โกงหมื่นล้าน! "หมอบุญ" หายหัว อดีตสะใภ้ลมจับ เจอทวงหนี้ถูกปลอมลายเซ็น ** *เลือกนายก อบจ. ไม่ได้ปะทะกันแค่บนเวทีหาเสียง แต่บลัฟกันในเวทีนักกลอนด้วยนะ

เผยแพร่ : 19 พ.ย. 2567 07:39:00
X
• อดีตสะใภ้ถูกทวงหนี้ ปลอมลายเซ็น: อดีตสะใภ้ของหมอบุญถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการปลอมลายเซ็นในเรื่องการทวงหนี้
• การเลือกตั้งนายก อบจ. มีการใช้เวทีนักกลอนในการโจมตีคู่แข่ง: การหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ. ไม่ได้จำกัดอยู่แค่บนเวทีหาเสียงอย่างเดียว มีการใช้เวทีนักกลอนในการโจมตีและสร้างภาพลักษณ์ต่อคู่แข่งด้วย
นพ.บุญ วนาสิน - อดิศร เพียงเกษ- เชตวัน เตือประโคน
ข่าวปนคน คนปนข่าว



++ โกงหมื่นล้าน! "หมอบุญ" หายหัว อดีตสะใภ้ลมจับ เจอทวงหนี้ถูกปลอมลายเซ็น

ช็อกวงการธุรกิจไปยันวงการแพทย์ เมื่อ “สนธิเล่าเรื่อง” โดยสนธิ ลิ้มทองกุล เปิดเผยเรื่องที่ “หมอบุญ” นพ.บุญ วนาสิน อดีตประธานกรรมการ และเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เจ้าของโรงพยาบาลธนบุรี หลังก่อวีรกรรมตอนนี้ไม่อยู่ในประเทศได้สักพักแล้ว โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าไปอยู่ที่ไหน

เพราะ “หมอบุญ” คนดัง รู้ตัวว่ากำลังจะถูกดำเนินคดีในข้อหาฐาน “ฉ้อโกง” โดยมูลค่าที่หมอวัย 86 ปี ทำเรื่องไว้ คาดว่าจะสูงกว่าหมื่นล้าน!!

งานนี้อดีตลูกสะใภ้ของหมอบุญ นามสกุลเดิม กุญชร ปัจจุบันหย่าร้างกับลูกชายหมอบุญ มาตั้งแต่เดือน ก.ย.2566 เป็นหนึ่งในผู้เสียหาย ที่มียอดหนี้ 8,000 ล้านบาท โผล่มาให้ลมจับ

เธอเล่าว่า ถูกทวงหนี้ มีหมายศาล หมายเรียกจากตำรวจ เพราะปรากฏมีลายมือชื่อของเธอเซ็นในเอกสารด้านหลังทุกอย่าง ทั้งเอกสารเรื่องหุ้น เงินกู้ และสัญญาต่างๆ ที่ “หมอบุญ” เอาไปทำธุรกรรม

ทั้งที่อดีตลูกสะใภ้ ไม่เคยรู้เรื่อง และไม่เคยลงนามใด ๆ ในชีวิตทั้งสิ้น

พูดง่ายๆ ถูกปลอมลายเซ็นนั่นเอง!!

“นพ.บุญ” ไปฉ้อโกงเอาตัวเองไปกู้เงิน มีสัญญาเงินกู้เอาหุ้นไปค้ำประกัน โดยมีตัวแทน หรือเอเยนต์ ไปหาเงินกู้ให้ดอกเบี้ยสูงถึง 15% ทำให้คนที่มีเงินเย็นอยากปล่อยเงินกู้ ทั้งการนำหลักทรัพย์ไปค้ำประกัน

เชื่อว่า อดีตลูกสะใภ้ ไม่ได้โดนคนเดียว ยังมีคนอื่นๆ ถูกแอบอ้าง หรือผู้ให้กู้อีกหลายราย แต่ไม่อยากเปิดเผยตัว เพราะอับอาย
ความจริง “หมอบุญ” ออกอาการส่อแววหิวเงินผิดปกติมาตั้งแต่ช่วงโควิดระบาด เคยเป็นข่าวอื้อฉาวกับกรณีจะนำเข้าวัคซีน MRNA ไฟเซอร์ สุดท้ายเป็นเรื่อง “ไฟเซอร์ทิพย์” เคลมเพื่อ “ปั้นหุ้น” ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป

ว่ากันว่า ตอนนั้น “หมอบุญ” หวังฟันกำไรเต็มที่ ไม่รู้ว่าจะเอาเงินไปทำอะไรเยอะแยะมากมาย

ส่วนหนึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการดิ้นรนก่อนตาย เพราะที่ผ่านมามีกระแสข่าวว่า การทุ่มลงทุนขยายธุรกิจของ “หมอบุญ”ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้มีหนี้สินส่วนตัว และหนี้สินที่เกี่ยวกันพันกับ THG ช่วงนั่งบอร์ดบริหาร ทั้งในระบบและนอกระบบ รวมกันสูงกว่า 7,000 ล้านบาท

นี่หรือไม่ที่ทำให้หมอคนดังเป็นโรค "ร้อนเงิน" และต้องก่อวรีกรรม จนมีกระแสข่าวว่า ในบริษัทย่อยของ กลุ่มTHC มีการทำธุรกรรมอำพราง!

จากนั้นบอร์ดมีมติให้ “นางจารุวรรณ วนาสิน”  ภรรยาหมอบุญ ออกจากตำแหน่ง มีผลตั้งแต่ วันที่ 25 กันยายน 2567 เป็นต้นมา
ครานั้นแม้ บอร์ด THG จะแจงว่า “นางจารุวรรณ” ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท เพื่อให้คณะกรรมการของบริษัทฯ หาทางแก้ไขเหตุการณ์ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากธุรกรรมผิดปกติอย่างโปร่งใสก็ตาม แต่เบื้องลึกแล้ว ว่ากันว่า หมอบุญ "กัน" ไม่ให้คู่ชีวิตตัวเอง เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ในระหว่างการตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น  

อนิจจาอนิจจัง “หมอบุญ” พฤติกรรมกลับทำตรงข้ามกับชื่อ ตอนนี้ "คนเคยรวย" จึงถูกขนานนามว่าเป็น “หมอบุญ-คนบาป”

ไม่น่าเชื่อ “นพ.บุญ วนาสิน” เวียนว่ายอยู่ในวงการธุรกิจ-ตลาดหุ้น มีชื่อเสียงมาก็นาน สุดท้ายในบั้นปลายชีวิตกลับจะมีแต่คนสาปแช่งด้วยการ “ฉ้อโกง” ในระดับจะเป็นตำนาน "โกงมโหฬาร" บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์วงการธุรกิจอีกครั้ง!!
พรรคประชาชนเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.
++ เลือกนายก อบจ. ไม่ได้ปะทะกันแค่บนเวทีหาเสียง แต่บลัฟกันในเวทีนักกลอนด้วยนะ

การเลือกตั้ง นายกอบจ.อุดรธานี ที่พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชน หาเสียงบลัฟกันอย่างดุเดือด ไม่ต่างกับการหาเสียงเลือกตั้งใหญ่นั้น ได้สร้างกระแสเรียกความสนใจของคอการเมืองกันอย่างคึกคัก

ก็ระดับ “ทักษิณ ชินวัตร” พ่อหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และพ่อนายกฯ โดดลงมาเล่นเอง เจอกับ ขวัญใจติ่งส้ม อย่าง “แดดดี้ทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล สนาม อบจ.อุดร เลยร้อนฉ่า

“ทักษิณ”เปิดเวทีก่อน คุยโม้อะไรไว้ “พรรคส้ม” ตามโต้ ตามเก็บทุกเม็ด

เมื่อสังคมกำลังให้ความสนใจ “เสี่ยเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ก็เลยถือโอกาส เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร นายกอบจ. ที่ผ่านกระบวนการคัดเลือกของพรรค ลอตใหม่ คัดเอาแต่หัวๆ มาอีก 12 จังหวัด

ประกอบด้วย 1. นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ จ.เชียงใหม่ 2. นายวีระเดช ภู่พิสิฐ จ.ลำพูน 3. นายสุพจน์ สุอริยพงษ์ จ.มุกดาหาร 4. นายอุรุยศ เอียสกุล จ.หนองคาย 5. นายชลธี นุ่มหนู จ.ตราด 6. นพ.เลอศักดิ์ ลีนะนิธิกุล จ.ภูเก็ต

7. นพ.จิรชาติ เรืองวัชรินทร์ จ.สุราษฎร์ธานี 8.นายสุทธิโชค ทองชุมนุม จ.พังงา 9. นายนิรันดร์ จินดานาค จ.สงขลา 10. น.ส.นันทิยา ลิขิตอำนวยชัย จ.สมุทรสงคราม 11. นายนพดล สมยานนทนากุล จ.สมุทรปราการ และ12. นายเลิศมงคล วราเวณุชย์ จ.นนทบุรี

จากการประเมินของพรรคประชาชน เห็นว่า การเลือกตั้งนายก อบจ.นั้นผูกพันอยู่กับการเลือกตั้งสนามใหญ่ จึงเลือกที่จะเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ที่คาดหวังว่าจะต้องได้รับเลือกค่อนข้างแน่

ในจำนวน 12 จังหวัดที่เปิดตัวใหม่นี้ หากย้อนไปดูผลการเลือกตั้ง สส.ก่อนหน้านี้ จะเห็นว่า มีหลายจังหวัดที่ “พรรคส้ม” ทำผลงานได้เป็นที่น่าพอใจ จะเรียกว่า “แลนด์สไลด์” ก็คงไม่มีใครว่า

อย่างเช่น จ.ภูเก็ต กวาดมา 3 เขต จ.ตราด ได้ 1 เขต เพราะมีสส.ได้คนเดียว เช่นเดียวกับ จ.สมุทรสงคราม 1 เขต ส่วน จ.สมุทรปราการ ก็ได้มาทั้งหมด 8 เขต จ.นนทบุรี ก็เคยได้ทั้งหมด 8 เขต และ จ.เชียงใหม่ ที่เลือกตั้งครั้งล่าสุดได้ 7 เขต จาก 10 เขต

เมื่อเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครแล้วก็ต้องมีนโยบายหลัก ว่าจะทำอะไรให้ท้องถิ่นบ้าง ก็มีอยู่ 5 เรื่องสำคัญ คือ น้ำประปาดื่มได้- ขนส่งมวลชน ถนนทั่วถึง- สาธารณสุขบริการทั่วถึง อยู่ไหนก็ใกล้หมอ - อบจ. โปร่งใส ทำงานไว รับใช้ประชาชน และโรงเรียนคุณภาพ สอนทักษะอนาคต เรียนไปได้ใช้จริง

กะว่าเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครลอตนี้มาต้องได้เกินครึ่ง หลังจากที่ผ่านมา สนามเลือกตั้งนายก อบจ. พรรคประชาชนยังไม่เคยเข้าวิน และที่แพ้ ส่วนใหญ่ก็แพ้ให้ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยนี่แหละ

ก็ขนาดเลือกตั้ง นายกอบจ.อุดรธานี ที่กำลังจะหย่อนบัตรกันในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ และผลโพลของ “อุดรโพล” ที่ออกมา คะแนนนิยมของผู้สมัครพรรคส้ม ได้ร้อยละ 32.6 ขณะที่พรรคเพื่อไทยได้แค่ ร้อยละ 15.2 ทิ้งห่างครึ่งต่อครึ่ง แต่ยังมีคะแนนที่ยังไม่รู้ว่าจะสวิงไปข้างไหนให้ทั้งสองพรรคลุ้นอีก ร้อยละ 47.9

ขณะที่กำลังขับเคียวกันอยู่นี้ หมอแคนจากเมืองขอนแก่น “อดิศร เพียงเกษ” สส.เพื่อไทย ก็ร่ายกลอนเย้ยคู่แข่งว่า...
ยังไม่เห็นชนะที่ไหน
เลือกอบจ. ทีไรแพ้ทุกที
พิษณุโลก เมืองกาญจน์ ราชบุรี
ที่อุดรธานี ก็ (จะ) เหมือนกัน

ด้านพรรคประชาชนก็ใช่ว่าจะไร้นักกลอน นอนดึก “เชตวัน เตือประโคน” ส.ส.ปทุมธานี อดีตนักเขียน นักกวี นามปากกา “เวฬุ เวสารัช” ได้ร่ายกลอนตอบโต้ “หมอแคนอดิศร” กลับไปว่า

แพ้เพื่อสะสมชัยชนะ
แต่ตระบัดสัตย์ย้ายขั้ว รับบ่ได้
เลือกตั้ง ปี 70 คือหมุดหมาย
“ประชาชน”จะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
ก็ถากถาง ตอบโต้กันไป พอได้แสบๆคันๆ ระหว่างสภาฯ ปิดสมัยประชุม

ที่มา : MgrOnline