โดนอีกดอก!NHTSAเปิดสอบระบบFSD ครอบคลุมอีวีเทสลา2.4ล้านคันในอเมริกา

เผยแพร่ : 21 ต.ค. 2567 14:51:31
X
องค์การบริหารความปลอดภัยการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติของอเมริกา (NHTSA) เปิดสอบสวนรถยนต์ Tesla 2.4 ล้านคัน
• สาเหตุ: ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ Autopilot มีปัญหา
• ปัญหา:
• ระบบอาจตอบสนองต่อรถฉุกเฉินหรือรถที่จอดนิ่งได้ไม่เหมาะสม
• อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
• ผลกระทบ:
• รถยนต์ Tesla 2.4 ล้านคันได้รับผลกระทบจากการสอบสวน
• Tesla จะต้องให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับ NHTSA
• หมายเหตุ: การสอบสวนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนแรก และยังไม่มีข้อสรุปใดๆ
NHTSA เปิดสอบสวนรถเทสลา 2.4 ล้านคันที่ติดตั้งระบบ FSD หลังมีรายงานอุบัติเหตุ 4 ครั้ง ซึ่งรวมถึงเมื่อปีที่แล้วที่คนเดินถนนถูกชนเสียชีวิต
องค์การบริหารความปลอดภัยการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติของอเมริกา (NHTSA) เปิดสอบสวนรถเทสลา 2.4 ล้านคันที่ติดตั้งระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง FSD หลังมีรายงานอุบัติเหตุ 4 ครั้ง ซึ่งรวมถึงเมื่อปีที่แล้วที่คนเดินถนนถูกชนเสียชีวิต
การประเมินขั้นต้นของ NHTSA เป็นขั้นตอนแรกที่อาจนำไปสู่การเรียกคืนรถ หากเชื่อว่า ซอฟต์แวร์ Full Self-Driving (FSD) ทำให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย

การสอบสวนระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงครั้งใหม่นี้เกิดขึ้นขณะที่อีลอน มัสก์ พยายามปรับโฟกัสไปที่เทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติและโรโบแท็กซี่ ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นและดีมานด์ในธุรกิจรถยนต์ซบเซาลง

สองสัปดาห์ที่แล้ว มัสก์เปิดตัว “ไซเบอร์แคป” หรือโรโบแท็กซี่ไฟฟ้าสองที่นั่ง ไม่มีพวงมาลัย คันเร่งและแป้นเบรก แต่จะใช้กล้องและเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วยนำทาง

อย่างไรก็ดี เทสลาต้องได้รับอนุมัติจาก NHTSA สำหรับรถที่ไม่มีคนควบคุม และมัสก์หวังว่า ปีหน้าระบบ FSD แบบไม่ต้องมีคนแทรกแซงจะเริ่มใช้ได้ในรัฐเทกซัสและแคลิฟอร์เนีย โดยติดตั้งใน Model 3 และ Model Y
มัสก์ให้สัญญาเรื่องรถไร้คนขับมานานหลายปี แต่ถึงตอนนี้เทสลายังไม่ได้ขึ้นสายผลิตหรือเผยโฉมรถที่ปลอดภัยพอที่จะวิ่งบนถนนสาธารณะโดยไม่ต้องมีคนขับหลังพวงมาลัยเตรียมพร้อมบังคับทิศทางหรือเบรกตลอดเวลา

NHTSA เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (18 ต.ค.) ว่า ได้เปิดการสอบสวนหลังมีรายงานการชน 4 กรณีที่มีการเปิดใช้ FSD ขณะที่ทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางลดลง เช่น มีแสงจ้าส่องเข้ากล้อง มีหมอกหรือฝุ่นละอองในอากาศ ซึ่งรวมถึงเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วที่รัฐแอริโซนาที่คนเดินถนนคนหนึ่งถูก Model Y รุ่นปี 2021 ชนเสียชีวิต และอีกกรณีที่มีผู้บาดเจ็บซึ่งกำลังสอบสวนอยู่

การประเมินเบื้องต้นของ NHTSA จะครอบคลุมอีวีเทสลาประมาณ 2.4 ล้านคันในอเมริกา ซึ่งรวมถึง Model S และ X ที่ผลิตระหว่างปี 2016-2024, Model 3 ที่ผลิตระหว่างปี 2017-2024, Model Y ที่ผลิตระหว่างปี 2020-2024 และไซเบอร์ทรัคที่ผลิตระหว่างปี 2023-2024

เทสลายังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ กับการสอบสวนครั้งล่าสุด แต่บนเว็บไซต์ของบริษัทมีข้อความระบุว่า การใช้ระบบ FSD ต้องมีผู้ขับควบคุมหลังพวงมาลัย และสำทับว่า ระบบนี้ไม่ได้ทำให้รถขับขี่เองอัตมัติ
NHTSA ระบุว่า จุดประสงค์ของการสอบสวนครั้งใหม่คือเพื่อประเมินความสามารถในการควบคุมเชิงวิศวกรรมของ FSD ในการตรวจพบและตอบสนองต่อทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางที่ลดลง

หน่วยงานกำกับดูแลด้านความปลอดภัยบนท้องถนนแห่งนี้ยังตั้งคำถามว่า การชนขณะใช้ FSD ที่คล้ายกันในกรณีอื่นๆ เกิดขึ้นขณะที่ทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางลดลงหรือไม่ และการที่เทสลาอัปเดตระบบ FSD แบบไร้สายหรือ over-the-air อาจส่งผลต่อ FSD ในสภาพทัศนวิสัยการมองเห็นที่ไม่ดีหรือไม่

นอกจากนี้ NHTSA จะประเมินจังหวะเวลา วัตถุประสงค์ และความสามารถของการอัปเดตดังกล่าว ตลอดจนถึงการประเมินผลกระทบด้านความปลอดภัยของเทสลาเอง
เทคโนโลยี FSD ของเทสลาใช้เวลาพัฒนายาวนานหลายปี และมีเป้าหมายในการสร้างการขับขี่อัตโนมัติขั้นสูงที่รถสามารถจัดการภารกิจในการขับส่วนใหญ่ได้โดยไม่ต้องมีการแทรกแซงจากมนุษย์

เดือนธันวาคมเทสลาเรียกคืนรถกว่า 2 ล้านคันในอเมริกาเพื่อติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยใหม่ในออโต้ไพล็อต ซึ่งเป็นระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงของบริษัท ซึ่ง NHTSA ยังกำลังตรวจสอบว่า การเรียกคืนดังกล่าวได้แก้ไขข้อกังวลเรื่องที่ผู้ขับขี่ไม่มีสมาธิจดจ่อกับการขับรถอย่างเหมาะสมหรือไม่

เทสลาเปิดเผยในเดือนตุลาคม 2023 ว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ออกหมายเรียกเกี่ยวกับ FSD และออโต้ไพล็อต และเดือนเดียวกันปี 2022 รอยเตอร์เคยรายงานว่า เทสลาถูกสอบสวนคดีอาญา

ทั้งนี้ มีอุบัติเหตุที่มีผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี FSD อย่างน้อย 2 กรณี ซึ่งรวมถึงกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายนที่เทสลา Model S ที่อยู่ในโหมด FSD ขณะชนและทำให้คนขับมอเตอร์ไซค์วัย 28 ปีเสียชีวิตในซีแอตเติล

ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมบางคนชี้ว่า การที่เทสลาใช้กล้องเพียงอย่างเดียวสำหรับระบบขับขี่อัตโนมัติบางส่วนหรือเต็มรูปแบบอาจเป็นสาเหตุในสภาพที่ทัศนวิสัยการมองเห็นต่ำ เนื่องจากรถไม่มีชุดเซ็นเซอร์สำรอง

เจฟฟ์ ชูสเตอร์ รองประธานโกลบัลดาตา แสดงความเห็นว่า สภาพอากาศอาจส่งผลต่อความสามารถของกล้องในการมองเห็นสิ่งต่างๆ และเขาคิดว่า จะมีการพิจารณาเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบประกอบด้วย และนั่นอาจเป็นหนึ่งในอุปสรรคสำคัญสำหรับการเปิดตัว

เทคโนโลยีนี้ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งหมายถึงโรโบแท็กซี่
ทั้งนี้ คู่แข่งของเทสลาที่ให้บริการโรโบแท็กซี่พึ่งพิงเซ็นเซอร์ราคาแพง เช่น lidar และเรดาร์เพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อมการขับรถ

ที่มา : MgrOnline