CMAN ลุยปรับโครงสร้างเงินกู้ครั้งใหญ่ หนุนผลงานปี 67 โตตามแผน

เผยแพร่ : 15 พ.ย. 2567 10:04:44
X
• กำไรสุทธิ 168 ล้านบาท แต่ไม่รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน จะมีกำไร 351 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62%
• ยอดขายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไรเติบโต
• คุมเข้มต้นทุน และ ภาระหนี้ลดลง ช่วยเพิ่มอัตรากำไร
• คาดการณ์ไตรมาส 4 ยังเติบโตต่อเนื่อง

 

“เคมีแมน” โชว์ผลงานงวด 9 เดือนปี 2567 กำไรสุทธิ 168 ล้านบาท แต่ถ้าไม่รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนในทางบัญชี จะมีกำไร 351 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% จากยอดขายเพิ่มขึ้น คุมเข้มต้นทุน ภาระหนี้ลด อัตรากำไรดีขึ้น แย้มไตรมาส 4 ยังโตต่อเนื่อง เดินหน้าปรับโครงสร้างเงินกู้ เตรียมขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ

หม่อมหลวงจันทรจุฑา จันทรทัต ประธานกรรมการ บริษัท เคมีแมน จำกัด (มหาชน) (CMAN) ผู้ผลิตปูนไลม์ระดับโลก ภายใต้แบรนด์ 'CHEMEMAN' เปิดเผยว่า ไตรมาส 3 ปี 2567 บริษัทมีรายได้ 877 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.1% มีกำไรขั้นต้น 314 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.6% และขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทอยู่ที่ 96 ล้านบาท โดยมีสาเหตุจากรายการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นและที่ไม่ใช่เงินสด จำนวน 185 ล้านบาท หากไม่รวมรายการขาดทุนดังกล่าว กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นจะเท่ากับ 89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 138.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 

สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2567 บริษัทมีรายได้ 2,856 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2% มีกำไรขั้นต้น 1,063 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% และกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทอยู่ที่ 168 ล้านบาท ซึ่งมากกว่ากำไรสุทธิของทั้งปี 2566 ที่ทำได้ 136 ล้านบาท หากไม่รวมรายการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นและรายการที่ไม่ใช่เงินสด กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นจะเท่ากับ 351 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

“การดำเนินธุรกิจหลักของบริษัทยังแข็งแกร่งมาก ทั้งปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น สัดส่วนต้นทุนขายลดลง อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น ขณะที่ภาระหนี้สินและต้นทุนทางการเงินลดลงอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าในไตรมาส 3 ต้องเผชิญกับความท้าทายในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเงินบาทแข็งค่ารุนแรงเมื่อเทียบกับ AUD และ VND ทำให้เกิดผลขาดทุนในทางบัญชีอันเนื่องมาจากบริษัทมีการปล่อยกู้ให้กับบริษัทย่อยที่ออสเตรเลียเป็นเงิน AUD และบริษัทย่อยที่เวียดนามเป็นเงินบาท อีกทั้งโรงงานในเวียดนามได้รับผลกระทบจากพายุยางิ แต่สามารถจัดการฟื้นฟูความเสียหายและกลับมาผลิตได้ภายใน 1 เดือน โดยไม่กระทบกับยอดขายโดยรวม”   
 
สำหรับแนวโน้มในไตรมาส 4/2567 บริษัทมั่นใจว่าจะเติบโตตามเป้าหมาย จากปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการใช้ปูนไลม์ในประเทศอินโดนีเซีย อินเดีย และออสเตรเลียยังเติบโตต่อเนื่อง และราคาขายที่สอดคล้องกับคุณภาพสินค้ามากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างเงินกู้ระหว่างกันกับบริษัทลูกที่ออสเตรเลียให้สำเร็จภายในสิ้นปีนี้ เพื่อแก้ปัญหาผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบกับ AUD ให้หมดไป ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการในอนาคตของบริษัทมีเสถียรภาพมากขึ้น พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศตามแผนงานที่ตั้งไว้        

ที่มา : MgrOnline