วธ.เตรียมความพร้อมอัญเชิญ “พระบรมสารีริกธาตุ” จากเมืองจีน ประดิษฐาน ณ ท้องสนามหลวง

เผยแพร่ : 18 พ.ย. 2567 13:55:21
X
• การอัญเชิญเป็นการชั่วคราว ประดิษฐานที่ท้องสนามหลวง
• ระยะเวลาการประดิษฐาน 2 เดือนเศษ ตั้งแต่ 4 ธันวาคม 2567 - 14 กุมภาพันธ์ 2568
 ภาพ: กระทรวงวัฒนธรรม
กระทรวงวัฒนธรรม เตรียมความพร้อมการอัญเชิญ “พระบรมสารีริกธาตุ” (พระเขี้ยวแก้ว) จากกรุงปักกิ่ง มาประดิษฐานในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลากว่า 2 เดือนที่ท้องสนามหลวง 4 ธันวาคม 2567 - 14 กุมภาพันธ์ 2568

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ได้เตรียมความพร้อมในการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐานในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเฉลิมฉลองการครบรอบ 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - จีน ในปี 2568

พร้อมเปิดให้ประชาชนสักการะ ระหว่าง วันที่ 4 ธันวาคม 2567 - 14 กุมภาพันธ์ 2568 รวม 73 วัน ณ บริเวณท้องสนามหลวง

โดยล่าสุด อยู่ระหว่างการก่อสร้างอาคารมณฑป ที่ใช้เป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ตามแบบสถาปัตยกรรมผสมผสานศิลปะไทย - จีน

สำหรับการจัดเตรียมขบวนรถอัญเชิญฯ ในวันที่ 4 ธันวาคม จากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ไปยังลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ จากนั้น จะจัดขบวนอัญเชิญไปยังสนามหลวง 24 ขบวน ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงาน ของไทย - จีน องค์กรเครือข่าย 5 ศาสนา และกลุ่มชาติพันธุ์กว่า 2,700 คน

นอกจากนี้ ยังเตรียมจัดกิจกรรมระหว่างการประดิษฐานชั่วคราว ได้แก่ พิธีเจริญพระพุทธมนต์รับพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) มาถึงประเทศไทยวันที่ 4 ธันวาคม กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี พิธีทำบุญตักบาตรวันขึ้นปีใหม่ กิจกรรมเนื่องในวันตรุษจีน วันที่ 29 มกราคม กิจกรรมเนื่องในวันมาฆบูชาวันที่ 12 กุมภาพันธ์ และพิธีเจริญพระพุทธมนต์และส่งพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) กลับสาธารณรัฐประชาชนจีน

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 - 16 พฤศจิกายน คณะผู้แทนไทยนำโดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักยกรัฐมนตรี และนางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เดินทางไปหารือถึงการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เพื่อให้การทำงานเป็นไปด้วยความราบรื่น
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ [email protected] หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline

ที่มา : MgrOnline