เปิดแล้ว! "บ้านเขียว" อาคารเก่าแก่ 120 ปี เรียนรู้การป่าไม้แห่งใหม่ จ.แพร่

เผยแพร่ : 22 ก.พ. 2568 12:36:25
X
• บ้านเขียว เป็นอาคารประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญทางด้านมรดก
• มีการมอบโล่เชิดชูเกียรติ 6 หน่วยงานที่ร่วมอนุรักษ์มรดก ล้านนา
ขอบคุณภาพ : กรมป่าไม้
กระทรวงทรัพย์ฯ เปิด 'บ้านเขียว' อาคารประวัติศาสตร์อายุ 120 ปี ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้แห่งใหม่ จ.แพร่ พร้อมมอบโล่เชิดชู 6 หน่วยงานผู้ร่วมอนุรักษ์มรดกล้านนา

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม​
(รมว.ทส.) เป็นประธานในพิธีเปิด "บ้านเขียว" หรือ อาคารศูนย์เรียนรู้การป่าไม้แห่งใหม่ ณ สวนรุกขชาติเชตวัน จังหวัดแพร่ ภายใต้ชื่องาน "ฟื้นบ้านเขียว สู่อ้อมกอดชาวแพร่" ท่ามกลางบรรยากาศและการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากชาวแพร่ โดยมีนายคุณากร คชหิรัญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ กล่าวต้อนรับ และนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวรายงาน พร้อมกันนี้มีนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม​ ​นายนรินทร์​ ประทวนชัย​ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ​ นายกรัณย์พล แสงทอง ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) นายสมบัติ​ พิมพ์ประสิทธิ์​ ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานกลาง​ คณะผู้บริหารในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าหน่วยงานราชการ และประชาชนเข้าร่วมงานจำนวนมาก
ขอบคุณภาพ : กรมป่าไม้
ภายในงานมีการจัดกิจกรรมตลอดทั้งวันตั้งแต่ 13.00-20.00 น. เริ่มต้นด้วยกิจกรรมสำรวจธรรมชาติและเรียนรู้ประวัติศาสตร์การป่าไม้ไทย นำโดยทีมงานครูป่าไม้ผู้เชี่ยวชาญจากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) พาผู้เข้าร่วมงานสำรวจพรรณไม้หายากและเรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์การป่าไม้ในพื้นที่ล้านนา สอดแทรกด้วยการแสดงดนตรีในสวนที่สร้างสีสันตลอดงาน จากวงพรรณเพลงและวงชราแบน พร้อมด้วยกิจกรรม "กาดฮิมยม" ตลาดนัดวินเทจริมน้ำยมที่รวบรวมงานศิลปะ หัตถกรรม และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น นอกจากนี้ในช่วงพิธีเปิดยังได้มีการมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่ 6 หน่วยงานที่ร่วมสนับสนุนการปฏิสังขรณ์บ้านเขียว ได้แก่ กรมศิลปากร สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ เทศบาลเมืองแพร่ เทศบาลตำบลป่าแมต องค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ และสมาคมรักษ์เมืองเก่าแพร่ สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วนในการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของจังหวัดแพร่
ขอบคุณภาพ : กรมป่าไม้
ดร.เฉลิมชัย รมว.ทส. กล่าวว่า "บ้านเขียวไม่เพียงเป็นอาคารประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นประจักษ์พยานของยุคทองการป่าไม้ในล้านนา การบูรณะครั้งนี้จึงมุ่งเน้นการรักษาคุณค่าทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมดั้งเดิม ควบคู่ไปกับการพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ทันสมัย เพื่อถ่ายทอดความรู้และสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้แก่คนรุ่นหลัง"
ขอบคุณภาพ : กรมป่าไม้
สำหรับบ้านเขียวเป็นอาคารประวัติศาสตร์อายุกว่า 120 ปี สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2444 สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นที่ทำการป่าไม้ภาคแพร่ กรมป่าไม้สยาม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำยม ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ มีสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล (Colonial) กับภูมิปัญญาท้องถิ่น ปรับให้เข้ากับสภาพอากาศร้อนชื้นของเมืองไทย อาคารนี้ผ่านการพัฒนามาแล้ว 5 ยุคสมัย ก่อนจะถูกรื้อถอนในปี 2563 นับเป็นหนึ่งในอาคารที่ทำการป่าไม้ยุคแรกที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในภูมิภาคล้านนา การบูรณะอาคารใช้เวลากว่า 2 ปี ดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญจากกรมศิลปากรและสมาคมสถาปนิกสยามฯ ใช้กระบวนการอนุรักษ์ที่พิถีพิถันเริ่มต้นด้วยการเก็บข้อมูลและร่องรอยของซากอาคารเดิมอย่างละเอียด รวบรวมไม้เก่าทุกชิ้นมาบันทึกข้อมูลและตำแหน่งที่พบ พร้อมทั้งสันนิษฐานว่าเป็นส่วนประกอบใดของอาคาร มีการทำหมายเลขกำกับและจัดทำแบบแปลนตามข้อสันนิษฐาน
ขอบคุณภาพ : กรมป่าไม้
นอกจากนี้ยังได้รวบรวมภาพถ่ายเก่าจากแหล่งต่างๆ มาวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลที่ได้จากการขุดค้น จุดเด่นของการบูรณะคือการนำไม้เดิมทุกชิ้นกลับมาประกอบในตำแหน่งเดิม ส่วนที่เสียหายได้คัดสรรไม้ชนิดเดียวกันมาทดแทน โดยเน้นการรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมของอาคารไว้มากที่สุด การบูรณะเสร็จสิ้นในเดือนกรกฎาคม 2567 และได้จัดให้มีเวทีประชาคมรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนเพื่อร่วมกำหนดแนวทางการพัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้ สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในการรักษามรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าและการมีส่วนกับชุมชนท้องถิ่น ทั้งนี้ ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้แห่งนี้จะเปิดให้ประชาชนเข้าชมอย่างเป็นทางการในวันที่22 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป โดยจะเป็นทั้งแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์การป่าไม้ พิพิธภัณฑ์มีชีวิตด้านสถาปัตยกรรมและสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแห่งใหม่ของจังหวัดแพร่ ที่จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ [email protected] หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline

ที่มา : MgrOnline