"โฆษกดีเอสไอ" ขอตรวจสอบคลิปเสียงสาว อ้างจ่าย 10 ล้านบาท หากเท็จเตรียมพิจารณาเอาผิด
เผยแพร่ : 15 พ.ย. 2567 20:10:12
• คลิปเสียงนักร้องสาว อ้างจ่าย 10 ล้านบาทให้ดีเอสไอ: โฆษกดีเอสไอ ยืนยันกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน
• ตัวแทน "ดิไอคอน" ถูกอายัดบัญชี: พร้อมให้ชี้แจง
MGR Online - โฆษกดีเอสไอ เผย คลิปเสียงนักร้องเรียนสาว อ้างจ่าย 10 ล้านบาทให้ดีเอสไอ ขอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ส่วนตัวแทน "ดิไอคอน" ถูกอายัดบัญชี พร้อมให้ชี้แจง
วันนี้ (15 พ.ย.) เวลา 18.00 น. อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษกดีเอสไอ พร้อมด้วย ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีฮั้วประมูลฯ และในฐานะโฆษกดีเอสไอ ออกมาเปิดเผยภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมติดตามความคืบหน้าคดีบริษัท ดืไอคอน กรุ๊ป จำกัด ในคดีพิเศษ 119/2567 กับ 18 บอส ข้อหาแชร์ลูกโซ่-พ.ร.บ.ขายตรงฯ ว่า สำหรับการประชุมวันนี้ได้มีการมอบหมาย และผลการปฏิบัติแจ้งข้อกล่าวหาเมื่อวันจันทร์ที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา รวมทั้งประเด็นพิจารณาอื่นที่เกี่ยวข้อง และความเรียบร้อยของสำนวนที่ได้รับมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และการสอบปากคำของบุคคลที่ผู้ถูกกล่าวหาได้อ้างถึง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้ต้องหาเพิ่มเติมยังไม่มี เนื่องจากในวันที่ดีเอสไอได้เข้าไปแจ้งข้อกล่าวหากับ 18 บอส ทุกคนได้ขอเวลาในการทำหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาและขอยื่นบัญชีพยานให้การชี้แจงเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ภายในกรอบระยะเวลา 15 วัน และอยู่ระหว่างรอยืนยันกลับมาจากผู้ต้องหา ซึ่งตอนนี้มีเพียงหนังสือฉบับเดียวของทนายวิฑูรย์ เก่งงาน เป็นการส่งมาก่อนที่ดีเอสไอจะมีการเเจ้งข้อหาต่อผู้ต้องหา
พ.ต.ต.วรณัน เผยอีกว่า สำหรับเรื่องการอายัดบัญชีธนาคารของฝั่งพยานของบริษัท ดิไอคอนฯ หรือบัญชีของตัวแทนจำหน่ายนั้น เรื่องนี้ได้ถูกหารือในที่ประชุมเช่นเดียวกัน ต้องเรียนว่าดีเอสไอทำคดี 2 ส่วน คือ ส่วนคดีแชร์ลูกโซ่ เลขคดีพิเศษที่ 119/2567 และคดีฟอกเงินทางอาญา เลขคดีพิเศษที่ 115/2567 ซึ่งมติในที่ประชุมได้มีการมอบหมายให้ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทั้งหมดให้ส่วนคดีฟอกเงินทางอาญารับไปพิจารณาซึ่งจะมีเกณฑ์ในการไปดูว่าเกี่ยวข้องมากน้อยอย่างไร หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง นอกจากนี้ คำร้องที่เกิดขึ้นก็ได้ส่งมอบให้กองคดีฟอกเงินทางอาญารับไปเร่งพิจารณาแล้ว และต้องพิจารณาก่อน เพราะบัญชีทั้งหมดส่วนใหญ่มีการยึดอายัดมาตั้งแต่ชั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังนั้น ต้องฟังทางตำรวจว่าตอนที่ยึดมามีเหตุผลใดในการอายัดบัญชีธนาคารดังกล่าวไว้ และมาประกอบการพิจารณาในส่วนของดีเอสไอให้เร็วที่สุด
"ส่วนกรณีที่สัปดาห์หน้าทางทนายวิฑูรย์จะมีการพาพยานเจ้าของบัญชีธนาคารเหล่านี้มาเข้าพบดีเอสไอนั้น ก็สามารถเข้ามาให้ข้อมูลได้เพื่อประกอบการพิจารณาแต่ทาง ดีเอสไอ แนะนำว่าการที่มาพูดด้วยวาจากับการยื่นเป็นหนังสือแล้วระบุรายละเอียด การเขียนเป็นหนังสือจะมีความชัดเจนมากกว่า รวมทั้งจะได้มีการทบทวนข้อเท็จจริงด้วยว่าหนังสือที่ตนเองเขียนมามันครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ ซึ่งมันเป็นประโยชน์และพิจารณาได้เร็วกว่าการที่เป็นบุคคลมาให้การ"
ส่วนประเด็นที่ปรากฏเรื่องคลิปเสียงสนทนาระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย ที่มีการกล่าวอ้างว่าได้มีการจ่ายเงิน 10 ล้านบาทให้กับดีเอสไอนั้น พ.ต.ต.วรณัน เผยว่า กรณีดังกล่าวทางรักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีการมอบหมายให้คณะตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่มีการตรวจสอบเรื่องการจ่ายสินบนให้กับหน่วยงานรับไปดำเนินการเรียบร้อยแล้ว เพราะถือว่าเป็นประเด็นเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกัน โดยรักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้สั่งการให้คณะตรวจสอบข้อเท็จจริงไปประสานขอคลิปเสียงต้นฉบับจากสำนักข่าวที่มีการรายงานข่าว เพื่อจะได้นำมาตรวจสอบว่าเป็นเหตุการณ์เมื่อใด และเป็นเสียงสนทนาระหว่างบุคคลใด เพื่อจะได้สอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ให้ปรากฏ
"อีกทั้ง มีการโพสต์ข้อความเฟซบุ๊กของบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นผู้หญิงได้มีการโพสต์ว่าเป็นข้อมูลเก่า เป็นคลิปที่มีการพูดเรื่องเก่า ต้องเอาประเด็นนี้มาตรวจสอบด้วยเช่นเดียวกัน เพราะไม่ได้มีการระบุช่วงปีใด หากมีความชัดเจนจะชี้แจงให้รับทราบ ทั้งนี้ จะต้องมีการเรียกให้บุคคลดังกล่าวเข้ามาชี้แจงหรือไม่ ก็คงต้องให้คณะทำงานไปตรวจสอบก่อนเพื่อนำไปขยายผลต่อว่าใครบ้างที่เกี่ยวข้อง"
ส่วนกรณีหากดีเอสไอถูกนำไปแอบอ้างเกิดความเสียหาย จะมีการพิจารณาดำเนินคดีอย่างไรหรือไม่ พ.ต.ต.วรณัน เผยว่า ต้องแบ่งเป็นสอง ส่วนแรก เพราะเป็นหน่วยงานของรัฐ ต้องพร้อมที่จะให้ภาคเอกชนเข้ามาตรวจสอบ ขณะเดียวกันถ้าหากข้อเท็จจริงตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นความเท็จหรือทำให้ราชการหรือกรมเสียหายก็ต้องพิจารณาในเรื่องของบุคคลที่ทำให้เสียหายต่อไป เพราะถ้าหากไม่มีการดำเนินการอะไรเจ้าหน้าที่เองก็อาจจะเสียขวัญกำลังใจในการปฎิบัติหน้าที่ จึงเป็นหน้าที่ที่ฝ่ายบริหารต้องออกมาทำหน้าที่ตรงนี้
พ.ต.ต.วรณัน เผยว่า สำหรับคดีฟอกเงินทางอาญาเป็นการดำเนินคดีคู่ขนานไปกับคดีมูลฐานซึ่งมีการตรวจสอบในเรื่องเส้นทางการเงิน และมีการยึดอายัดทรัพย์สินอื่นไว้ตรวจสอบ รวมทั้ง ที่ดินน่าจะเกือบ 100 แปลง ซึ่งดีเอสไอรับคดีมาเพียง 1 เดือนและก็มีความคืบหน้าไปพอสมควร แต่อาจถูกมองว่ารับเป็นคดีพิเศษก่อนคดีแชร์ลูกโซ่แต่ยังไม่แจ้งข้อกล่าวหานั้น โดยดีเอสไอทำคดีฟอกเงินได้ 2 รูปแบบ คือ 1.คดีมูลฐานเป็นคดีพิเศษ กับ 2.คดีอาญาอื่นที่ไม่ใช่คดีพิเศษ แต่เมื่อมีทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตั้งแต่ 300 ล้านบาทขึ้นไป ดีเอสไอจึงเข้ามาในส่วนของคดีฟอกเงิน ซึ่งในเคสนี้ตำรวจได้รับดำเนินคดีฉ้อโกงประชาชนไว้ ต่อมาปรากฏว่ามีความเกี่ยวพันกัน ดีเอสไอจึงต้องรับทั้งสองคดีมาดำเนินการ
พ.ต.ต.วรณัน เผยด้วยว่า สำหรับกรณีที่ปรากฏเส้นทางการเงินของบอสรายอื่นในดิไอคอนมีความเชื่อมโยงกับนักการเมือง ส. นั้น ตรงนี้เป็นเรื่องภายในสำนวนขอสงวนการกล่าวถึง เเละเป็นหน้าที่ของทีมสืบสวนทางการเงินที่จะดำเนินการต่อไป ส่วนจะมีการเชิญนักการเมือง ส. มาให้การในฐานะพยานหรือไม่ จะต้องดูข้อเท็จจริงในการสอบสวนก่อน ถ้ามีเหตุจำเป็นไปเกี่ยวข้องกับบุคคลใดก็จะต้องเชิญมาให้ถ้อยคำ ทั้งนี้ ดีเอสไอยังไม่ได้มีการสอบปากคำในประเด็นเรื่องเส้นทางเงินกับทางบรรดาบอสภายในเรือนจำแต่อย่างใด
พ.ต.ต.วรณัน เผยต่อว่า สำหรับกรอบระยะเวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องจ่ายสินบนเทวดาในดีเอสไอนั้น อยู่ระหว่างเร่งทำข้อเท็จจริงให้ปรากฏ ขอให้เวลาเจ้าหน้าที่ได้ทำงานให้เต็มที่ และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการตรวจสอบฝ่ายเดียวเพราะว่าทางสอบสวนกลางเองก็ตรวจสอบเช่นเดียวกัน จึงสนับสนุนข้อมูลให้ตำรวจสอบสวนกลางให้เขาทำงานได้เต็มที่ ส่วนที่เป็นเรื่องภายในของเราเองก็มีการตรวจสอบคู่ขนาน หากมีความคืบหน้าจะรีบเร่งดำเนินการสื่อสารให้สังคมรับทราบ
พ.ต.ต.วรณัน ย้ำว่า ส่วนการสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการจะทันกรอบฝากขังผู้ต้องหาโดยที่ผู้ต้องหาไม่ถูกปล่อยตัวหรือไม่นั้น ตนยืนยันว่าเจ้าหน้าที่กำลังเร่งรัดดำเนินการตามแผนไทม์ไลน์การทำงาน จึงต้องมีการประชุมเร่งรัดการติดตามคดีในทุกสัปดาห์ วางแผนว่าจะให้สำนวนเสร็จสิ้นทันกรอบระยะเวลาแน่นอน
ที่มา : MgrOnline