ่มขึ้นจากครั้งก่อน 1,554 คะแนน ส่วนทางคณะก้าวหน้า หรือทราบกันดีในนามพรรคสีส้ม ที่ส่ง นายฐานวัฒน์ ธนาธัญญพิชญ์ คราวนั้นได้คะแนนไปทั้งสิ้น 185,801 คะแนน มาครั้งนี้ ส่งนายคณิศร ขุริรัง ในนามพรรคประชาชน ได้คะแนนเพิ่มขึ้นถึง 82,874 คะแนน

ถือว่าคะแนนของพรรคก้าวไกลเพิ่มขึ้นสูงมาก และเมื่อเทียบกับพรรคเพื่อไทยที่ถือว่าเพิ่มขึ้นในระดับที่ลดลงอย่างมาก ดังนั้นในการเลือกตั้ง ส.ส.คราวหน้าที่เป็นสนามใหญ่ที่ทั้งสองพรรคจะต้องขับเคี่ยวกัน ยังเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะต้องเจอศึกหนักแน่นอน และจังหวัดอุดรฯแล้วเมื่อพิจารณาจากผลคะแนนในหลายเขต ทั้งเขตเมืองและอำเภอใหญ่ พรรคประชาชนน่าจะรุกคืบได้อีก ส่วนจะเป็นการ “ละคร” หรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง

ดังนั้นหากพิจารณากันอย่างรอบด้านแล้ว ผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานีคราวนี้ แม้ว่าผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยจะชนะพรรคประชาชนแบบขาดลอยถึงเกือบ 6 หมื่นคะแนนก็จริง แต่เมื่อพิจารณาผลคะแนนรวมเมื่อเทียบกับผลการเลือกตั้งคราวที่แล้ว ถือว่าพรรคประชาชนมีคะแนนก้าวกระโดดสูงมาก และหากพิจารณาจากผลการทุ่มทุนสุดตัวของ นายทักษิณ ด้วยแล้ว ผลที่ออกมามันคุ้มค่าหรือเปล่า !!


ที่มา : MgrOnline