รวบบัญชีม้า มิจฉาชีพอ้างเป็นเพื่อนสมัยเด็ก แชทยืมเงิน เหยื่อสูญ 6 พัน

เผยแพร่ : 18 ต.ค. 2567 14:54:48
X
• ตำรวจสืบสวนนครบาลจับกุมหญิงสาว ทำหน้าที่เป็นบัญชีม้าให้กับมิจฉาชีพ
• มิจฉาชีพใช้กลอุบายอ้างเป็นเพื่อนผู้เสียหายสมัยเด็ก ทักไลน์แชทขอยืมเงิน
• ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปให้ สูญเงินไป 6,000 บาท

ตำรวจสืบสวนนครบาลจับสาวบัญชีม้าให้มิจฉาชีพอ้างเป็นเพื่อนผู้เสียหายสมัยเด็ก ทักไลน์แชทยืมเงิน สูญ 6 พันบาท

วันนี้ (18 ต.ค.) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช..น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น.ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น.จับกุมตัว น.ส.นันทิชา อายุ 29 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.953/2567 ลงวันที่ 8 ตุลาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น จับกุมได้บริเวณหน้าบ้าน ม.2 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายถูกบุคคลไม่ทราบว่า เป็นใครได้อ้างว่า เป็นเพื่อนของผู้เสียหายสมัยเด็กชื่อ จันทร์แรม ทักไลน์ส่วนตัวมา ขอยืมเงินชำระค่าสินค้าก่อน เพราะว่าธนาคารทำธุรกรรมไม่ได้ชั่วคราว จึงได้โอนเงินไปจำนวน 1 ครั้ง จำนวน 6,049.96 บาท โอนผ่านมือถือจากธนาคารกสิกรไทย ไปบัญชี ของ น.ส.นันทิชา ผู้ต้องหา และจะหลอกให้โอนเงินไปเพิ่มอีก ผู้แจ้งจึงได้โทรหาเพื่อนที่ชื่อจันทร์แรม ถึงทราบว่า เพื่อนไม่รู้เรื่อง จึงเชื่อว่าได้ถูกหลอกอย่างแน่นอน จึงเดินทางมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การว่า ก่อนหน้านี้ได้ให้เพื่อนยืมบัญชีธนาคารไปใช้ประมาณ 2 ปีก่อน ไม่ทราบว่าเพื่อนเอาไปทำอะไร จากนั้นได้นำส่งพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ฝากเตือนผู้ที่ให้ยืม หรือขาย บัญชีธนาคาร ซึ่งถูกนำไปใช้ทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการโอน รับโอน หรือชำระเงิน เป็นต้น ซึ่งการมีบัญชีม้าจะสามารถช่วยปิดบังตัวตนที่แท้จริงของผู้ดำเนินธุรกรรมได้ และขอเตือนว่า บัญชีม้ามีอัตราโทษหนัก ทั้งปรับและจำคุก หากรับเปิด “บัญชีม้า-ซิมม้า” ตามพระราชกำหนด มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ระบุว่า เจ้าของบัญชีม้า หรือเบอร์ม้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ที่มา : MgrOnline