HBA ชี้มูลค่าสั่งสร้างบ้าน Q4 หดตัว 10% เตือนสมาชิกคุมต้นทุนรับมือแข่งราคารุนแรง
เผยแพร่ : 18 พ.ย. 2567 05:15:07
• แนวโน้มปี 68 จับตา 3 ปัจจัยหลัก (รายละเอียดปัจจัยไม่ระบุในเนื้อหา)
• สัญญาณความเชื่อมั่นผู้บริโภคเริ่มฟื้นตัว
• ดีมานด์บ้านหรูมีการเติบโต
สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เผยมูลค่ารวมยอดเซ็นสัญญาสั่งสร้างบ้านไตรมาส 4 ปี 67 ปรับตัวลดลงประมาณ 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 66 ส่องแนวโน้มปี 68 จับตา 3 ปัจจัย ตัวแปรสัญญาณชัดความเชื่อมั่นผู้บริโภคเริ่มฟื้นตัว ดีมานด์บ้านหรูโตต่อเนื่อง แต่ส่อเค้าแข่งราคารุนแรง เหตุผู้รับเหมาร่วมชิงกำลังซื้อ ดัมป์ราคาสูงถึง 27% ระวัง “สร้างบ้านไม่ได้บ้าน” เตือนสมาชิกสมาคมคุมต้นทุนคู่รักษาคุณภาพ คาดยอดสั่งสร้างบ้านรวมสิ้นปีนี้ 11,000 ล้านบาท
นายโอฬาร จันทร์ภู่ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association : HBA) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2 ปี 2567 ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านตกลงประมาณ 20% อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ตลาดรับสร้างบ้านมีแนวโน้มดีขึ้นและเป็นไปในทิศทางบวกเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ มาจากผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศ และขานรับต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ประกาศใช้ ทั้งมาตรการเงิน 10,000 บาทที่ส่งถึงมือประชาชนกลุ่มเป้าหมาย และแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยว ทำให้ผู้บริโภคที่วางแผนสร้างบ้านเริ่มกลับมาตัดสินใจสร้างบ้านอีกครั้งหลังจากชะลอแผนไปในช่วงที่ผ่านมา โดยความต้องการสร้างบ้านที่มีสัญญาณฟื้นตัวที่ดีในไตรมาส 4 เป็นกลุ่มบ้านระดับราคา 5-10 ล้านบาท รองลงมาเป็นกลุ่มบ้านระดับราคา 20 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนจากยอดสั่งสร้างบ้านภายในงานรับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2024 ครั้งล่าสุด
นอกจากนี้ ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีตลาดรับสร้างบ้านยังได้รับปัจจัยบวกจากแรงจูงใจด้านการลดหย่อนภาษีการสร้างบ้าน สำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้าน มูลค่า 1 ล้านบาท สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษี 10,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท (ราคาไม่ เกิน 10 ล้านบาท) โดยเป็นบ้านสั่งสร้างที่มีการเซ็นสัญญา และเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ 9 เมษายน 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2568
“โดยรวมไตรมาส 4 นับว่ากระเตื้องขึ้นมาค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปีนี้ สาเหตุหลักน่าจะมาจากการจัดงานงานรับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2024 เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจด้วยโปรโมชันที่ดึงดูด อย่างไรก็ดี กำลังซื้อที่กลับมาถือว่าเป็นตัวเลขต่ำกว่าไตรมาส 4 ของปี 2566 ประมาณร้อยละ 10 ทั้งนี้ เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจของประเทศที่ทำให้ผู้บริโภคยังขาดความเชื่อมั่น คาดว่ามูลค่ารวมยอดเซ็นสัญญาสั่งสร้างบ้านของบริษัทรับสร้างบ้าน (ที่เป็นสมาชิกสมาคม) ในสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 11,000 ล้านบาท”
ด้านแนวโน้มตลาดรับสร้างบ้านในปี 2568 โดยรวมสัญญาณค่อนข้างดีขึ้นจากปัจจัยสนับสนุน ทั้งการลดอัตราดอกเบี้ย ผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นจากนโยบายของรัฐบาล ซึ่งน่าจะมีข่าวดีจากโครการ ซ่อม สร้าง ในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ กลุ่มดีมานด์บ้านหรูยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในตลาดกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด รวมไปถึงปัจจัยภายนอกอย่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่จะมีความชัดเจนด้านนโยบายต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยในภาพรวม โดยคาดว่ายอดเซ็นสัญญาสั่งสร้างบ้านของบริษัทรับสร้างบ้านน่าจะเติบโตขึ้น 10% จากปี 2567
สิ่งที่น่าจับตามองในปี 2568 นายโอฬาร กล่าวว่า เป็นการแข่งขันด้านราคาที่คาดว่าจะรุนแรงขึ้น จากช่างรับเหมาในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่หันมารับงานสร้างบ้าน โดยเป็นการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ส่วนใหญ่ที่พบจะเน้นรับก่อสร้างบ้านในราคาที่ต่ำกว่าตลาดรับสร้างบ้าน จึงมีความกังวล ทั้งในประเด็นการแข่งขัน รวมไปถึงคุณภาพและมาตรฐานการสร้างบ้านที่จะส่งมอบถึงมือผู้บริโภค
“การรับสร้างบ้านในราคาที่ต่ำอาจส่งผลต่อคุณภาพงาน นอกจากนี้ หากเป็นบุคคลธรรมดาที่ไม่ได้เข้าระบบภาษีมารับงาน อาจทำสัญญาที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจรับสร้างบ้านได้ ซึ่งเราเห็นสัญญาณปัญหาดังกล่าวจะเกิดขึ้นแรงในปี 2568 เพราะเหตุจากโครงการอสังหาฯช่วงที่ผ่านมาลดลง ผู้รับเหมาที่สร้างคอนโดมิเนียม จะต้องดิ้นหางาน หาเงินเลี้ยงลูกน้อง ทำให้มองว่า การมารับงานรับสร้างบ้านจะเป็นโอกาส แต่จริงๆ แล้ว การสร้างบ้านมีรายละเอียดปลีกย่อยมากกว่าโครงการคอนโดฯ แต่ทางสมาคมยังเป็นห่วง โดยเตือนสมาชิกรับมือกับการแข่งขันราคาที่เกิดขึ้น ซึ่งจะมีการดัมป์ราคาไม่ต่ำกว่าร้อยละ 27 โดยเน้นที่การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาคุณภาพงานที่ดีและได้มาตรฐาน”
ทั้งนี้ สำหรับสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เดิมมีสมาชิกสมาคมที่เป็นบริษัทรับสร้างบ้านจำนวน 70 ราย และได้รับความสนใจจากบริษัทรับสร้างบ้านทั่วประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี 2567 มีสมาชิกที่ผ่านเกณฑ์การตรวจสอบมาตรฐานเพิ่มเป็น 80 ราย โดยปัจจุบันสัดส่วนสมาชิกเป็นบริษัทรับสร้างบ้านในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 65% ต่างจังหวัด 35% และคาดว่าสัดส่วนสมาชิกในต่างจังหวัดจะเพิ่มเป็น 50% ในปี 2568 เนื่องจากมีบริษัทรับสร้างบ้านแสดงเจตจำนงขอสมัครเข้ามาเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด
ที่มา : MgrOnline