* ฟิล์ม รัฐภูมิ เชื่อตัวเองจะผ่านมรสุมคดีความ แต่ยืนยันความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว อยู่ที่กองปราบ * พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ บอกชาวอุดรธานี หากไม่ได้เป็นนายกฯ ครั้งนี้ ต้องรออีก 9 ปีจึงจะมีโอกาส * การเลือกตั้งนายก อบจ. อุดรธานี จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายนนี้
ข่าวปนคน คนปนข่าว


++ โปรดอย่ากะพริบตา!? "ฟิล์ม" รัฐภูมิ เชื่อจะผ่านมรสุมแต่ "ความจริงมีหนึ่งเดียว" อยู่ที่กองปราบ

ภายใต้กระแสตุ้มๆ ต่อมๆ จากคดี "ตบเป็นปกติธุระ" จะตาม "เจ้พัช" กฤษอนงค์ นักร้องเรียนหญิงไปหรือไม่ "ฟิล์ม" รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ นักแสดงหนุ่มเคลื่อนไหวผ่านไอจี ด้วยภาพทำบุญตักบาตร เนื่องในวันคล้ายวันเกิด พร้อมกับเขียนข้อความไว้ว่า..

“วันนี้วันเกิด ผมขอบคุณทุกกำลังใจ ที่มอบให้ผม ผมรักทุกคนนะครับ ขอให้ทุกคนมีแต่ความสุขเหมือนกันนะครับ

ขอโทษที่ปีนี้เราไม่ได้มากอดมาจับมือกันนะครับ และขอบคุณที่ทุกคนเชื่อมั่นในตัวผม ขอบคุณที่มองผมจากที่ทุกคนรู้จักผม ไม่ได้ใช้อารมณ์มาตัดสิน

อดทนนะครับ น้ำตาของทุกคนมีค่าสำหรับผม อดทน และอย่าร้องกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมจะผ่านมันไปเหมือนทุกครั้งที่ผมเจอปัญหา เพราะความถูกต้อง และความจริงมีหนึ่งเดียว และมันจะกลับมาปกป้องผมทุกครั้ง คิดถึง FF ทุกคนนะครับ อยากร้องเพลงกับทุกคนแล้ว”

ปรากฏว่า ชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์กระจุย โดยเฉพาะที่ “ฟิล์ม-รัฐภูมิ” ฝากถึง "ทุกคน" ถูกย้อนถามเจ็บๆ ใครคือทุกคน!? ใครเชื่อมั่น !?

นั่นก็ว่าชาวเน็ตไม่ได้ที่จะไม่เชื่อ ฟิล์ม เพราะฟิล์มวันเกิดปีนี้อายุย่าง 40 เกือบครึ่งของชีวิต "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ผู้นี้มีเรื่องมีราวมาตลอด

ตั้งแต่ปี 49 ข่าวฉาวพิพาทกับกรณี "เสี่ยอู๊ด" เซียนพระผู้มีพระคุณ เว้นระยะไม่กี่ปี ก็ถูกลากเข้าไปโยงกรณีดาราสาว"แอนนี่ บรู๊ค"' ท้องไม่รับ!

ถัดมาปี 61ศาลสั่งจำคุกแต่รอลงอาญา 2 ปี คดีเปิดบริษัทเติมเงินไม่ขออนุญาต

อีก 5 ปีต่อมาในปี 66 ก็ต้องถูกเรียกไปให้การ กรณีพบพัวพันเส้นเงินของผู้ต้องหา "Forex-3D"

ปีนี้ 67 ถือเป็นมรสุมลูกใหญ่ กรณีที่มีคลิปเสียง "แอบอ้าง" ชื่อ "หนุ่ม" กรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรดังแห่งรายการโหนกระแส เรียกรับเงินจาก "บอสปัน" ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร 20 ล้าน เพื่อแลกกับการให้ "บอสพอล" วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ได้ไปออกรายการดัง จนนำมาสู่การแจ้งความดำเนินคดีของ "หนุ่ม กรรชัย"

มรสุมครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ในสายตาของชาวเน็ต และผู้ที่ติดตามข่าวรวมไปถึงตัวของ "หนุ่ม-กรรชัย" เอง เชื่อว่า ด้วยพยานหลักฐานคลิปเสียง "ฟิล์ม รัฐภูมิ" เหนื่อยแน่

นั่นเพราะ "หมายจับ" เจ๊พัช ตำรวจระบุพฤติการณ์เข้าข่ายกระทำผิดเรียกรับสินบน

กระแสสังคมตามวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้อย่างเกาะติด

เจ้าตัวก็รู้ตัวถึงขึ้นตัดพ้อ "เหมือนโดนรุมสกรัม" และ อย่างที่โพสต์ออกมา "ใจดีสู้" เชื่อว่าหากอดทน ความจริงมีหนึ่งเดียว จะผ่านมันไปเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

ส่วนจะเป็นเช่นนั่นจริงหรือ!? อีกไม่นานจะมีคำตอบ

ตอนนี้ทั้ง "เจ๊พัช" กวักมือเรียกอยู่ไหวๆ ขณะที่กองปราบ จะประชุมคดีพิจารณาในความผิดของ "ฟิล์ม" วันนี้ (18พ.ย.) อะไรจะเกิดขึ้นกับดาราดัง โปรดอย่ากระพริบตา !

++ “พิธา” บอกคนอุดรฯ รออีก 9 ปี จะกลับมาเป็นนายกฯ

การเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี จะมีการหย่อนบัตรกันในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้แล้ว

ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงถือว่าเป็นช่วงโค้งสุดท้ายในการหาเสียง มีการปะทะกันอย่างดุเดือดระหว่างผู้ที่ให้การสนับสนุน หรือต้นสังกัดผู้สมัคร

โดยคู่ชิงเป็นผู้สมัครเบอร์ 1 สังกัดพรรคประชาชน กับ เบอร์ 2 สังกัดพรรคเพื่อไทย

“ทักษิณ ชินวัตร” อาศัยช่วงที่ “ลูกอิ๊งค์” นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไปประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคที่ประเทศเปรู เลยมารับบทผู้ช่วยหาเสียง นำทัพเพื่อไทยไปเดินสายปราศรัยแทน โดยลงพื้นที่ในช่วงวันที่ 13-14 พ.ย.ที่ผ่านมา

ต่อเนื่องกัน บรรดาแกนนำ “พรรคส้ม” ตั้งแต่ยุคพรรคอนาคตใหม่ ก้าวไกล มาถึงพรรคประชาชน ก็ไปเปิดเวทีปราศรัยแบบดาวกระจาย ในวันที่ 15-16-17 พ.ย. โดยมี “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นตัวชูโรง

17-18 ปีที่ห่างหายไปจากเวทีปราศรัย กลับมาครานี้ “ทักษิณ” ใช้คำพูดที่ค่อนข้างรุนแรง บางช่วง บางอารมณ์ ก็เข้าขั้น “หยาบ” โดยพุ่งเป้าไปที่พรรคประชาชน ที่กำลังเป็นคู่แข่งทางการเมือง

โดยเฉพาะการยกเอา มาตรา 112 มาเป็นประเด็นว่า “พรรคส้ม” มีแนวความคิดรื้อโครงสร้างประเทศ การหมกมุ่นอยู่กับ ม.112 ทำให้พรรคก้าวไกล จัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคเพื่อไทยไม่ได้ แถมยังบอกว่า เคยคุยเรื่องนี้กับ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจแล้ว” แต่ไม่ก็ไม่มีการลดรา วาศอก

คำพูดตีกิน เช่นนี้ เหมือนพยายามสร้างภาพให้ “กลุ่มอนุรักษ์นิยม” เห็นว่าพรรคประชาชน เป็นอันตรายต่อสถาบันฯ จำเป็นที่จะต้องใช้บริการของ “ทักษิณ” และพรรคเพื่อไทย ในการสกัดกั้น ไม่ให้พรรคประชาชนได้จัดตั้งรัฐบาลอีกเลย
เรียกว่าโยนเรื่อง 112 ไปใส่ “พรรคส้ม” เต็มๆ

เจอความเก๋าของ “ทักษิณ” เข้าไป ทำเอา “ธนาธร” ต้องออกมาโพสต์ตอบโต้ ด้วยอารมณ์เดือด ว่า “ทักษิณ” รู้ดีที่สุดว่า เหตุผลที่พรรคก้าวไกล และเพื่อไทย ไม่ได้ร่วมรัฐบาลกันนั้น ไม่เกี่ยวกับ มาตรา112 เลย เราไม่ได้พูดคุยตกลงอะไรกันในเรื่องนี้เลย และเรื่อง 112 ก็ไม่เคยอยู่ในเงื่อนไขในการจัดตั้งรัฐบาลตั้งแต่แรก

“ธนาธร” ยังบอกว่า ไม่เคยใช้มาตรา 112 เป็นประเด็นในการหาเสียงเรียกคะแนนนิยม เราจะตอบหรือพูดเรื่อง ม.112 ก็เฉพาะเมื่อถูกสื่อมวลชน หรือประชาชนถามเท่านั้น

การปะทะกันระหว่าง “ทักษิณ” กับ “ธนาธร” นั้น บ่งบอกได้ถึงการ “เล่นการเมือง” แบบไทยๆ ที่พูดจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง หรือ พูดเฉพาะเอาดีใส่ตัว โยนชั่วให้ฝ่ายตรงข้าม

และการที่ “ธนาธร” ปฏิเสธว่า “พรรคส้ม” ไม่เคยใช้ เรื่อง 112 มาหาคะแนนนิยมทางการเมืองนั้น เพจ "วันนี้พรรคส้มโกหกอะไร" ที่ “จับโป๊ะ” ธนาธรไว้เป็นฉากๆ ไปหาดูได้

เช่นเดียวกับการเดินสายหาเสียงช่วยผู้สมัคร ของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” นั้น ก็ไม่ได้เน้นไปที่ บทบาทของการเมืองท้องถิ่นเท่าใดนัก โดยยังคงพูดถึงการเมืองในภาพรวม หรือ การเมืองระดับประเทศ

“พิธา” บอกว่า สำหรับพรรคประชาชน การลงแข่งเลือกตั้ง มีแต่ ชนะกับพัฒนา ไม่มีคำว่า แพ้ พิสูจน์ได้จากตั้งแต่ตอนเป็นพรรคอนาคตใหม่ แล้วมาเป็นพรรคก้าวไกล และเป็นพรรคประชาชน “พรรคส้ม” มีแต่โต ไม่มีทรุด

“พิธา” ยังพยายามลบล้างวาทกรรมที่ว่า อุดรธานี เป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดงนั้นไม่จริง แต่ อุดรธานี เป็นเมืองหลวงของประชาธิปไตย ต่างหาก

และในการปราศรัยเมื่อวันวาน (17 พ.ย.) ที่เวทีตลาดนัด อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี “พิธา” ก็เปิดฉากอ้อน “ติ่งส้ม” ว่า ตนโดนตัดสิทธิ์ทางการเมือง จากการยุบพรรคก้าวไกล ช่วงนี้ก็เลยเดินต้องทางๆไปต่างประเทศบ่อย เพื่อไปหาความรู้ ไปคอยดูพี่น้องแรงงาน ที่ไปทำงานอยู่ในหลายประเทศ

“ไปอยู่ต่างประเทศ ไม่ได้ทำให้เสียเวลาเปล่า อยู่เป็น เย็นพอ รอได้ อีก 9 ปี ถ้าพี่น้องยังต้องการ ผมจะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีกว่าเดิม ถ้าพี่น้องประชาชนยังต้องการและยังรอได้ ผมจะกลับมา แต่ในขณะนี้ ในฐานะอดีต หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นผู้ช่วยผู้หาเสียงของพรรคประชาชน เคยเป็นนักการเมืองอย่างไร ก็ยังคงอยากพัฒนาบ้านเมืองเหมือนเดิม”

ก่อนจะทิ้งท้ายว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ คือการเลือกตั้งของพรรค 2 พรรค ท่านต้องถามตัวท่านเองว่า พรรคไหน ผู้สมัครคนไหน ที่เขาพร้อมจะสู้เพื่อครอบครัวของพวกท่าน ไม่ใช่ต่อสู้เพื่อครอบครัวคนอื่น!!

การเลือกตั้ง นายกอบจ.อุดรธานีครั้งนี้ แม้จะเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่น แต่การหาเสียงกลับพุ่งเป้าไปที่การเมืองระดับชาติ และ เชื่อว่า พรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาชน จะยังคงต้องปะทะกันอีกหลายสนาม

ที่มา : MgrOnline