Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าบาทเปิดที่ 33.20 แกว่งตัวในกรอบ sideways 33.05-33.35

เผยแพร่ : 17 ต.ค. 2567 09:14:35
X
• ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (17 ต.ค. 67) อยู่ที่ระดับ 33.20 บาทต่อดอลลาร์
• อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ 33.18 บาทต่อดอลลาร์
• นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เป็นผู้ให้ข้อมูล

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (17 ต.ค.)ที่ระดับ 33.20 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 33.18 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.00-33.40 บาท/ดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงทยอยรับรู้ผลการประชุม ECB และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ) โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) โดยรวมเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (กรอบการเคลื่อนไหว 33.12-33.25 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้างตามการทยอยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเข้าใกล้จุดสูงสุดก่อนหน้าของราคาทองคำ (XAUUSD) อย่างไรก็ดี เงินบาทยังคงไม่สามารถแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องได้ชัดเจนและอ่อนค่าลงบ้างหลังเงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ตามการอ่อนค่าลงของบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินยูโร (EUR) และเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ตามการปรับตัวลดลงต่อเนื่องของตลาดหุ้นยุโรปและมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เพิ่มโอกาสการเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่องในปีนี้ ของทั้งธนาคารกลางยุโรป (ECB) รวมถึงธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการทยอยกลับมาเก็งกำไร Trump Trades ของผู้เล่นในตลาดอีกครั้ง หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มมองว่า โดนัลด์ ทรัมป์ มีโอกาสคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งสหรัฐฯ (Polymarket ให้โอกาสที่โดนัลด์ ทรัมป์จะชนะเกือบ 59%)

สำหรับวันนี้ ไฮไลต์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยเราประเมินว่า ECB อาจเดินหน้าลดดอกเบี้ยนโยบาย (Deposit Facility Rate) -25bps สู่ระดับ 3.25% ตามที่ผู้เล่นในตลาดและนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ดี เราจะจับตาว่า ECB จะมีการปรับมุมมองต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ รวมถึงคาดการณ์เศรษฐกิจอย่างไร รวมถึงจะมีการส่งสัญญาณต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมที่ชัดเจนหรือไม่ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของเงินยูโร (EUR) ในระยะสั้นได้พอสมควร

ส่วนทางฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) และยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) ในเดือนกันยายน พร้อมทั้งรอลุ้นรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) อย่างใกล้ชิด ซึ่งเราประเมินว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานมีโอกาสที่จะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องได้ตามผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนในช่วงที่ผ่านมา

และนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว เรามองว่าผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน รวมถึงรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก ทั้ง ECB และเฟด เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบาย ส่วนผู้เล่นในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ จะรอลุ้นรายงานยอดสต๊อกน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ

สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่าเงินบาทอาจยังคงแกว่งตัวในกรอบ sideways 33.05-33.35 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงก่อนตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม ECB และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ โดยโซนแนวรับอาจขยับลงมาบ้าง หลังเงินบาทได้ทยอยแข็งค่าขึ้นในช่วงคืนที่ผ่านมา

ในช่วงระหว่างวัน เรามองว่าเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นบ้าง หากราคาทองคำสามารถทยอยปรับตัวขึ้นเข้าใกล้จุดสูงสุดก่อนหน้าได้อีกครั้ง นอกจากนี้ การลดดอกเบี้ยแบบเซอร์ไพรส์ตลาดของ กนง. ในวันก่อนหน้า อาจเปิดโอกาสให้บรรดานักลงทุนต่างชาติทยอยเข้าซื้อสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติม โดยเฉพาะในส่วนของหุ้นไทย (วันก่อนหน้า นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยกว่า +4.2 พันล้านบาท) อย่างไรก็ดี การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทอาจถูกชะลอลงบ้างหากเงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าขึ้นหรืออย่างน้อยแกว่งตัว sideways ซึ่งเราประเมินว่า เงินดอลลาร์อาจยังไม่มีการเคลื่อนไหวที่ชัดเจน จนกว่าตลาดจะรับรู้ผลการประชุม ECB และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ

ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม ECB ในช่วงตั้งแต่ 19.15 น. ตามเวลาประเทศไทย รวมถึงการส่งสัญญาณของทาง ECB ต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงิน ซึ่งต้องติดตามการแถลงของประธาน ECB ในช่วง 19.45 น. โดยหาก ECB ลดดอกเบี้ยจริงตามคาด และส่งสัญญาณเดินหน้าลดดอกเบี้ยลงอาจกดดันให้เงินยูโร (EUR) อ่อนค่าลงได้บ้าง แต่อาจไม่มากนัก หลังผู้เล่นในตลาดได้ทยอยปรับมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยของ ECB และนอกเหนือจากผลการประชุม ECB ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่นกัน ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ช่วง 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย

ที่มา : MgrOnline