"ทนายอาคม" เผยช่วยทำคดี "เมียทนายตั้ม" เท่านั้น หนักใจเจ้าตัวบอกพร้อมสู้หลังชนฝา อ้างพินัยกรรมทำลายทิ้งแล้ว
เผยแพร่ : 22 พ.ย. 2567 14:34:24
• ทนายตั้ม พร้อมสู้คดีถึงที่สุด
• ทนายตั้มอ้างไม่มีแอปฯ GPS ในมือถือ
• พินัยกรรมถูกทำลายทิ้งแล้ว
MGR Online - ทนายอาคม ระบุเข้าไปเยี่ยม "ทนายตั้ม" เพื่อช่วยทำคดี "เมียตั้ม" เท่านั้น หนักใจเจ้าตัวยังบอกพร้อมสู้คดีหลังชนฝา อ้าง GPS ไม่มีแอปฯ ในมือถือ - พินัยกรรม ทำลายทิ้งแล้ว
วันนี้ (22 พ.ย.) เวลา 13.00 น. บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายอาคม คงสวัสดิ์ หรือ "ทนายอาคม" เปิดเผยหลังเข้าเยี่ยม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ "ทนายตั้ม" ว่า ในแง่ประโยชน์ยืนยันว่า นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด หรือเดือน ภรรยาของทนายตั้ม ไม่ทราบที่มาของจำนวนเงินดังกล่าวว่ามาจากการฉ้อโกง ส่วนเรื่องหนักใจ ทนายตั้ม ยังประสงค์จะสู้คดีให้ถึงที่สุด ซึ่งอาจยังไม่รู้สำนึก คิดว่าพอมีทางสู้ แต่ตนก็ให้คำแนะนำหากสู้หลังชนฝา มันไม่มีเหตุให้ลดโทษหรือบรรเทาโทษ และในฐานะผู้มีความรู้ด้านกฎหมาย เมื่อทำผิดซะเองโทษหนักแน่นอน ก็ต้องพร้อมรับ
นายอาคม กล่าวว่า สำหรับภรรยาทนายตั้ม เกี่ยวข้องขั้นตอนรับโอนกรรมสิทธิ์บ้านพร้อมที่ดิน เมื่อวันที่ 22 มี.ค.66 และเรื่องเกิดใกล้กับคดีรับโอนเงิน 71 ล้านบาท ประมาณ 1 เดือน ซึ่งบ่งชี้ได้ว่าเจตนาที่จะทำแพลตฟอร์มหวยออนไลน์มีอยู่จริงหรือไม่ เป็นคำถามที่สังคมยังสงสัย ส่วนทนายตั้มชี้แจงว่า ต้นทุนทำแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ ใช้เงินไม่ถึง 70 ล้านบาท หรืออาจเป็นเงินหมุนเวียน ก็ต้องว่ากันไป ขอยืนยันไม่มีชื่อ เมียทนายตั้ม ร่วมธุรกิจหวยออนไลน์ แต่มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใน บริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม จํากัด ประมาณ 45 เปอร์เซ็นต์
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้บอกหรือไม่ ถ้ายังสู้คดีต่อจะกระทบเมียทนายตั้มเองหรือคนรอบข้าง นายอาคม เผยว่า ตนไม่ได้คุยเรื่องนี้ แต่อธิบายว่าผลจากการกระทำกระทบต่อคนรอบข้างทุกคน เดือดร้อนกันหมด โดยองค์ประกอบ 2 ส่วนในคดี พบว่าภายนอก คือ มีการลงชื่อรับโอนจริง ส่วนภายใน คือ เจตนาเป็นเรื่องในจิตใจไม่ทราบก็ต้องพิสูจน์กัน แต่ตั้งข้อสังเกตผัวเมียภรรยากันจะไม่รับรู้กันหรือไม่
นายอาคม กล่าวอีกว่า ส่วนการพูดคุยวันนี้กับ ทนายตั้ม เจ้าตัวอยากได้คำแนะนำในการต่อสู้คดีมากกว่าเรื่องเหตุบรรเทาโทษ และในฐานะรุ่นพี่ก็แค่เตือนสติว่าทำอะไรต้องรู้ตัว มีวิชาชีพใช้ให้ถูกต้อง พร้อมทั้งแนะนำในประเด็นคลิปมาดามอ้อยที่คุยกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล เมื่อวานนี้ (21 พ.ย.) คิดว่าจะสู้ไม่เป็นประโยชน์กับทนายตั้ม
นายอาคม กล่าวต่อว่า ในประเด็นเงิน 39 ล้านบาท ทนายตั้มอาจไม่มีพฤติการณ์เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่การหลอกลวงทรัพย์สินได้ไปเพื่อตนเองหรือบุคคลที่สาม ซึ่งบุคคลที่สามนั้นจะไปแตะกับทนายตั้ม นอกจากนี้ กรณีติด GPS ยืนยันมากับรถยนต์ และไม่ได้ล็อกอิน เข้าไป ซึ่งโทรศัพท์ของทนายตั้มก็ไม่มีแอปพลิเคชั่นติดตามสัญญาณ เมื่อตนถามย้ำว่าทำไมในสัญญาณ GPS ที่ติดกับรถยนต์ จึงเป็นชื่อทนายตั้ม ซึ่งทนายตั้มบอกไม่ทราบอ้างว่าบริษัทรถดำเนินการให้ แต่ยืนยันในมือถือไม่มีแอปฯ และเมื่อส่งมอบรถไปก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยว ตามทนายตั้มกล่าวอ้าง ส่วนพาไปจุดอับสัญญาณหรือเขื่อนเชี่ยวหลานก็ไม่ได้ไปจริง
นายอาคม ระบุว่า ส่วนกรณีพินัยกรรม ทนายตั้ม ยอมรับว่ามีชื่อตัวเองจริงเป็นผู้จัดการมรดก แต่จำไม่ได้ว่าเป็นฉบับที่ 1 หรือ 2 เนื่องจากมีการแก้ไขหลายครั้ง อีกทั้ง ทนายตั้มอ้างว่าได้ฉีกทำลายพินัยกรรมไปแล้ว แต่ไม่ทราบฉบับไหน ขอยืนยันไม่ช่วยทำคดีทนายตั้มแน่นอนและเป็นทนายให้ภรรยาทนายตั้มเท่านั้น
นายอาคม กล่าวเสริมว่า ทีมทนายหลักจะเป็น ทนายสายหยุด เพ็งบุญชู แต่หากประเด็นเงิน 39 ล้านบาท เชื่อว่ามีหลักฐานชัดเจน ทนายสายหยุดก็คงไม่รับทำคดี นอกจากนี้ ตนยังไม่ยื่นประกันตัวภรรยาทนายตั้ม รอการสอบสวนคืบหน้าไปก่อน อย่างไรก็ตาม ทราบว่า ทนายเกิดผล แก้วเกิด ไม่ได้เข้าเยี่ยมทนายตั้ม เพราะต้องได้รับแต่งตั้งเป็นทนายก่อน
"ผมมีเหตุผลส่วนตัวกับทนายตั้ม ที่โผล่หน้ามาคือเรื่องเมียทนายตั้ม มีเรื่องถึงไม่เผาผีกัน ทำเจ็บซ้ำน้ำใจหลายเรื่อง คนจะคุยกับทนายตั้ม เหลือน้อยคนแล้ว ส่วนการคุยจะได้ประโยชน์หรือไม่ ผมต้องการทราบแค่เรื่องเมียทนายตั้มเท่านั้น แค่คุยกันก็เป็นบุญทนายตั้มแล้ว"
ที่มา : MgrOnline