“เชน ธนา” ปล่อยโฮ ยืนยันพร้อมใช้หนี้ บอกถ้าอมาโด้ตาย ตนก็ตาย!
เผยแพร่ : 18 พ.ย. 2567 18:25:39
• สงสัยคดีแพ่งกลายเป็นคดีอาญาข้อหาฉ้อโกง
• จะสู้คดีต่อไปและขอโอกาสขายสินค้าต่อไป เพราะธุรกิจคือชีวิตของเขา
“เชน ธนา” สุดกลั้นถึงขั้นปล่อยโฮ ยืนยันถ้าศาลตัดสินให้ตนต้องใช้หนี้ ก็พร้อมหาเงินมาชดใช้ แต่งงว่าเรื่องอยู่ในคดีแพ่ง แต่ตอนนี้กลายมาเป็นฉ้อโกงคดีอาญาได้อย่างไร เผยยังไงก็จะสู้ต่อ ขอโอกาสได้ขายของต่อไป เพราะถ้าอมาโด้ตาย ตนก็ตายเช่นกัน บอกทั้งบ้าน ทั้งรถที่มีเป็นสิ่งที่ได้มาก่อนจะมีพิษเศรษฐกิจ ช่วงโควิดที่ผ่านมาตนก็เจอปัญหาหนักมาก ต้องใช้หนี้ไปเป็นหลัก 100 ล้าน ทุกวันนี้แทบจะแตะตัวภรรยาไม่ได้เลย เพราะมีแต่จะร้องไห้ใส่กัน
เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา ณ กองบังคับการปราบปรามเป็นที่เรียบร้อย สำหรับอดีตนักร้องหนุ่ม “เชน ธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์”ซึ่งวันนี้เจ้าตัวก็หอบหลักฐานเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกครั้งที่ 2 เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาฐานความผิดฉ้อโกง กรณีถูก บริษัท ไทยยินตัน จำกัด แจ้งเอาผิดฉ้อโกงเงินค่าผลิตสินค้าจำนวน 79 ล้านบาท
โดยเบื้องต้นเจ้าตัวปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ขอยืนยันว่าของทั้งหมดจากที่รับมาจากคู่กรณียังไม่ได้มีการขายออกไปเลยสักชิ้นเดียว สินค้า 4 ล้านกว่าซองยังอยู่ในคลังสินค้าของตน และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เข้าไปตรวจสอบแล้ว และชี้แจงแล้วว่าตนไม่ได้จำหน่ายเพื่อเอาเงินมาใช้จ่ายหรือใช้ในบริษัท
-บอกที่ไม่ได้มาพบเจ้าหน้าที่ตามหมายนัด เพราะก็เลื่อนนัดตามปกติขั้นตอนทั่วไป แต่สื่อไปตีว่าหนี ยืนยันว่าเพิ่งมาเห็นเมื่อคืนวันที่ 22 ต.ค. และตนเพิ่งได้ไปหยิบออกจากตู้จดหมายวันที่ 23 ต.ค. และเช้าวันที่ 24 เจ้าหน้าที่นัดให้มาเจอเลย ถ้าเป็นที่ตนคนเดียวก็พร้อมจะมา แต่ตอนนี้เป็นนิติบุคคลในนามบริษัทที่มีผู้ถือหุ้นด้วย และมีชื่อภรรยาด้วย ก็เลยต้องไปขอคัดเอกสารจากศาลมาก่อน และมีเอกสารเยอะมาก
- เรื่องนี้เป็นคดีแพ่งตั้งแต่เมื่อ 25 ต.ค. 65 มีคำตัดสินจากศาลแพ่งออกมาว่าให้ตนจ่ายตามสัญญาซื้อขาย ยอด 75 ล้านรวมดอกเบี้ย ซึ่งตนก็ขอยื่นอุทธรณ์ไปตามขั้นตอนแล้ว แต่ถ้าศาลยังตัดสินว่าให้จ่ายจริงๆ ตนก็ต้องหาเงินมาจ่ายตามที่ศาลสั่ง ยอมรับทุกวันนี้เครียดมาก เพราะตอนนี้ก็มีลูก 5 คนแล้ว ทุกคนที่ทำการค้ากับตนรู้ดีว่ากำลังมีปัญหา แต่ก็น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่ากันมาตลอด ไม่น่าเอาเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยว และทุกวันนี้ตนก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน หลังจากนี้ก็คงต้องตามขั้นตอนการรับฟ้อง สืบพยาน และต้องเรียกพยานที่จะมาสนับสนุนว่าตนไม่ได้มีเจตนาฉ้อโกง
- ยอดเงินจริงๆ ในมุมตนคือยอด 66 ล้าน เป็นค่าสื่อต่างๆ ที่ลงทุนไป ไม่ใช่ 79 ล้าน แต่ถ้ามองว่าสินค้าที่หมดอายุแล้วแต่ตนไม่ได้ขายออกไปก็คือ 79 ล้าน ยอดเลยกลายเป็น 145 ล้าน แต่ตนไม่ขอยุ่งในยอดนี้ ปล่อยให้เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน วันนี้แค่มารับทราบข้อกล่าวหาว่าเป็นคดีฉ้อโกง แต่ตนก็ยังสามารถสืบพยานได้ หรือถ้าโชคร้ายก็จะเตรียมยื่นประกันตัวต่อไป และมีนัดเข้ามารับข้อมูลฟ้องในวันที่ 26 พ.ย. และอาจจะมีการยื่นประกันตัวต่อไป
- วันนี้ได้ฟังที่คู่กรณีไปออกไปในรายการโหนกระแสแล้ว และเสียใจที่มีบางข้อมูลที่ค่อนข้างไม่ตรงกับข้อเท็จจริงหลายอย่าง ตนคงต้องดูดคลิปรายการเพื่อยื่นต่อศาล เพราะมีเอกสารยืนยันว่าได้แจ้งให้คู่กรณีมารับของคืนไปแล้ว สาเหตุเพราะตนสั่งซื้อสินค้าเป็นเม็ดสีเหลือง แต่แค่กล่องแรกที่เปิดกลับเป็นเม็ดสีส้ม มีการคุยกัน แต่ไม่มีหลักฐานในการคุยเพราะเป็นเพื่อนกัน แต่อีกฝ่ายอธิบายมาจนทำให้ตนเชื่อว่าจะมีการแก้ไขให้เป็นไปตามที่เคยเสนอขายมาในตอนแรก ซึ่งสาเหตุที่ตนไม่จ่าย เพราะสินค้าขายไม่ออก โดยสินค้ามี 2 ล็อต และขายยากตั้งแต่ล็อตแรก ถึงขั้นเอากล่องวางขายในช่องทางทีวีไม่ได้ทั้งๆ ที่ตนได้ซื้อโฆษณาไปแล้ว ซื้อป้ายโฆษณาแต่ก็ขึ้นไม่ได้ เพราะป้ายโฆษณาไม่ผ่าน ต้องยุติการออนแอร์ทุกอย่าง
-ยืนยันไม่เคยบอกว่าสินค้าไม่มีคุณภาพ แต่บอกว่าสินค้าไม่ตรงกับสิ่งที่เคยมาเสนอขายตนในตอนแรก ก็เลยมีผลกระทบว่าขายแล้วจะผิดแผน และที่คู่กรณีแย้งเรื่องกล่องว่าใครเป็นผู้ผลิต ตนขอยืนยันว่าการสัมผัสกล่องและเห็นข้อมูลครั้งแรกไม่ใช่ทางฝั่งตนพ่นแน่นอน และชี้แจงข้อมูลในศาลแพ่งไปแล้ว ตนได้รับความเสียหายเพราะต้องเรียกกล่องคืนทั้งประเทศ ตอนนั้นตนเรียกค่าเสียหายไป 66 ล้าน คำนวนจากป้ายโฆษณาที่ซื้อไว้และโฆษณาทางทีวีเกือบทุกช่อง สาเหตุของการขาดทุนก็คือในส่วนนี้
-ปล่อยโฮ บอกมีหนี้มาตั้งแต่ปี 64 ช่วงโควิดตนเหนื่อยมาก ถ้ายังมีโอกาสตนก็ยังจะขายของอยู่ สู้มาหลายปีแล้วเพราะพิษเศรษฐกิจ และพอต้องมาใส่มาสก์ขายของ ยอดขายไม่ดี ตนก็ขาดทุน ต้องใช้หนี้มาตลอด เชื่อเจ้าหนี้ทุกคนเข้าใจ และขอบคุณคอมเมนต์ที่บอกว่าสินค้าของตนกินแล้วดีจริง เป็นกำลังใจที่ดีมาก เพราะตนเอาทั้งชีวิตใส่ให้อมาโด้ ถ้าอมาโด้ตาย ตนก็ตายด้วย
- ที่ถูกขุดเรื่องฉ้อโกงในอดีตและผิดพ.ร.บ.เช็ค ศาลชั้นต้นตัดสินแล้วว่าที่ถูกกล่าวหาฉ้อโกงนั้นศาลยกฟ้อง แต่คู่กรณีก็ยื่นอุทธรณ์ไปเช่นกัน ส่วนเรื่องเช็คตนยอมรับว่ามีการตัดสินให้ตนผิดและมีโทษจำคุกจริง และก็ได้ประกันตัวจริง แต่ทั้งตนและคู่กรณีไม่ได้อยากเป็นข่าว และยังหวังที่จะให้ทั้งสองฝ่ายมาสร้างรายได้เพื่อเอามาใช้หนี้ต่อไป
-แฉมีคนส่งมาบอกกับตนว่าให้โฆษณาเกินจริงไปเลย เดี๋ยวค่อยมาจ่ายค่าปรับ ยังไม่ขอบอกว่าเป็นใคร แต่ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว เพราะตนก็ยังจะขายของอยู่ตรงนี้ ตนทำแบบนั้นไม่ได้ ตนก็มีศักดิ์ศรี ไม่อย่างนั้นคงอยู่มาไม่ได้จนถึงทุกวันนี้
- บอกกับตัวเองเสมอว่าไม่อนุญาตให้ตัวเองมีความสุขถ้ายังใช้หนี้ไม่หมด และที่ว่ามีรถ มีบ้านก็เกิดก่อนที่จะมีวิกฤตเศรษฐกิจ บอกตนไม่ได้ขึ้นไลฟ์แค่ 4 วัน บริษัทก็เจ๊งได้แล้ว แต่ขอบอกเจ้าหนี้ทุกคนให้สบายใจว่าตั้งแต่ปี 64 ตนใช้หนี้ไปหลายสิบล้านแล้ว เพราะตอนโควิดมีปัญหาจริงๆ เจ้าหนี้ไม่ต้องตื่นตระหนก เพราะกรณีนี้เป็นปัญหาระหว่างบริษัทกับบริษัท แต่ธุรกิจตนยังดำเนินต่อไป เพราะยังมีพนักงานอีกร้อยกว่าชีวิต และตนยังมีครอบครัวที่ต้องดูแล สินค้าชิ้นนี้เป็นแค่ 1 ใน 20 กว่าตัวที่มีอยู่เท่านั้น
- ถึงไม่มีเรื่องนี้เข้ามา ตนและภรรยาก็เหนื่อยกันมาหลายปีแล้ว ทุกวันนี้แทบไม่กล้าแตะตัวกัน เพราะแค่แตะก็ร้องไห้กันแล้ว เพราะเต็มที่กันทุกอย่างแล้ว เพราะหนี้ทุกอย่างที่มีกับสื่อต่างๆ ตนก็จ่ายมาตลอดตั้งแต่ปี 64 มีตั้งแต่ยอด 30 ล้าน 70 ล้าน 100 กว่าล้านก็ใช้ไปหมดแล้ว ตนก็ยังอยากทำงาน เวลาไกล่เกลี่ยหนี้ตนก็นำเสนอตามกำลังทรัพย์ที่หาได้หลังจากฟื้นฟูกิจการแล้ว และเจ้าหนี้ทุกเจ้าก็เอ็นดูให้ความช่วยเหลือ วันนี้ตนก็ยังสู้อยู่ และอยากให้อุดหนุนสินค้าอยู่ ทุกวันนี้หนี้คือแรงกระตุ้นให้ลุกขึ้นมาต่อสู้ เป็นหนี้ก็ต้องรับผิดชอบ ถ้าตนเป็นไอ้ขี้แพ้ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาตนคงแพ้ไปนานแล้ว แต่ตนก็ยังสู้อยู่ ยังสามารถขายของได้อยู่ แต่เรื่องการเงิน มูลหนี้ก็อาจจะมากกว่าทุน
ที่มา : MgrOnline