(คลิป) สัตวแพทย์เผย “พลายศักดิ์สุรินทร์” งางอกเรี่ยพื้น-หนักเกิน กระทบการใช้ชีวิต-เสี่ยงต่อสุขภาพช้าง
เผยแพร่ : 21 พ.ย. 2567 10:39:41
• น้ำหนักงาเกิน ทำให้เดินลำบาก ต้องเกร็งคอตลอดเวลา
• สัตวแพทย์ รพ.ช้างลำปาง เสนอขอตัดงา เพื่อสุขภาพของช้าง
• การตัดงาจะช่วยให้พลายศักดิ์สุรินทร์ใช้ชีวิตได้สะดวกขึ้นและลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ
ลำปาง - ทีมสัตวแพทย์ รพ.ช้างลำปางเสนอขอตัดงา “พลายศักดิ์สุรินทร์” หลังพบงอกไม่หยุด จนยาวเรี่ยพื้น-หนักเกิน เดินเหินต้องเกร็งคอตลอดเวลาไม่ให้งาแตะพื้น เริ่มกระทบการใช้ชีวิตของช้าง-เสี่ยงต่อสุขภาพ
กรณีที่มีกระแสข่าว รพ.ช้างลำปางกำลังมีการพิจารณาเสนอให้ตัดงา “ช้างพลายศักดิ์สุรินทร์” บางส่วนออก เนื่องจากงายาวเกินไปจนทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของช้างมีความยากลำบากและอาจจะกระทบต่อสุขภาพของช้างเพราะรับน้ำหนักงามากเกินไปนั้น
วันนี้ (21 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สถาบันคชบาลแห่งชาติในพระอุปถัมภ์ (ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยลำปาง) ต.เวียงตาล อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง พบกับ สพ.ญ.วรางคณา ลังการ์พินธุ์ สัตวแพทย์ที่ดูแลช้าง ซึ่งได้นำผู้สื่อข่าวไปดูจุดที่ช้างพลายสุรินท์อาศัยอยู่บริเวณเนินเขาใกล้กับ รพ.ช้างฯ
เมื่อไปถึงก็พบว่าพลายศักด์สุรินทร์กำลังกินหญ้าที่ควาญช้างนำไปให้ แต่จะเห็นว่างาของพลายศักดิ์สุรินทร์ทั้งสองงางอกยาวเพิ่มขึ้นจากเดิมจนเกือบจะถึงพื้น และช้างต้องก้มหัวลงเพราะน้ำหนักของงาเพิ่มขึ้นด้วย
สพ.ญ.วรางคณาเปิดเผยว่า งาของพลายศักดิ์สุรินทร์นั้นยาวมากๆ ยาวเกินไป และก็จะงอกยาวเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งขณะนี้ที่เห็นคือเกือบจะแตะพื้นดิน และงาช้างยิ่งยาวก็ยิ่งหนัก ทำให้ช้างใช้ชีวิตประจำวันลำบากมากขึ้น เพราะช้างต้องเกร็งคอคอยเชิดหัวขึ้นสู้กับน้ำหนักงาที่หนักอยู่ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้งาแตะกับพื้นดิน โดยเฉพาะเวลาช้างเดินขึ้น-ลงเนิน หรือเจอสิ่งกีดขวาง ก็ต้องคอยเชิดหัวให้สูงตลอดเวลา ซึ่งหากเป็นแบบนี้ต่อไปช้างจะมีปัญหาด้านสุขภาพแน่นอน
ทางทีมสัตวแพทย์ที่ดูแลก็ได้มีการปรึกษาอาจารย์ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเทคนิคการแพทย์ว่าอาจจะทำการตัดเล็มงาของพลายศักดิ์สุรินทร์บางส่วนออกเพื่อให้งาสั้นขึ้นนิดหน่อย ลดน้ำหนักของงาและให้ช้างดำรงชีวิตได้ง่ายขึ้น แต่ทั้งนี้ทางสัตวแพทย์จะดำเนินการทันทีไม่ได้ เพราะมีหลายขั้นตอนและหลายหน่วยงานที่ต้องร่วมตัดสินใจ ขณะนี้ทางสัตวแพทย์เพียงแต่ได้มีการเสนอให้ตัดเล็มงาออก ซึ่งก็ต้องรอการพิจารณาก่อนถึงจะดำเนินการได้
ส่วนอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่ขาหน้าซ้ายของข้อศอก-เอ็น ซึ่งพลายศักดิ์สุรินทร์เป็นมาก่อนหน้านี้ ทำให้ช้างไม่ค่อยงอขานั้นทางสัตวแพทย์รักษาโดยการทำกายภาพตอนนี้อาการช้างดีขึ้นแล้ว การเดินดีขึ้น แต่ท่าทางการเดินเมื่องอขาแล้วยังมีการเหวี่ยงขาอยู่บ้างเล็กน้อย
สำหรับ “พลายศักดิ์สุรินทร์” ถูกส่งไปเป็นทูตสันถวไมตรีที่ศรีลังกาตั้งแต่ปี 2544 ขณะนั้นเป็นลูกช้างอายุไม่ถึง 10 ปี จนวันนี้มีอายุราว 30 ปี ถือเป็นช้างที่มีงาสวยงาม และอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ ซึ่งหลังจากเดินทางไปศรีลังกาได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น “มธุราชา” (Muthu Raja)
กระทั่งปี 2565 องค์กร “Rally for Animal Rights & Environment” (RARE) ซึ่งเป็นองค์การด้านการพิทักษ์สิทธิสัตว์ในศรีลังกา ได้ร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้แรงงานพลายศักดิ์สุรินทร์ที่ค่อนข้างหนัก ว่าช้างเชือกนี้ไม่ได้รับการดูแล ถูกล่ามโซ่ มีสภาพผอมโซ มีบาดแผลฝีที่สะโพก และขาบาดเจ็บ ควรได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเร่งด่วน
หลังจากนั้นเรื่องราวของพลายศักดิ์สุรินทร์ได้กลายเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนและคนไทยในวงกว้าง โดยในเดือน ส.ค. 65 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมความเป็นอยู่ของพลายศักดิ์สุรินทร์ เดือน ก.ย. 65 มีการส่งทีมสัตวแพทย์ไปตรวจสอบสุขภาพของพลายศักดิ์สุรินทร์
ผลจากการตรวจสอบพบว่าพลายศักดิ์สุรินทร์มีปัญหาด้านสุขภาพจริง ควรให้ช้างหยุดการทำงานและส่งตัวกลับมารักษาอาการป่วยที่ประเทศไทย โดยในเดือน พ.ย. 65 ได้มีการย้ายพลายศักดิ์สุรินทร์มาดูแลในเบื้องต้นที่ “สวนสัตว์แห่งชาติศรีลังกา” หรือ “สวนสัตว์เดฮิวาลา” (Dehiwala) กรุงโคลัมโบ
เดือน ก.พ. 66 รัฐบาลศรีลังกาเห็นชอบว่าพลายศักดิ์สุรินทร์ควรได้รับการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมโดยเร่งด่วน และขอบคุณรัฐบาลไทยในความช่วยเหลือดูแลสุขภาพช้าง โดยเห็นชอบให้นำพลายศักดิ์สุรินทร์กลับมารักษาอาการเจ็บป่วยที่ประเทศไทย
การนำพลายศักดิ์สุรินทร์กลับบ้านมีการเคลื่อนย้ายช้างจากสวนสัตว์เดฮิวาลา มายังสนามบินโคลัมโบ ก่อนจะนำช้างขึ้นเครื่องบิน Ilyushin IL-76 (อิลยูชิน อิล-76) เดินทางกลับสู่ประเทศไทย ณ สนามบินเชียงใหม่ ในช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. ของวันที่ 2 ก.ค. 66 จากนั้นมีการนำพลายศักดิ์สุรินทร์ไปดูแลรักษาอาการป่วยที่ สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ (ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย) อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ในวันเดียวกัน
ที่มา : MgrOnline