“ทักษิณ”ร้อนรน จับขั้วตั้งรัฐบาลล่วงหน้า!?
เผยแพร่ : 18 พ.ย. 2567 23:47:40
• การเลือกตั้งนายก อบจ. อุดรธานีมีความร้อนแรงสูง
• การเลือกตั้งระดับท้องถิ่น (เช่น อบจ.) กำลังมีความสำคัญมากขึ้น และสะท้อนถึงสถานการณ์ทางการเมืองระดับชาติ
• ผลการเลือกตั้งนายก อบจ. อุดรธานีอาจเป็นตัวชี้วัดหรือบ่งชี้ทิศทางการเมืองระดับชาติในอนาคตได้
เมืองไทย 360 องศา
ต้องยอมรับว่าสนามการเมืองท้องถิ่นอย่างการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมีความร้อนแรง และกำลังกลายเป็นตัวชี้วัดการเมืองใหญ่ระดับชาติในอนาคตได้ดีจริงๆ โดยเฉพาะการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ สิ่งที่เห็นก็คือการขับเคี่ยวกันระหว่างสองพรรคใหญ่คือ เพื่อไทยและพรรคประชาชน ที่ต่างขนระดับแกนนำ ขาใหญ่ลงไปประชันกันอย่างเข้มข้น
ขณะเดียวกันในสนามเลือกตั้งท้องถิ่นดังกล่าว ยังได้เห็นท่าทีและเป้าหมายทางการเมืองในอนาคตของแต่ละฝ่ายได้อย่างชัดเจน และหากโฟกัสจากฝ่ายพรรคเพื่อไทยก่อน ที่ได้ประกาศตัวเป็น “ฝ่ายอนุรักษ์นิยม” เหมือนกับว่า “เป็นผู้นำทัพ” ของฝ่ายนี้ไปแล้ว
หลายคนมองว่าการที่ นายทักษิณ ชินวัตร ทำตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามกับแกนนำและพรรคประชาชน ด้วยการผลักไปเป็นพวกที่จ้องทำลายโครงสร้างประเทศ ด้วยการแก้ไข มาตรา 112 มันก็เหมือนการแบ่งฝ่ายกันอย่างชัดเจน แม้ว่าหากมองอีกมุมหนึ่งมันเป็นก็เป็นแค่ “เกม” เพื่อหวังผลในทางการเมืองเท่านั้น
อย่างไรก็ดีเมื่อประกาศตัวเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยมไปแล้ว ความหมายก็คือเมื่อการเมืองมีสองฝั่งคือ ฝ่ายหนึ่งเป็นอนุรักษ์นิยมแล้ว อีกฝ่ายก็จะเป็นฝ่าย “รื้อโครงสร้าง” ก็แล้วกัน เพราะหากจะเรียกว่าเป็นฝ่ายก้าวหน้า หรือเสรีนิยม ก็ไม่น่าจะใช่ เอาเป็นว่าเข้าใจกันแบบนี้ไปก่อน
หากโฟกัสไปที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมตามที่เห็นในตอนนี้ ก็คือพรรคร่วมรัฐบาลในเวลานี้นั่นแหละ อันประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย เป็นแกนหลัก พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ แม้ว่าในครึ่งซีกจะเป็นรัฐบาล แต่ที่เหลือก็ยังเป็นฝ่ายอนุรักษ์อยู่ดี รวมไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ เป็นต้น
ขณะเดียวกันการที่ นายทักษิณ ชินวัตร ประกาศบนเวทีที่จังหวัดอุดรธานี ช่วย นายศราวุธ เพชรพนมพร โดยย้ำเป้าหมายผลการเลือกตั้ง ส.ส.คราวหน้าพรรคเพื่อไทยต้องได้ไม่ต่ำกว่า 200 ที่นั่ง ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการตั้งแบบ “บอกผ่าน” เกินจริง เพราะด้วยสถานการณ์แบบนี้ ที่พรรคเพื่อไทย และตัวเขาไม่เหมือนเดิม เลย “จุดพีค” มาไกลแล้ว มันก็เป็นเรื่องยาก แม้ว่า เขาจะนำทัพด้วยตัวเองก็ตาม
“ผมยืนยันว่ารัฐบาลนี้อยู่ครบเทอม ฉะนั้น ใครจะลงทุนอะไรมั่นใจได้ว่ารัฐบาลอยู่ครบเทอม และบอกพ่อค้ายาด้วยว่ารัฐบาลนี้อยู่ครบเทอม และพี่น้องอุดรก็จะเลือกต่อให้อีกเทอมหนึ่ง เลิกอาชีพค้ายาได้ ถ้าไม่เลิก ไม่รู้ ตัวใครตัวมัน และผมเคยพูดตลอดเวลาว่าผมกลับไปแล้ว ผมจะต้องไปเมืองหลวงคนเสื้อแดง คืออุดร คนอุดรไม่ลืมผม ผมไม่มีทางลืมคนอุดร ผมจะมาหา แล้ววันนี้ผมก็มาแล้ว ผมจะมาชวนคนเสื้อแดงที่เข้าใจผิด สีอะไรตกใส่จึงเปลี่ยนไปนิดหน่อย ให้กลับมา กลับมาอยู่ด้วยกัน หัวใจเดียวกัน ฉะนั้น กลับมาอยู่ด้วยกันสนับสนุนกันทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองด้วยกัน” นายทักษิณ กล่าว
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ตนเจอฝรั่งมีเมียอีสานเยอะ คนอุดรก็เยอะจะต้องมีเสน่ห์ วันหลังต้องศึกษาว่าสาวอุดรมีอะไรดีฝรั่งจึงมาติด ต้องอย่าลืมเล่าสู่กันฟัง ต่อไปฝรั่งจะมาเกษียณเมืองไทย บางคนหนุ่มไทยทิ้งเมีย เมียก็เลยได้ผัวฝรั่ง ฝรั่งบางคนใส่เสื้อแดงมาเลยเพราะเมียกับลูกเป็นคนเสื้อแดง เพราะฉะนั้นคนอุดรมีอะไรดีแน่นอน เมื่ออุดรเป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดง ก็แสดงว่าเสื้อแดงมีอะไรดี
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ตนอยู่เมืองนอกมา 17 ปีเกือบตายเพราะโดนมันแกล้งมาตลอด ครั้งแรกก็โกรธ ครั้งที่สองก็รู้สึกอะไรวะ ครั้งที่สามก็ขำ อะไรนักหนา วันนี้ที่เล่าให้ฟังเพราะกฎหมายที่ออกมาเฮงซวย เพราะมันเขียนกฎหมายไป เห็นหน้าผมไป จะกันยังไงดีวะ สุดท้ายจะกันยังไงก็ต้องกันที่ประชาชน ประชาชนเขายังคิดถึงตนอยู่ เลือกตั้งทีไรก็ชนะ คราวที่แล้วมีอุบัติเหตุนิดหน่อย รับรองคราวหน้าไม่มีแพ้ ประเมินแบบผู้สันทัดกรณีเลือกตั้งคราวหน้าเพื่อไทยไม่มีต่ำกว่า 200 เสียง ยังไม่เลือกตั้ง แต่ดูจากความตั้งใจความมุ่งมั่น ของนายกฯ อิ๊งค์และแผนงาน รับรองเลยว่าสบายมาก ไม่ต้องอาศัยพระเอกหนังเกาหลี มาช่วย
นายทักษิณ กล่าวว่า คู่แข่งคือเบอร์หนึ่งใช่หรือไม่ เบอร์หนึ่งเขาลงรูปคู่หัวหน้าพรรค บางรูปเขาลงรูปคู่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล อุตส่าห์บินจากอเมริกามา เพราะกลัวแพ้ ของพรรคเพื่อไทย ศราวุธ ลงรูปเดียวคู่กับนายกฯอิ๊งค์ เขาไม่ต้องใช้รูปตน เพราะหน้าเหมือนกันอยู่แล้ว สบายมาก ได้เปรียบ ไม่ต้องเสียค่าพิมพ์สองต่อ เราประหยัดกว่า
นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า เวลามาอยู่กับพี่น้องหนุ่มขึ้น เพราะหัวใจไม่สะออน มีพี่น้องมาให้กำลังใจมีความสุขมาก ตนบอกได้เลยว่าตนในฐานะอดีตนายกฯ ในฐานะเป็นหนี้บุญคุณพี่น้องประชาชนที่ไม่เคยลืมมา 17 ปี พร้อมใช้สมองช่วยประเทศเพื่อให้พี่น้องได้ฟื้นจากความยากลำบากที่ผ่านมา จะต้องทำให้มีตังค์ใช้ในอนาคต มีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น
“สองปีครึ่งจากนี้จะเป็นปีที่งานหนักมากให้นายก อบจ.มาช่วยอีกทางหนึ่ง รัฐบาลส่วนกลางและท้องถิ่นจะได้เชื่อมกันได้ ฝากป๊อบ ศราวุธ เพื่อให้มาเป็นนายก อบจ. เพื่อประสานงานรัฐบาลมาพัฒนาท้องถิ่นเพื่อพี่น้องคนอุดร อย่าให้ผมอายนะ ต้องชนะให้ขาด อย่าให้อาย เดี๋ยวผมไม่กล้ามาอุดร” นายทักษิณ กล่าว
จากคำพูดดังกล่าวของ นายทักษิณ ชินวัตร แน่นอนว่า นอกจากหวังผลชนะการเลือกตั้ง 200 ที่นั่งแล้ว และยังต้องการชูลูกสาว คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง หลังจากมั่นใจว่าจะอยู่ครบเทอมในรัฐบาลชุดนี้ แต่อย่างที่บอกก็คือ ตัวเลข 200 ที่นั่ง นั้นเป็นตัวเลข “บอกผ่าน” เพราะความนิยมลดลง เครดิตหดหาย มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่การประกาศตัวเลขดังกล่าว มันก็เหมือนกับยอมรับกลายๆ อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะหากมั่นใจจริงก็คงต้องเอา “เสียงข้างมาก” เกิน 250 ที่นั่งไปแล้ว
แต่คราวหน้าต้องเจอศึกหนักอย่างพรรคประชาชน ที่เวลานี้ถือว่าอยู่ตรงข้ามอย่างเต็มตัว ไม่อาจตั้งรัฐบาลด้วยกันได้ หรือหากจะร่วมรัฐบาลก็ต้องมีเงื่อนไขที่พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำเท่านั้น
ดังนั้นทั้งท่าทีและคำพูดของ นายทักษิณ ชินวัตร เหมือนเป็นการบอกชัดเจนแล้วว่า ในการเลือกตั้งคราวหน้า พรรคเพื่อไทย จะยังเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลผสมแบบ “ขั้วเดิม” ต่อไป โดยสถาปนาเป็น “แกนนำฝ่ายอนุรักษ์” ใหม่ และยังมี “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เช่นเดิม!!
ที่มา : MgrOnline