ขอ 3 ปีโต 10 เท่า! NTT DATA ควง Google Cloud ดันการเติบโตตลาดคลาวด์

เผยแพร่ : 20 พ.ย. 2567 02:30:35

เปิดใจการัน บาจวา (Karan Bajwa) รองประธาน Google Cloud ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และจอห์น ลอมบาร์ด (John Lombard) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NTT DATA ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในโอกาสที่ 2 องค์กรขานรับร่วมมือเสริมโซลูชันคลาวด์และ Generative AI สำหรับองค์กรใน APAC ซึ่งคาดว่าจะผลักดันการเติบโตตลาดคลาวด์กว่า 10 เท่าภายใน 3 ปี

ทั้ง NTT DATA และ Google Cloud นั้นไม่เพียงระบุว่าจะมุ่งพัฒนาโซลูชันที่ปรับให้เหมาะกับอุตสาหกรรมเฉพาะ แต่ยังมีการตั้งหน่วยธุรกิจเฉพาะด้าน และการเพิ่มความเชี่ยวชาญรวมถึงจำนวนพนักงานที่ผ่านการรับรอง เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงดิจิทัลและความต้องการ AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

การร่วมมือระหว่าง NTT DATA และ Google Cloud เชื่อว่าจะยกระดับและพัฒนาการวิเคราะห์ข้อมูลและการประยุกต์ใช้ Generative AI ให้ตอบโจทย์องค์กรในภูมิภาค โดยจะมีการตั้งหน่วยธุรกิจเฉพาะ Google Cloud Business Unit ขึ้นเพื่อเร่งพัฒนาโซลูชันคลาวด์ รวมถึงสนับสนุนเทคโนโลยี AI การรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ และระบบ SAP ขณะเดียวกัน ก็เน้นการปรับปรุงการทำงานและนวัตกรรมในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การเงิน การค้าปลีก และภาครัฐ คู่กับการขยายบุคลากรผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรองด้าน Google Cloud อีก 1,000 คนในภูมิภาค เพื่อรองรับความต้องการในยุคดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่เติบโตต่อเนื่อง

***ลดกำแพงเทคโนโลยีของธุรกิจไทย
 

จอห์น ลอมบาร์ด กล่าวว่าการเป็นพันธมิตรระหว่าง NTT DATA และ Google Cloud เกิดขึ้นมาเพื่อลดกำแพงทางเทคโนโลยีของธุรกิจไทย โดยจะให้บริการการวิเคราะห์ข้อมูลระดับสูง และโครงสร้างพื้นฐาน AI ผ่านระบบ Google Cloud การผสานโซลูชันที่เฉพาะของ NTT DATA ที่สร้างขึ้นมาให้เหมาะสมกับแต่ละอุตสาหกรรมและเข้ากับฐานลูกค้าที่หลากหลายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

"การร่วมมือครั้งนี้จะช่วยลดความจำเป็นที่จะต้องลงทุนในเทคโนโลยีและทรัพยากรล่วงหน้าในจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นผลดีมากต่อธุรกิจในประเทศไทยที่ต้องการปรับใช้โซลูชันที่เหมาะกับธุรกิจของตนโดยไม่ต้องมีผู้เชี่ยวชาญนั่งประจำอยู่ที่บริษัท ในขณะที่ยังได้ขับเคลื่อนนวัตกรรมและเพิ่มประสิทธิผลไปพร้อมกัน"
จอห์น ลอมบาร์ด (John Lombard) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NTT DATA ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
จอห์นย้ำว่าด้วยแผนของ NTT DATA ที่จะรับรองวิศวกรสำหรับระบบ Google Cloud เพิ่มอีก 1,000 ราย ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ธุรกิจในประเทศไทยจะสามารถเข้าถึงการสนับสนุนความเชี่ยวชาญทางเทคนิคและในระดับใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับองค์กรขนาดเล็กที่กำลังทดลองใช้งาน GenAI

"ด้วยแผนของ NTT DATA ที่จะรับรองวิศวกร Google Cloud เพิ่มเติมอีก 1,000 คนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยแผนนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าธุรกิจต่างๆ ที่กำลังทดลองใช้งานการวิเคราะห์ข้อมูลและโซลูชัน Gen AI จะได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญในท้องถิ่นที่จะลงมือแก้ปัญหาให้ได้อย่างทันท่วงที แม้ว่าจะเป็นธุรกิจที่ไม่มีทีมไอทีขนาดใหญ่ ก็สามารถใช้ประโยชน์จากความรู้ทางเทคนิคเพิ่มเติมสำหรับการจัดการข้อมูล ความปลอดภัย และโซลูชันคลาวด์ ซึ่งจะสามารถช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กนำโซลูชันร่วมเหล่านี้มาใช้และเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของตนเพื่อเร่งการเติบโต"

***ธุรกิจค้าปลีกเก่งขึ้น

NTT DATA มองว่าธุรกิจค้าปลีกของไทย โดยเฉพาะผู้ค้าปลีกแบบดั้งเดิมที่เข้าสู่ตลาดดิจิทัล สามารถเติบโตได้ในลักษณะเดียวกันโดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีขั้นสูง การวิเคราะห์ข้อมูล และความสามารถของ GenAI เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้าที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

"กรณีศึกษาของ NTT DATA แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเพิ่มการโต้ตอบกับลูกค้าและอัตรา Conversion หรือการสร้างยอดขาย โดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับแต่งการตลาดให้เหมาะกับพฤติกรรมของผู้บริโภคแต่ละคน และปรับปรุงประสิทธิภาพการโต้ตอบกับลูกค้า ผู้ค้าปลีกเหล่านี้จะได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความต้องการและแนวโน้มของพฤติกรรมลูกค้า โดยการนำการวิเคราะห์ข้อมูลและโซลูชัน GenAI บน Google Cloud มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์ดิจิทัลเพื่อเพิ่ม engagement, ระดับ conversion และการเติบโตของธุรกิจโดยรวม"

นอกจากนี้ แม้ว่าโมเดลภาษาขนาดใหญ่จะได้รับความสนใจอย่างมาก โมเดลที่มีขนาดย่อมลงมาก็มีความสามารถที่จะนำเสนอโซลูชันที่ใช้งานได้จริงและมีประสิทธิภาพสำหรับธุรกิจอีกเช่นกัน โมเดลเหล่านี้สามารถนำไปใช้แบบส่วนตัว เพื่อทำให้กระบวนการทางธุรกิจต่างๆอัตโนมัติผ่านการออกแบบกลไกการใส่คำสั่ง (Prompt Engineering) ซึ่งจะช่วยเชื่อมช่องว่างระหว่างความต้องการทางธุรกิจและความสามารถของ AI

อย่างไรก็ตาม NTT DATA มองว่าสิ่งสำคัญคือต้องมีโครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิคที่เหมาะสมเพื่อให้ได้รับประโยชน์จาก GenAI อย่างเต็มที่ ความเชี่ยวชาญเชิงลึกด้านอุตสาหกรรมและความเข้าใจในกระบวนการทางธุรกิจของเราช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถนำการวิเคราะห์ข้อมูลและโซลูชัน GenAI ที่เหมาะสมไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านการัน บาจวา พบว่าการค้าปลีกเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เติบโตเร็วที่สุด ซึ่งใช้ประโยชน์จากพลังของ Generative AI จาก Google Cloud เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสำคัญหลายด้าน ทั้งการบริการลูกค้า การยกระดับคำอธิบายผลิตภัณฑ์ ทำให้ลดระยะเวลาการจำแนกประเภทของผลิตภัณฑ์ และสร้างข้อมูลเพื่อการตลาด

สำหรับงานครีเอทีฟ Generative AI สามารถช่วยให้ทีมสร้างสรรค์พัฒนาเนื้อหาในการค้าปลีกในการเพิ่มไอเดียสำหรับคอนเทนต์ รวมถึงการโต้ตอบซื้อขายกับลูกค้าด้วยระบบโต้ตอบแชทอัตโนมัติ และการพัฒนาสื่อการเรียนรู้ภายในจากเนื้อหาที่มีอยู่

"Google Cloud ทำงานร่วมกับ NTT Data เพื่อสร้างโซลูชันที่เหมาะสมกับลูกค้ากลุ่มค้าปลีกของเราแต่ละเจ้า รวมถึงลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่นกัน เพื่อช่วยให้ทุกคนปรับใช้ระบบได้อย่างเหมาะสม และสามารถเปลี่ยนแปลงการดำเนินการได้อย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่"

***โรงงาน ธนาคาร และประกันภัย

ในอีกด้าน NTT DATA และ Google Cloud กำลังปรับแต่งโซลูชันเพื่อรับมือกับความท้าทายและกฎระเบียบเฉพาะตัวในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมการผลิต ธนาคาร และประกันภัย ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญในประเทศไทย
การัน บาจวา (Karan Bajwa) รองประธาน Google Cloud ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
"ตัวอย่างเช่น ในภาคการธนาคาร GenAI สามารถปรับปรุงการทำงานของฝ่ายบริการลูกค้าด้วยระบบอัตโนมัติ และการตรวจจับการฉ้อโกงได้ ภายใต้กฎระเบียบด้านข้อมูลที่เข้มงวด ในภาคอุตสาหกรรมโรงงานการผลิต GenAI สามารถเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตได้ ในขณะที่ในภาคการประกันภัย GenAI สามารถปรับปรุงและพัฒนาแบบทดสอบการประเมินความเสี่ยงได้ การปรับแต่งเฉพาะอุตสาหกรรมที่พัฒนาขึ้นผ่านความร่วมมือนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าโซลูชันที่ออกแบบมาจะสอดคล้องกับกฎระเบียบในท้องถิ่น และความต้องการของตลาด จึงสามารถรับมือกับความท้าทายเฉพาะของประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น"

ในส่วนนี้ การันเสริมว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการที่ลูกค้าในอุตสาหกรรมที่อยู่ภายใต้การควบคุม เช่น กลุ่มธุรกิจ FSI จะสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วย Generative AI ของ Google Cloud ได้อย่างมั่นใจ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีข้อมูลที่ละเอียดอ่อน และมีความจำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด

"ปัจจัยที่ทำให้แตกต่างจากคู่แข่ง เช่น การวางรากฐานระบบ ซึ่งช่วยให้การตอบสนองของ AI แม่นยำและเกี่ยวข้องกับโดเมนทางการเงิน ช่วยให้มั่นใจได้ว่าการพัฒนา AI จะเป็นไปด้วยความรับผิดชอบ เมื่อรวมกับโครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดภัยของ Google Cloud การประมวลผลข้อมูลที่เป็นความลับ และตัวเลือกคลาวด์ที่เป็นอิสระ สถาบันการเงินจะสามารถใช้ประโยชน์จาก Generative AI สำหรับงานต่างๆ เช่น คำแนะนำที่ออกแบบเฉพาะส่วนบุคคล การจัดการความเสี่ยง และการตรวจจับการฉ้อโกง ในขณะเดียวกับการปฏิบัติตามกฎระเบียบของอุตสาหกรรมและรักษาความไว้วางใจของลูกค้า"

สำหรับความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ถือเป็นข้อกังวลข้อใหญ่ข้อหนึ่งสำหรับธุรกิจไทยเมื่อตัดสินใจนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทไทยที่ใช้โซลูชัน GenAI ภายใต้ข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องคำนึงถึงข้อกำหนด PDPA ของประเทศไทย

ที่สุดแล้ว จอห์นกล่าวทิ้งท้ายว่าเพื่อแก้ไขปัญหาความปลอดภัยทางไซเบอร์และความเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA ของประเทศไทย ความร่วมมือนี้จึงได้นำแนวทางการปฏิบัติด้านความปลอดภัยของข้อมูลที่เข้มงวดมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของโซลูชัน GenAI และคลาวด์ Framework ด้านความปลอดภัยที่แข็งแกร่งของ Google Cloud เมื่อใช้งานร่วมกับบริการคลาวด์และระบบรักษาความความปลอดภัยของ NTT DATA ช่วยให้ธุรกิจของไทยที่ใช้ GenAI มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลและปฏิบัติตามข้อกำหนด ซึ่งจะช่วยให้บริษัทต่างๆ ของไทยใช้ประโยชน์จากความสามารถของ GenAI ได้อย่างปลอดภัย

และเป็นไปตามข้อกำหนดด้านกฎหมายปกป้องข้อมูลของทั้งธุรกิจและลูกค้าจากความเสี่ยงทางไซเบอร์

ที่มา : MgrOnline