สื่อนอกรายงาน รบ.ไทยโร่ปฎิเสธข่าวไม่มียิวกว่า 30,000 เข้ามาอยู่ใน "ปาย" พบมีบางส่วนหนี "สงครามกาซา" เพื่อแสวงหาบ้านใหม่ที่ปลอดภัย

เผยแพร่ : 21 ก.พ. 2568 15:57:38
X
• ทางการไทยปฏิเสธข่าวลือดังกล่าว
• ข่าวลืออ้างถึง "พันธสัญญาใหม่" ในปาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความตระหนก
• มีการรายงานความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านและชาวต่างชาติในปาย แต่รายละเอียดและความรุนแรงยังไม่ชัดเจน
• เหตุผลที่ชาวยิวอพยพไปยังปาย ยังไม่ชัดเจนและต้องการข้อมูลเพิ่มเติม

เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – ทางการไทยโรปฎิเสธเสียงหลงหลังข่าวลือไฟลามทุ่งทางออนไลน์อ้างว่า เมืองปายแห่งแม่ฮ่องสอนกลายเป็นดินแดนแห่งพันธสัญญาใหม่มีชาวอิสราเอลกว่า 30,000 คนอาศัย ท่ามกลางวิกฤตตรึงเครียดระหว่างคนในท้องถิ่นและชาวต่างชาติ พบหนึ่งในเหตุผลชาวยิวย้ายมาอยู่ไทยเพราะ "หนีสงครามกาซา" เปิดแผนที่ประเทศไทยที่ไหนบ้างต่างชาติหลายประเทศมายึดเรียบร้อยแล้ว

CNA ของสิงคโปร์รายงานวานนี้(20 ก.พ)ว่า ไทยกลายเป็นดินแดนพันธสัญญาแห่งใหม่ของชาวยิวไปแล้วหลังเพิ่งผ่านมาไม่ถึง 2 เดือนแต่กลับมีข่าวออกมาว่ามีพลเมืองอิสราเอลไม่ต่ำกว่า 30,000 คนเข้ามาอาศัยที่เมืองแห่งขุนเขา ปาย จ.แม่ฮ่องสอน

ส่งผลทำให้นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ต้องออกมาตอบคำถามด้วยตัวเองในวันอังคาร(18)ว่า “พวกเราได้ตรวจสอบยืนยันแล้วว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง” ตามการรายงานของหนังสือพิมพ์ไทยภาคภาษาอังกฤษ เมื่อโดนตั้งคำถามว่าปายกลายเป็นดินแดนแห่งพันธสัญญาของชาวอิสราเอลไปแล้วหรือไม่

และได้กล่าวต่อว่า “สัปดาห์หน้า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมหาดไทย อนุทิน ชาญวีรกูล จะเดินทางเข้าไปที่พื้นที่เพื่อจะได้รู้ในภาพรวมของสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปาย”

CNA รายงานว่า ตำรวจไทยได้ขีดเส้นตาย 7 วันสำหรับเจ้าหน้าที่เพื่อสอบสวนชาวต่างชาติที่อาศัยในเมืองปายในการกระทำผิดต่างๆและก่อความไม่สงบในที่สาธารณะ ท่ามกลางการร้องเรียนเพิ่มต่อการอาศัยของชาวยิวอยู่ที่นั่น

ปายอยู่ไม่ห่างจากตัวอำเภอเมืองของจ.เชียงใหม่แค่ 3 ช.มหากขับรถไปทำให้มีความสะดวกสบายเพิ่มมากขึ้นต่อชาวต่างชาติเหล่านี้ในการเดินทางจากการที่จ.เชียงใหม่นั้นจะมีความทันสมัยมากกว่าหากจำเป็นต้องการสิ่งใด

เมื่อต้นของวันอังคาร(18) ตำรวจท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอนออกมาปฎิเสธข่าวลือทางโซเชียลมีเดียที่อ้างว่า มีนักท่องเที่ยวมาตั้งถิ่นฐานในฐานะดินแดนแห่งพันธสัญญาในปาย

โพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ไปทั่วและแชร์กันบนเฟซบุ๊ก อ้างอิงจากสื่อต่างๆ ทั้งนี้สื่อไทยภาคภาษาอังกฤษได้รายงานว่า มีชาวยิวร่วม 30,000 คน เข้ามาตั้งถิ่นฐานที่อำเภอปายและได้ตั้งโบสถ์ยิว ชาบัด เฮาส์ (Chabad House) ขึ้นมา

โดยสารวัตรตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ต.ท.สุวิทย์ บุญยะเพ็ญ ออกมาชี้แจงว่า รายงานตัวเลข 30,000 คนนั้นหมายถึงตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวยิวตลอดทั้งปี ไม่ใช่การพำนักอาศัยถาวร

และจากตัวเลขสถิติปี 2024 เมืองปายมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไป 221,776 คน โดยในจำนวนทั้งหมดมีนักท่องเที่ยวชาวยิวเข้ามาเป็นอันดับ 2 อยู่ที่ 31,735 คน

ในรายงานยังอ้างว่า ตัวเลขที่แท้จริงอาจต่ำกว่าเนื่องมาจากปัญหาข้อมูลซ้ำซ้อนจากการที่นักท่องเที่ยวย้ายไปมาระหว่างรีสอร์ทที่พักส่งผลทำให้ตัวเลขชาวยิวในปายราว 2,000 คน -3,000 คนต่อปี

ผู้กำกับตำรวจท่องเที่ยวปายยืนยันว่า โบสต์ยิวชาบัดมีอยู่จริง แต่ชี้ว่าถูกตั้งขึ้นเพื่อให้การดูแลนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล ไม่ได้เป็นสัญญาณของการตั้งถิ่นฐานถาวรของชาวยิวแต่อย่างใด

พร้อมกันนี้ยังชี้ไปว่า โบสถ์ยิวชาบัดนั้นมีถึง 6 แห่งในไทยได้แก่ จ.เชียงใหม่ จ.ภูเก็ต เกาะสมุย พัทยา เกาะพะงัน และที่กรุงเทพฯ

ผบก.ภ.จว.แม่ฮ่องสอน พล.ต.ต.ทรงกริช ออนตะไคร้ ออกมาแสดงความเห็นสนับสนุนหัวหน้าตำรวจท่องเที่ยวของตัวเองอีกเสียงโดยยืนยันว่า โบสถ์ยิวชาบัดที่ว่านี้ไม่ได้ถูกใช้เพื่อการกระทำผิดกฎหมายทางยาเสพติดหรือปาร์ตี้ผิดกฎหมาย

อย่างไรก็ตามอาจจะดูเป็นความขัดแย้งของคนในพื้นที่เพราะเป็นที่ประจักษ์ว่าโบสถ์ยิวชาบัดนี้มีหลายสาขาทั่วประเทศและการที่เข้ามาท่องเที่ยวระยะสั้นไม่จำเป็นต้องมีโบสถ์มาตั้ง

สื่อ Haaretz ของอิสราเอลเคยรายงานเมื่อวันที่ 10 มิ.ย ปีที่แล้ว ว่ามีชาวอิสราเอลหนีสงครามการสู้รบนับตั้งแต่สงครามกาซาเริ่มเปิดฉากเข้ามาอาศัยในไทยเพื่อเป็นบ้านหลังใหม่ โดยในรายงานได้เปิดเผยว่า "แดเนียล" (Daniel) ซึ่งไม่ใช่ชื่อจริงหนึ่งในชาวยิวที่เข้ามาอาศัยอยู่ที่บ้านใหม่บนเกาะพะงัน เปิดเผยว่า เขาไม่รู้สึกผิดในเชิงศีลธรรมที่ไม่สู้เพื่ออิสราเอล เขากล่าวว่า “ผมสามารถรู้สึกหายใจโล่งได้ที่นี่”

เขาให้สัมภาษณ์ Haaretz ในระหว่างบินกลับไปที่อิสราเอล โดยเขาอยู่ที่อิสราเอลเป็นเวลา 10 วันเพื่อจัดการสะสางพยามขายสมบัติเก่าของตัวเอง สื่อยิวรายงานว่า แม้กระทั่งระหว่างการให้สัมภาษณ์ที่บ้านพ่อแม่ของเขาในซีคิม (Zikim) ชุมชนทางใต้ของอิสราเอลติดพรมแดนกาซา  

แดเนียลถือโทรศัพท์มือถือพยายามจะขายตู้เย็นใช้แล้วของตัวเองให้กับอดีตเพื่อนร่วมงาน

CNA สื่อสิงคโปร์รายงานต่อว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจอาวุโสของไทยระดับชั้นนายพันตำรวจเปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ฮ่องกง เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ว่า “การร้องเรียนทั้งหลายระบุว่า คนเหล่านั้นเมาและอาละวาด..พวกเขาขโมย”

“(พวกเขาพูดว่า) คนเหล่านั้นมาเป็นกลุ่มใหญ่แต่กลับใช้เงินไม่มากแต่ต่อรองเยอะ ธุรกิจท้องถิ่นต่างได้รับผลกระทบเป็นส่วนใหญ่เพราะเมื่อใดก็ตามที่คนกลุ่มนี้มา นักท่องเที่ยวคนอื่นๆหนีไปที่อื่นแทน”

ซึ่งมาจนถึงกุมภาพันธ์ของปีนี้พบว่ามีชาวอิสราเอล 13 คนที่ถูกดำเนินคดีและเนรเทศออกไปจากความผิดตั้งแต่เป็นขโมยลักทรัพย์ไปจนถึงก่อกวนความไม่สงบในที่สาธารณะ

อ้างอิงจากสื่อไทยในการรายงานเมื่อไม่นานมานี้ว่า มีการรวบรวมสถิติชาวต่างชาติเข้ามาปักหลักอาศัยตามพื้นที่ต่างๆของไทยอย่างที่คนไทยนึกไม่ถึงเป็นต้นว่า กรุงเทพฯ เขตหัวขวาง - จีน เขตนานา -อาหรับหรือแขกขาว บางรัก- คนผิวสีแอฟริกัน บางแค-พม่าและถึงขั้นเปิดตลาดเมียนมาสำหรับตัวเอง ขณะที่พื้นที่อื่นๆของไทยเป็นต้นว่า พัทยา-อินเดีย จันทบุรี-คนผิวสีจาก กานา โซมาเลีย ภูเก็ต-รัสเซีย ส่วนพังงา- กลุ่มผิวขาวจากสแกนดิเนเวีย สวีเดน นอร์เวย์ เดนมาร์ก และฟินแลนด์ เชียงใหม่-จีน ปาย แม่ฮ่องสอน - อิสราเอล

ที่มา : MgrOnline