“กาแฟพันธ์ุไทย” ขยาย GEN Z-เร่งบุกนอกปั๊ม
เผยแพร่ : 19 พ.ย. 2567 08:16:14
• เน้นขยายสาขาออกนอกปั๊มน้ำมัน PT มากขึ้น
• เจาะทำเลหลากหลาย เช่น โรงพยาบาล, อาคารสำนักงาน, ห้างสรรพสินค้า, และคอมมูนิตี้มอลล์
• ใช้กลยุทธ์ทั้งแฟรนไชส์และลงทุนเองในสัดส่วน 50/50
ผู้จัดการรายวัน 360 – เปิดกลยุทธ์ “กาแฟพันธ์ุไทย” ไต่ระดับสู่เป้าหมาย 5,000 สาขาในปี 2570 เดินเกมขยายสาขานอกปั๊มน้ำมันพีทีมากขึ้น เจาะทุกทำเลทั้ง โรงพยาบาล ออฟฟิศทาวเวอร์ พลาซ่า คอมมูนิตี้มอลล์ ๆ ปูพรม แฟรนไชส์และลงทุนเอง 50% เท่ากัน ชูแฟนด้อมมาร์เก็ตติ้ง คว้าตัว “คัลแลนกับจอง” เป็นแบรนด์พรีเซ็นเตอร์คู่แรก หวังขยายฐานกลุ่มZ
นางสาวสุขวสา ภูชัชวนิชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด ในเครือพีทีกรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทฯได้วางกลยุทธ์การขยายธุรกิจและสร้างการเติบโตให้กับร้านกาแฟพันธ์ุไทยอย่างชัดเจนเพื่อไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะต้องมีร้านกาแฟพันธ์ุไทยไม่ต่ำกว่า 5,000 สาขา แบ่งเปฺ็นแฟรนไชส์ 50% และของบริษัท 50% เท่ากัน ภายในปี 2570
ขณะที่่ภายในสิ้นปี2567นี้ พันธ์ุไทยจะมีสาขารวมประมาณ 1,300 สาขา จากช่วงสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมามีประมาณ 1,150 สาขา โดยเป็นแฟรนไชส์ 25% และเป็นของบริษัทประมาณ 75% หลังจากที่เพิ่งเริ่มขายแฟรนไชส์ประมาณ 2 ปีเอง โดยปีนี้วางแผนขยายประมาณ 400 สาขา
ปัจจุบันสัดส่วนร้านที่เปิดนั้น เป็นร้านที่เปิดในปั๊มพีที 60% และร้านนอกปั๊มพีที 40% จากจำนวนปั๊มน้ำมันพีทีประมาณ 2,000 กว่าแห่ง ซึ่งบริษัทมีนโยบายที่จะขยายสาขาทั้งในปั๊มพีทีและนอกปั๊มพีทีควบคู่กันไป โดยเฉพาะนอกปั๊มจะขยายมากขึ้น เพื่อให้ร้านเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้นด้วย สำหรับทำเลที่มีเป้าหมายจะขยายนั้น เปิดกว้างทั้งออฟฟิศ โรงพยาบาล พลาซ่า คอมมูนิตี้มอลล์ ค้าปลีกต่าง ๆ
เนื่องจากบริษัทวางคอนเซ็ปท์ของกาแฟพันธ์ุไทยไว้ว่า Every Where Every One คือ กาแฟพันธ์ุไทยจะต้องเข้าไปอยู่ในทุกโมเมนต์ทุกอารมณ์ทุกสถานที่ของผู้บริโภคให้ได้ จึงจำเป็นต้องขยายตัวออกนอกป๊มน้ำมันพีทีมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีร้านกาแฟคู่แข่งของปั๊มน้ำมันอื่นที่มีการขยายสาขาออกนอกปั๊มน้ำมันมากขึ้นแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีโอกาสอีกมากที่พันธ์ุไทยจะขยายสาขาใหม่ เนื่องจากยังมีพื้นที่อีกมากที่ยังมีร้านกาแฟตอบสนองตลาดไม่เพียงพอ แม้ว่าปัจจุบัน ร้านกาแฟพันธุ์ไทยสามารถขยายสาขาได้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดแทบทุกจังหวัดแล้วก็ตาม ขาดจังหวัดที่ยังไม่ได้เข้าไปคือ ยะลากับนราธิวาส แต่ในส่วนจังหมวัดอื่นๆก็ยังมีโอกาสอีกทั้งในตลาดระดับอำเภอ ตำบล โดยจะมีฟอร์แมตของร้าน 3 รูปแบบ คือสาขาแบบสแตนด์อะโลน สาขาแบบบิวท์ อิน และสาขาแบบคีออส
“การทำตลาดของพันธ์ุไทยนั้น ใช้วิธีการเชิงรุกโดยเฉพาะเรามีข้อมูลดาต้าที่มาจากบัตรแม็กซ์การ์ดของเครือพีที ซึ่งขณะนี้มีฐานสมาชิกแล้วมากกว่า 23ล้านราย และบัตรแม็กซ์ การ์ด พลัส อีก ประมาณ 1 ล้านราย ทำให้บริษัทสามารถรู้ถึงพฤติกรรมการใช้จ่าย การบริโภคของลูกค้าได้ตรงจุด สามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อวางแผนการตลาด ทำโปรโมชั่น หรือ การคิดเมนูได้ตรงจุดความต้องการจริง” นางสาวสุขวสา กล่าว
โดยฐานลูกค้าหลักของพันธ์ุไทยขณะนี้จะมาจาก บัตรสมาชิกมากกว่า 70% ที่มาใช้บริการ ซึ่งลอยัลตี้ แพลตฟอร์มนี้สามารถช่วยสร้างฐานลูกค้าประจำได้เป็นอย่างดี จากการนำเสนอสิทธิประโยชน์ โดยเฉพาะส่วนลดที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย โดยลูกค้าแมกซ์การ์ดจะมีการเข้ามาใช้บริการเฉลี่ยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
“ตลาดกาแฟในไทยมีมูลค่ามากกว่า 55,000-60,000 ล้านบาท และยังเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 10%-15% ต่อปี ด้วยพฤติกรรมของคนไทยที่ดื่มกาแฟมากขึ้น แต่มองในภาพรวมแล้วก็ยังคงน้อย เม่ื่อเทียบกับประเทศอื่น คือ คนไทยดื่มกาแฟประมาณ 300 แก้วต่อคนต่อปี ส่วนคนญี่ปุ่นดื่มกาแฟประมาณ 400 แก้วต่อคนต่อปี คนยุโรปดื่มมากถึง 600 แก้วต่อคนต่อปี ส่วนคนฟินแลนด์ ดื่มมากถึง 1,000 แก้วต่อคนต่อปี” นางสาวสุขวสา กล่าว
สำหรับแนวทางการทำตลาดของกาแฟพันธ์ุไทยก็จะทำในเชิงรุกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำโปรโมชั่น การพัฒนาเมนูใหม่ การร่วมมือกับชุมชน การทำคอลแลบ และทีสำคัญที่สุดปีนี้เป็นปีแรกที่พันธ์ุไทยใช้กลยุทธ์พรีเซ็นเตอร์ ด้วยการเปิดตัว จองกับคัลแลน ชาวเกาหลี เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คู่แรกด้วย
นางสาวสุขวสา กล่าวว่า “เป็นครั้งแรกของพันธุ์ไทยที่มีการใช้กลยุทธ์ Fandom Marketing ในการขยายฐานไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ พันธุ์ไทยจึงมองหา Brand Presenter ที่มีความกลมกล่อมพอดี เป็นตัวแทนของแบรนด์ในการสื่อสาร สร้างการรับรู้ และเพิ่มการมีส่วนร่วม
โดยโจทย์แรกที่แบรนด์ให้ความสำคัญที่สุดคือ การเป็น Real User หรือ Big Fan ตัวจริง เพื่อส่งมอบประสบการณ์ และความสุขในการใช้บริการอย่างจริงใจ เห็นได้จากคอนเทนต์ช่องยูทูบของ ‘คัลแลนและพี่จอง’ ที่ระหว่างเดินทางท่องเที่ยวไทยมักจะแวะอุดหนุนอเมริกาโนเย็นไม่หวานของร้านกาแฟพันธุ์ไทย ที่มีสาขาเปิดให้บริการทั่วประเทศ ประกอบกับความเป็นธรรมชาติ คาแรคเตอร์ที่เข้าถึงง่าย ทัศนคติเชิงบวก มักถ่ายทอดเรื่องราวความงดงามของประเทศไทยในแง่มุมต่างๆ
สอดคล้องกับ Brand Vision ของพันธุ์ไทยที่มุ่งเน้นเพิ่มคุณค่าให้กับวัตถุดิบท้องถิ่น ส่งเสริมเกษตรกรไทยให้ อยู่ดี มีสุข พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโต
นอกจากนี้ ในปัจจุบันคนรุ่นใหม่ยังให้ความใส่ใจในทุกกระบวนการผลิตของกาแฟตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ จนกลั่นกรองเป็น Perfect Shot เสิร์ฟถึงมือลูกค้า และที่สำคัญต้องสร้างความยั่งยืนให้สิ่งแวดล้อมโดยไม่ทำร้ายธรรมชาติ ประกอบกับเทรนด์การดื่มกาแฟที่มีรสชาติอ่อนลง คนรุ่นใหม่นิยมกาแฟคั่วกลาง คั่วอ่อน มากขึ้น อีกทั้งจากดาต้าของพันธุ์ไทยเมนูขายดีที่สุดก็คือ อเมริกาโน เป็นสัดส่วนแบบเย็นถึง 86%
พันธุ์ไทยจึงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงใจผู้บริโภค พร้อมขยายฐานไปยังกลุ่มเจเนอเรชั่นซี (Generation Z) ให้กว้างขึ้น จึงเป็นที่มาของการสร้างสรรค์ ‘ไทยริกาโน’ กาแฟสเปเชียลตี้สัญชาติไทย สายพันธุ์อาราบิก้า 100% จากแหล่งปลูกที่ดีที่สุดในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้รสชาติบาลานซ์หลากหลายมิติ อร่อย หอม ละมุน ดื่มได้ทั้งวัน
การเปิดตัว Brand Presenter ในครั้งนี้ จะสร้างการรับรู้เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำนวนมาก ด้วยการสื่อสารทาง Online ผ่าน Social Media และ Offline ผ่านสื่อ OOH Billboard ทั่วกรุงเทพฯ พันธุ์ไทยยังครีเอทหนังโฆษณาที่มาพร้อมกับ Brand Tagline ใหม่ สร้างปรากฎการณ์สุดเซอร์ไพรซ์ เชื่อมโยงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแบรนด์พรีเซ็นเตอร์กับความคิดสร้างสรรค์ที่เป็น Brand DNA ของพันธุ์ไทย
ส่วนตลาดต่างประเทศ ล่าสุดได้เปิดตลาดประเทศลาวเป็นแห่งแรก ด้วยการมอบสิทธิ์ให้กับ บริษัท มัลติเพล็กซ์ จำกัด สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ผู้ได้รับสิทธิบริหารร้านกาแฟแบรนด์ “ปันคาเฟ่” ภายใต้การบริหารของ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด ได้เปิดสาขาสถานีรถไฟความเร็วสูงเวียงจันทน์ ขบวนรถไฟโดยสารข้ามประเทศระหว่างนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว กับ นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งเป้าขยายไปยังเมืองอื่น ๆ เพิ่มเติมอีก 5 สาขา ภายในปี 2567 นี้
สำหรับผลประกอบการโดยรวมในปี2567นี้ พันธุ์ไทยคาดว่าจะทำยอดรายได้รวมประมาณ 2,600 ล้านบาท ขณะที่อัตราการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิมนั้นที่ผ่านมาสูงถึง 30%
ที่มา : MgrOnline