เพชรบูรณ์ – ตำรวจรวบแล้ว..หนุ่มพม่า มือฆ่าโหดเพื่อนแรงงานรุ่นพี่เมาแล้วชอบพูดข่ม ชักมีดกระหน่ำแทง-ฟันคอจนหลอดลมแตก ก่อนใช้มีดเถือหลกหนังหน้า ทิ้งศพข้างทางก่อสร้างวิทยาลัยสงฆ์เพชรบูรณ์ แล้วหนีเข้าป่าก่อนออกมาขอน้ำกินจนชาวบ้านแจ้ง จนท.จับ

ความคืบหน้ากรณีพบศพ แรงงานชาวเมียนมา ที่มาทำงานก่อสร้างวิทยาลัยสงฆ์เพชรบูรณ์ นอนเสียชีวิตลักษณะสวมเสื้อแขนสั้นสีแดง กางเกงขาสั้นสีเขียว สวมรองเท้าแตะ กระเป๋าคาดเอวสีน้ำตาล คอคล้ายถูกของมีคมเชือด ผิวหนังใบหน้าถูกลอกออกหมดคล้ายถูกของมีคมเฉือนและถลกหนังออก ใบหูหายไป 1 ข้าง รวมทั้งมีร่องรอยไฟไหม้บริเวณปากอีกด้วย นอกจากนั้นยังพบมีปลายแหลมยาวประมาณ 20 ซม.ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ เมื่อ 18 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 6 ประสานกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดเพชรบูรณ์และชุดสืบสวน สภ.บ้านกลาง ลงพื้นที่และทราบว่าผู้ตายคือนายออง มิน ที อายุ 48 ปี แรงงานต่างชาติชาวเมียนมา พักอยู่ที่ 117 ถ.พระพุทธบาท อ.เมืองเพชรบูรณ์ ส่วนผู้ก่อเหตุคือนายลิน ลิน เอ อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นแรงงานต่างชาติชาวเมียนมาเช่นเดียวกัน ซึ่งได้หายตัวออกไปจากแคมป์คนงานหลังเกิดเหตุ

เช้าวันนี้(19 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบแรงงานชาวเมียนมามาขอน้ำและขอเสื้อผ้าเปลี่ยน จึงเข้าไปตรวจสอบและพบว่าเป็นนายลิน ลิน เอ จึงนำตัวมาสอบสวนที่ สภ.บ้านกลาง เบื้องต้นนายมิน มิน เอ ให้การรับสารภาพว่าก่อนเกิดเหตุนายออง มิน ที อายุ 48 ปี ซึ่งเป็นคนงานชาวเมียนมาเหมือนกันแต่อยู่แคมป์คนงานอีกบริษัทหนึ่ง มาทำงานก่อสร้างที่วิทยาลัยสงฆ์เช่นเดียวกัน ได้มากินเหล้าที่แคมป์คนงานของตนเองที่อยู่ห่างกันประมาณ 200 เมตร

กระทั่งเมาเกิดการโต้เถียงกันตามประสาคนเมา โดยนายออง มิน ที ชอบข่มว่าตัวเองเป็นรุ่นพี่ รุ่นน้องจะต้องให้ความเคารพ หลังจากกินเหล้าเสร็จตนได้เดินมาส่งนายออง มิน ที ที่แคมป์คนงาน แต่ระหว่างทางก็เกิดมีปากเสียงกันอีกจึงเกิดลงไม้ลงชกต่อยกัน นายออง มิน ที ชักมีดออกมาจะทำร้าย ตนจึงเข้าชกต่อยและแย่งมีดมาได้ จึงใช้มีดแทงเข้าไปที่ท้อง 4-5 ครั้ง ฟันเข้าที่ลำคอแต่มีดไม่คมจึงทำให้หลอดลมแตกจนเสียชีวิต หลังจากนั้นด้วยความเมาตนจึงฟันไปที่หน้าและใช้มีดเถือเอาหนังออก ก่อนหลบหนีเข้าไปในป่า และไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านจนกระทั่งถูกจับในที่สุด

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา จากนั้นนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อสอบสวนเพิ่มเติมและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ที่มา : MgrOnline