## สรุปประเด็นสำคัญจากคำพูดของ "แอม เสาวลักษณ์" * แอม เสาวลักษณ์ รู้สึกว่าการดำเนินชีวิตในปัจจุบันยากขึ้น * เธอรู้สึกกังวลกับการรับงานในอนาคต เพราะไม่รู้ว่าบริษัทจ้างเธอไปร้องเพลงเพื่อขายอะไร * เธอรู้สึกว่าการสืบเสาะข้อมูลเกี่ยวกับงานนั้นยาก * เธอเกรงว่าการรับงานอาจนำไปสู่การติดคุก * เธอแสดงความกังวลว่าในอนาคตจะไม่มีงานทำ
“แอม เสาวลักษณ์” บอกโลกอยู่ยาก ต่อไปนี้จะไปรับงานอะไรก็ลำบาก จะไปรู้ได้ไงว่าบริษัทจ้างเราไปร้องเพลงขายอะไร จะให้ไปสืบเสาะก็ยาก ต้องติดคุกเพราะไปงานนี้เหรอ ต่อไปก็ไม่ต้องทำมาหากินแล้ว  

กลายเป็นเรื่องใหญ่ของสังคมไปแล้ว กับกรณีของบริษัท ดิ ไอคอน ที่ลามไปทั่วทุกวงการ และมีผู้เสียหายเกิดขึ้นจำนวนมาก ล่าสุดทางฝั่งนักร้องสาวดีว่า “แอม เสาวลักษณ์ ลีละบุตร” ได้เปิดใจถึงประเด็นนี้ในงานแถลงข่าว Rajinian Concert : คอนเสิร์ตการกุศล 120 ปี โรงเรียนราชินี ณ อาคารสุนันทาลัย โรงเรียนราชินี ถ.มหาราช ยอมรับว่าทุกวันนี้โลกอยู่ยากจริงๆ ต่อไปจะไปรับงานก็ลำบาก จะไปรู้ได้ไงว่าบริษัทที่จ้างขายอะไร ต้องไปสืบเสาะกลัวติดคุก  

“โชคดีมากที่เป็นคนตกเลข ไม่เก่งเรื่องนี้เลย ก็คงไม่มีใครมาชวนทำอะไรแบบนั้น (หัวเราะ) ขนาดทุกวันนี้คนที่ทำประกัน หรือเจ้าหน้าที่แบงค์มาอธิบายให้เราฟังว่า เขาปรับบัญชีให้เราเป็นแบบนี้ๆ นะ เขาทำประกันให้เราเป็นแบบนี้ ทำตารางให้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ เรายังไม่เข้าใจเลย (หัวเราะ) เห็นตัวเลขแล้วเหมือนเห็นภาษาจีนล่องลอยไปหมด แอมไม่ถนัดเรื่องพวกนี้จริงๆ ขายของก็ไม่เป็น แถมเป็นพวก introvert ชอบอยู่แต่บ้าน ไม่ค่อยได้ไปเจอกับใคร ก็เลยโชคดีมั้ง"

บอกเศรษฐกิจโลก ทำให้อยู่ยากขึ้น
“เอาจริงๆ แอมว่าตอนนี้โลกเรามันอยู่ยากนะ มันเป็นทั้งโลก ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย เราไม่เคยคิดว่ามันจะมีโรคระบาดที่แพร่ไปทั่วโลกมันก็เกิดขึ้นได้ มีคนตกงานมากขึ้น เศรษฐกิจต่างๆ ก็ทำให้มีคนไร้บ้านเพิ่มขึ้นทั่วโลก แม้กระทั่งประเทศของคนที่ร่ำรวยเองก็ตาม มันอาจจะเป็นการบังคับเราหรือเปล่าที่ทำให้เราต้องคิดว่า เราต้องทำอะไรดีเพื่อมาเลี้ยงชีพ ก็เลยอาจจะเป็นโอกาสของคนที่มาหลอก หรือคนที่พูดเก่งๆ ไปทำไอ้นี่ ไอ้โน่น อย่างที่บอกว่าถ้าแอมเก่งเลข ถ้าไปฟังแล้วอาจจะโดนเขากล่อมได้เหมือนกัน แต่บังเอิญเป็นคนไม่เก่งเลข ไม่ชอบตัวเลขเลย ก็คงเป็นเรื่องที่ดีนะ”

กลัวแค่เรื่องโซเชียลเรื่องเดียว ที่เดี๋ยวนี้ลุกลามได้ง่าย ทำมาหากินกันลำบากแล้ว
“ถามว่าต้องระวังเรื่องการรับงานมากขึ้นมั้ย มันมีสิ่งหนึ่งที่แอมคิดว่ากลัว คือกลัวโซเชียลที่มันไปเยอะ เดี๋ยวนี้มันอาจจะมีการลุกลามง่าย แล้วมันก็ไปกระทบกับหลายๆ ส่วนของการทำงาน อย่างพวกแอมสมมติรีวิวสินค้าที่เคยๆ ทำกันมา ใครจะไปรู้ว่าสินค้าตัวไหนที่เรารีวิวไป คือเขามาจ้างเราโฆษณาเนอะ หรือจ้างไปร้องเพลงในงานที่เขาอาจจะฉลองอะไรของเขา เราก็ไม่รู้ ส่วนใหญ่ก็จะไปรู้หน้างาน เขาก็จะมีบรีฟสคริปให้เราว่า งานนี้เป็นของบริษัทอะไร ก็คงเคยได้ยินผ่านหูมาบ้างว่า งานฉลองให้คนนี้ทำยอดได้เท่านี้ๆ มีการแจกรางวัลกัน ก็ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยไปงานพวกนี้ แต่แอมก็มานั่งคิดว่าเราต้องมาติดคุกด้วยเรื่องพวกนี้ด้วยหรือเปล่า (หัวเราะ) แล้วจะรับงานยังไงล่ะ รับงาน 1 งานเราต้องไปสืบบริษัทเขาหรือเปล่า ก็ค่อนข้างหนักใจ"

"ก็อยากให้ใจเย็นๆ กันในเรื่องการแยกแยะ เพราะตอนนี้ทุกอาชีพก็ไม่รู้จะต้องทำงานกันยังไงแล้ว สมมติวันนึงฉันรับงานมา ฉันต้องไปร้องเพลงที่โรงแรมนี้ แต่บางทีเราเองก็ยังจำไม่ได้เลยว่าของบริษัทอะไร งานอะไรนะ แต่เขาจ้างเราไปร้องเพลง เราจะไปรู้ได้ยังไงว่ามันเป็นบริษัทขายอะไร (หัวเราะ) มันตรวจสอบลำบากเหมือนกันนะ ก็กลัวแค่เรื่องนี้เท่านั้นเอง ในเรื่องของโซเชียลที่มันควบคุมไม่ได้ แล้วมันก็ลามไปตรงนั้นตรงนี้ ต่อไปก็ไม่ต้องไปทำมาหากินอะไรกันแล้ว กลัวตรงนั้นมากกว่า”




ที่มา : MgrOnline