ม.หอการค้าไทยผนึกกำลังเอเอฟเอส ประเทศไทย ร่วมพัฒนาพลเมืองโลกสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน
เผยแพร่ : 24 ก.พ. 2568 12:18:58

เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และ ผศ. ดร.วัชรพจน์ ทรัพย์สงวนบุญ ผู้อำนวยการใหญ่มูลนิธิการศึกษาและวัฒนธรรมสัมพันธ์ไทย-นานาชาติ (เอเอฟเอส ประเทศไทย) โดยมีนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายกสภามหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานกรรมการมูลนิธิการศึกษาและวัฒนธรรมสัมพันธ์ไทย-นานาชาติ (เอเอฟเอส ประเทศไทย) ร่วมเป็นสักขีพยาน ในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ทางวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และเอเอฟเอส ประเทศไทย ว่าด้วยเรื่องการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้ในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนามาตรฐานความรู้และทักษะต่าง ๆ ทั้ง Soft Skills และ Technical Skills ให้กับนักเรียนแลกเปลี่ยนเอเอฟเอส ณ อาคาร 24 ชั้น 15 ห้องประชุมสภามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่การศึกษาในระดับอุดมศึกษาให้กับนักเรียนแลกเปลี่ยน เอเอฟเอสที่เดินทางกลับมายังประเทศไทยหลังสิ้นสุดการเข้าร่วมโครงการ รวมไปถึงการเทียบโอนหน่วยกิตให้กับนักเรียนแลกเปลี่ยนเอเอฟเอสที่สนใจศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ภายใต้โครงการ Harbour.Space @UTCC ซึ่งทางมหาวิทยาลัยหอการค้าและเอเอฟเอส ประเทศไทย ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมวิชาการทั้งในรูปแบบออนไลน์และออนไซต์ โดยประชาสัมพันธ์หลักสูตรของมหาวิทยาลัย และโครงการต่าง ๆ ของเอเอฟเอส ประเทศไทย ซึ่งมี รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และ ผศ. ดร.วัชรพจน์ ทรัพย์สงวนบุญ ผู้อำนวยการใหญ่มูลนิธิการศึกษาและวัฒนธรรมสัมพันธ์ไทย-นานาชาติ (เอเอฟเอส ประเทศไทย) ร่วมพิธีลงนามและนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายกสภามหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานกรรมการมูลนิธิการศึกษาและวัฒนธรรมสัมพันธ์ไทย-นานาชาติ (เอเอฟเอส ประเทศไทย) ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนาม
นายสนั่น อังอุบลกุล กล่าวว่า “การเชื่อมต่อระหว่างธุรกิจและการศึกษานั้น ในยุคปัจจุบันเป็นสิ่งที่จะต้องทำ โดยเฉพาะ Digital Transformation สำคัญมากในปัจจุบัน ซึ่ง Harbour.Space คือจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมไทย และพัฒนาพลเมืองโลกได้เช่นเดียวกัน “Think Big – Aim High Harbour.Space พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างแน่นอน”
ผศ. ดร.วัชรพจน์ ทรัพย์สงวนบุญ ผู้อำนวยการใหญ่ เอเอฟเอส ประเทศไทย กล่าวว่า “ในนามเอเอฟเอส ประเทศไทย รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการเข้าร่วมงานการตกลงทางวิชาการ ร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยมูลนิธิเอเอฟเอส ประเทศไทย เอเอฟเอส ประเทศไทย โดยมูลนิธิเล็งเห็นถึงความสำคัญของการวางแผนอนาคตให้แก่เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยน เพื่อให้สามารถศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาได้ตามความตั้งใจ ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยในครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่เยาวชนของเอเอฟเอส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน เทคโนโลยี นวัตกรรม และการบริหารธุรกิจ จาก Habour. Space @UTCC และทางสำนักงานใหญ่ ณ เมืองบาเซโลน่า ประเทศสเปน มูลนิธิเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของเยาวชนไทยให้เป็นเยาวชนโลก และเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างสององค์กรให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยบันทึกข้อตกลงความร่วมมือนี้มีระยะเวลา 3 ปี ภายใต้วัตถุประสงค์ที่สำคัญ ดังนี้
1. เพื่อเตรียมความพร้อมนักเรียนแลกเปลี่ยนเอเอฟเอสเข้าสู่การศึกษาในระดับอุดมศึกษา
2. เพื่อเทียบโอนหน่วยกิตให้กับนักเรียนแลกเปลี่ยนเอเอฟเอสที่สนใจศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาที่
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โครงการ Harbour.Space @UTCC
3. เพื่อให้ทางมหาวิทยาลัย และเอเอฟเอส ประเทศไทย ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมทางการวิชาการทั้งในรูปแบบออนไลน์และออนไซต์ โดยประชาสัมพันธ์หลักสูตรของมหาวิทยาลัย และโครงการต่างๆ ของเอเอฟเอส ประเทศไทย
รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า “เอเอฟเอส อยู่คู่ประเทศไทยมาอย่างยาวนาน โดยเจตนารมณ์ที่เอเอฟเอสทำและการทำงานอย่างต่อเนื่องนั้น สอดคล้องกับแนวทางของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งเป็นการพัฒนาพลเมืองไทย และพลเมืองโลก โดยแนวทางของ start-up university จาก Harbour.Space โดยมีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละธุรกิจ จากต่างประเทศ ที่เข้ามาสอนหลักสูตรที่พัฒนานักศึกษา ในแนวทางที่ใช้กลยุทธ์การปรับตัวกับโลกปัจจุบัน และเกิดผลสำฤทธิ์กับแนวทางของการพัฒนาแวดวงการเรียนการสอน และนักศึกษามีพื้นที่ในการแสดงศักยภาพ รวมถึงการเปิดพื้นที่ให้กับชาวต่างชาติเรียนรู้การศึกษาในประเทศไทย โครงการนี้ทางมหาวิทยาลัยมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งจากการสนับสนุนและความตกลงร่วมมือกันซึ่งเป็นกำลังสำคัญจากเอเอฟเอส ประเทศไทย”



ที่มา : MgrOnline