ครม.ตั้งบอร์ดคดีพิเศษใหม่ 9 คน “ชาติพงษ์” อดีต รอง อสส.นั่ง กคพ.ด้านกฎหมาย
เผยแพร่ : 21 พ.ย. 2567 21:54:38
• ชาติพงษ์ จันทรางศุ อดีตรองอธิบดีอัยการสูงสุด (ด้านกฎหมาย)
• นรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย (ด้านกฎหมาย)
• มนู เมฆหมอก (ด้านปราบปรามผู้มีอิทธิพล)
• สุทิน ทรัพย์พ่วง (ด้านสอบสวนคดีอาญา)
• สำราญ นวลมา (ด้านปราบปรามฟอกเงิน)
• และอีก 4 คนในตำแหน่งอื่นๆ
ครม.ตั้งบอร์ดคดีพิเศษใหม่ 9 คน “ชาติพงษ์” อดีต รอง อสส.- “นรินท์พงศ์” นายกสมาคมทนายความ นั่ง กคพ.ด้านกฎหมาย - “มนู เมฆหมอก” ด้านปราบปรามผู้มีอิทธิพล - “สุทิน ทรัพย์พ่วง” ด้านสอบสวนคดีอาญา - “สำราญ นวลมา” ด้านปราบปรามฟอกเงิน
เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ (ก.ค.พ.) จำนวน 9 คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี ดังนี้
1. นายเพ็ชร ชินบุตร (ด้านเศรษฐศาสตร์)
2. นายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม (ด้านการเงินการธนาคาร)
3. นางดวงตา ตันโช (ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ)
4. นายชาติพงษ์ จีระพันธุ อดีตรองอัยการสูงสุด (ด้านกฎหมาย)
5. นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย (ด้านกฎหมาย)
6. นางทัชมัย ฤกษะสุต (ด้านกฎหมาย)
7. พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง อดีตรอง ผบ.ตร.(ด้านการสอบสวนคดีอาญา)
8. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน)
9. พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก อดีตรอง ผบ.ตร.(ด้านการปราบปรามผู้มีอิทธิพล)
โดยประธานคณะกรรมการคดีพิเศษจะเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ที่ผ่านมา ก็จะมีรองนายกรัฐมนตรีที่ดูเเลด้านความมั่นคงมานั่งเป็นประธานตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย ซึ่งปัจจุบันเป็น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เเละจะมีคณะกรรมการคดีพิเศษโดยตำแหน่งที่มาจากหน่วยงานต่างๆ เช่น อัยการสูงสุด, สำนักงานตำรวจเเห่งชาติ, ดีเอสไอ สภาทนายความ เเละกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ ที่เชี่ยวชาญด้านต่างๆ โดยบทบาทสำคัญของกรรมการคดีพิเศษ คือ การรับเรื่องดำเนินการเป็นคดีพิเศษ ซึ่งปกติเเล้วการรับคดีเป็นคดีพิเศษจะมี 2 ประเภท คือ เข้าเกณฑ์ที่ต้องรับโดยอัตโนมัติ เช่น คดีมีผู้เสียหาย 100 คน ความเสียหายเกิน 300 ล้านบาท และเงื่อนไขตามกฎหมายอื่นๆ
แต่ในส่วนคดีอาญาทั่วไปที่ทางดีเอสไอไปสืบสวนเรื่องเเละเห็นควรเสนอให้รับไว้เป็นคดีพิเศษก็จะเสนอคณะกรรมการคดีพิเศษมีมติเห็นควร 2 ใน 3 จึงจะรับไว้เป็นคดีพิเศษ โดยมีอำนาจรับคดีไว้ได้เเม้กระทั่งบางคดีที่อยู่ในอำนาจของตำรวจเเล้ว
สำหรับกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ ในชุดนี้มีบุคคลที่น่าสนใจในสายกฎหมาย คือ นายชาติพงษ์ จีระพันธุ์ ที่ล่าสุด ได้รับเเต่งตั้งจากคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ในคดีดิไอคอน ทั้งยังเคยเป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีการเข้าค้นบ้านพักของข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ (พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.) และเคหสถานอื่นหลายแห่งทั่วประเทศ ซึ่งที้ผ่านมา หากมีคดีที่เกี่ยวพันถึงข้าราชการระดับสูง หรือคดีอิทธิพลต่างๆ จะมีการดึง นายชาติพงษ์ เข้ามาเป็นกรรมการ เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญแม่นยำในข้อกฎหมาย และเคยเป็นอดีตรองอัยการสูงสุด (รอง อสส.) ซึ่งในสมัยเป็นอัยการ มีฝีมือเรื่องปราบการทุจริตคอร์รัปชัน และประสบการณ์มากมาย เคยเป็นรองอธิบดีอัยการคดีพิเศษ และอธิบดีอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ยังเป็นหัวหน้าคณะทำงานที่คุมคดีสำคัญของสำนักงานคดีพิเศษหลายคดี, คดีนิติบุคคล ฟิลิป มอร์ริส นำเข้าบุหรี่โดยหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร ซึ่งขณะนั้นมีกรณีพิพาทระหว่างประเทศไทยกับประเทศฟิลิปปินส์ ในเรื่องนี้ที่องค์การการค้าโลก หรือ ดับเบิลยูทีโอ, คดีทุจริต สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งเกี่ยวพันถึงคดีทุจริตฟอกเงินเครือข่ายวัดธรรมกาย, คดีธนาคารกรุงไทย ปล่อยกู้กลุ่มบริษัท กฤษดามหานคร, คดีทุจริตการฟอกเงินในโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน เคยเป็นกรรมการสอบวินัยร้ายแรง นายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด กรณีสั่งไม่ฟ้องบอส ลูกนักธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง ขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต
สายกฎหมายยังมีบุคคลที่น่าสนใจ คือ นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย 6 สมัยติดต่อกัน ซึ่งที่ผ่านมา มีบทบาทในการนำสมาคมทนายความช่วยเหลือประชาชน เเละทำคดีอาญาที่มีลักษณะเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมืองมาอย่างโชกโชน เเละคดีของนักการเมืองดังมีชื่อเสียง เเละที่ผ่านมา มีการให้ความเห็นทางการเมืองเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพเเละข้อกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงเป็นทีมกฎหมายทำคดีที่มีมูลค่าสูงที่เกี่ยวกับรัฐ หรือบริษัทนายทุนยักษ์ใหญ่ ถือเป็นทนายความที่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน
ทั้งนี้ อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ของคณะกรรมการคดีพิเศษตามกฎหมายเป็นไปตามมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 ดังนี้
1. เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวงกำหนดคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรรคหนึ่ง (1)
2. กำหนดรายละเอียดของลักษณะของการกระทำความผิดตามมาตรา 21วรรคหนึ่ง (1)
3. มีมติเกี่ยวกับคดีความผิดทางอาญาอื่นตามมาตรา 21วรรคหนึ่ง (2)
4. กำหนดข้อบังคับหรือหลักเกณฑ์ตามที่มีบทบัญญัติกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการคดีพิเศษ
5. ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.นี้
6. ให้ความเห็นชอบหลักสูตรสอบสวนคดีพิเศษ
7. ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามพระราชบัญญัตินี้ หรือตามที่มีกฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการคดีพิเศษ ซึ่งประกอบด้วย
(1) การมีมติตามมาตรา 21 วรรคท้าย เพื่อชี้ขาดกรณีที่มีข้อโต้แย้งหรือมีข้อสงสัยว่า การกระทำความผิดใดเป็นคดีพิเศษตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) หรือไม่
(2) การให้ความเห็นชอบคดีพิเศษคดีหนึ่งคดีใดหรือคดีประเภทใดต้องมีพนักงานอัยการหรืออัยการทหารมาสอบสวนร่วมกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษหรือมาปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษตามมาตรา 32
(3) การมีมติให้คดีพิเศษที่เกิดขึ้นก่อนพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ประกาศใช้และคดียังไม่ถึงที่สุดมาเป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษตามมาตรา 44 ในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวข้างต้น คณะกรรมการคดีพิเศษดำเนินการโดยผ่านกระบวนการประชุมขึ้นตามมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 กำหนดให้นำบทบัญญัติว่าด้วยคณะกรรมการที่มีอำนาจดำเนินการพิจารณาทางปกครองตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมาใช้กับการประชุมของคณะกรรมการคดีพิเศษโดยอนุโลม และตามมาตรา 12 ได้ให้อำนาจคณะกรรมการคดีพิเศษแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติงานอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่คณะกรรมการคดีพิเศษกำหนด
ที่มา : MgrOnline