“พิชัย” นำทีมบีโอไอโรดโชว์จีน ดึงลงทุนอุตฯ แบตเตอรี่-อิเล็กทรอนิกส์
เผยแพร่ : 18 พ.ย. 2567 09:25:21
• จังหวะเวลาสำคัญ: เลือกตั้งสหรัฐฯ ทำให้บริษัทจีนกังวล จึงเป็นโอกาสของไทย
• จัดสัมมนาใหญ่และพบปะบริษัทชั้นนำ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแบตเตอรี่
• เป้าหมาย: ดึงดูดการลงทุนจากจีนเข้าประเทศไทย
“พิชัย” รองนายกฯ และ รมว.คลัง นำทีมบีโอไอเยือนมหานครเซี่ยงไฮ้ ช่วงชิงโอกาสดึงการลงทุนในจังหวะเวลาที่บริษัทจีนจำนวนมากเกิดความกังวลจากผลการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกา เดินหน้าจัดสัมมนาใหญ่ พร้อมพบบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมการผลิตแบตเตอรี่ และอิเล็กทรอนิกส์ ยกระดับไทยเป็นฐานผลิตสำคัญของจีนในภูมิภาคอาเซียน เผย 9 เดือนจีนยื่นขอลงทุนไทย 554 โครงการ มูลค่ากว่า 1.14 แสนล้านบาท
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 19-22 พฤศจิกายน 2567 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการส่งเสริมการลงทุน จะนำคณะบีโอไอ พร้อมด้วยผู้แทนภาคเอกชนเดินทางไปโรดโชว์ส่งเสริมการลงทุน ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยจะพบหารือกับนายกเทศมนตรีนครเซี่ยงไฮ้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์และยกระดับความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน ในวาระที่จะครบรอบ 50 ปี แห่งมิตรภาพความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ในปี 2568 พร้อมผนึกกำลังองค์กรส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศของจีน (China Council for the Promotion of International Trade: CCPIT) และ Bank of China จัดงานสัมมนาใหญ่ “Thailand - China Investment Forum 2024” ในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 ที่นครเซี่ยงไฮ้ เพื่อแสดงศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในการรองรับการลงทุนจากจีน ซึ่งขณะนี้มีนักลงทุนจีนให้ความสนใจลงทะเบียนเข้าร่วมงานสัมมนากว่า 500 คนจากหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน แบตเตอรี่ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ดิจิทัล เครื่องจักรและอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์โลหะและวัสดุ เป็นต้น
ภายในงานสัมมนา รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการบีโอไอจะนำเสนอศักยภาพและโอกาสการลงทุนในประเทศไทย รวมทั้งสิทธิประโยชน์และมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ นอกจากนี้ จะมีผู้บริหารจากภาคเอกชนชั้นนำร่วมบรรยายถ่ายทอดประสบการณ์และความสำเร็จของการทำธุรกิจในประเทศไทย เช่น Bank of China, บริษัท Haier ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะรายใหญ่ มีการลงทุนในไทยรวมกว่า 16,000 ล้านบาท, บริษัท Westwell Technology ผู้นำด้าน AI และ Digital Green Logistics โดยได้นำเทคโนโลยี AI มาใช้ยกระดับธุรกิจต่าง ๆ เช่น การพัฒนาท่าเรืออัจฉริยะในประเทศไทย อีกทั้งมีผู้แทนภาคเอกชนไปร่วมออกบูธให้ข้อมูลด้านการลงทุนและโอกาสการร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัทไทย ประกอบด้วยกลุ่มธนาคาร เช่น ธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย และไทยพาณิชย์ และกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เช่น นิคม WHA, TRA, TFD, เอส, โรจนะ และนิคม 304
นอกจากนี้ รองนายกฯ และเลขาฯ บีโอไอจะหารือกับนักลงทุนชั้นนำของจีนเป็นรายบริษัท เพื่อเจรจาแผนการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น การผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าและระบบกักเก็บพลังงาน โดยเน้นการผลิตแบตเตอรี่ในระดับเซลล์ ธุรกิจบริหารจัดการแบตเตอรี่ใช้แล้วเพื่อเตรียมรองรับปริมาณแบตเตอรี่ใช้แล้วที่จะเริ่มเข้าสู่ตลาดในอนาคตอันใกล้ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงและอุปกรณ์โทรคมนาคม การผลิตบรรจุภัณฑ์ชีวภาพจากวัตถุดิบทางการเกษตรในประเทศไทย เป็นต้น
“ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการเป็นฐานการผลิตหลักของจีนในภูมิภาคอาเซียน โดยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ได้มีคลื่นการลงทุนลูกใหม่จากประเทศจีนเข้ามาสู่ประเทศไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง อย่างการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) กิจการ Data Center และ Cloud Service สำหรับการเยือนจีนครั้งนี้ จะเน้นดึงการลงทุนในกลุ่มแบตเตอรี่และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ต้นน้ำที่จะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับซัพพลายเชน และต่อยอดกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้เข้ามาลงทุนแล้ว โดยเราจะเชิญชวนให้นักลงทุนจีนพิจารณาการร่วมทุนกับผู้ประกอบการไทย รวมถึงการเพิ่มสัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนและวัตถุดิบจากผู้ผลิตในประเทศด้วย” นายนฤตม์กล่าว
ทั้งนี้ ในปี 2566 ที่ผ่านมามีโครงการจากจีนยื่นขอรับการส่งเสริมจำนวน 416 โครงการ เงินลงทุน 158,121 ล้านบาท สูงเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ในขณะที่ช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-กันยายน 2567) จีนขอรับส่งเสริมการลงทุน จำนวน 554 โครงการ เงินลงทุน 114,067 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ผลิตภัณฑ์โลหะและวัสดุ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
ที่มา : MgrOnline