ทอท.จ่อประมูล "บริการภาคพื้น-คลังสินค้า" รายที่ 3 สุวรรณภูมิ ขายซอง มี.ค.นี้ ร่วมลงทุน 6.7 หมื่นล้านบาท

เผยแพร่ : 21 ก.พ. 2568 10:22:40
X
• มูลค่าโครงการกว่า 67,000 ล้านบาท ระยะเวลาสัมปทาน 25 ปี
• คาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ในเดือนกันยายน เพื่อรองรับฤดูกาลท่องเที่ยวสูงสุด

ทอท.เตรียมประกาศ TOR มี.ค.นี้ ประมูล PPP "บริการลานจอด-อุปกรณ์ภาคพื้น-คลังสินค้า รายที่ 3" สนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่ารวมกว่า 6.7 หมื่นล้านบาท สัมปทาน 25 ปี คาดเซ็นสัญญา ก.ย.พร้อมรับไฮซีซัน และจ่อชง ครม.เปิดร่วมทุนบริการคลังสินค้า รายที่ 2 ทดแทนรายเดิมที่สัญญาจะหมดปี 69

นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อํานวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) (AOT) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ขณะนี้ ทอท.อยู่ระหว่างจัดทำร่างทีโออาร์ในการคัดเลือกผู้ประกอบการโครงการให้บริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้น การให้บริการผู้โดยสารภาคพื้นและกิจการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง รายที่ 3 และโครงการให้บริการคลังสินค้า (คาร์โก้) รายที่ 3 ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยคณะกรรมการจัดทำร่างทีโออาร์ ตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ปี พ.ศ. 2562 ประชุมนัดสุดท้ายเมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2568 คาดว่าจะประกาศ TOR เชิญชวนได้ในปลายเดือน ก.พ.หรือไม่เกินต้นเดือน มี.ค.นี้ โดยกำหนดเวลาให้เตรียมเอกสารและยื่นข้อเสนอ ประมาณ 2 เดือน ใช้เวลาพิจารณาข้อเสนอ 1 เดือน และเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบประมาณ 2 เดือน คาดว่าจะได้ตัวผู้ชนะในเดือน ส.ค. 2568 และลงนามสัญญา ก.ย. 2568

โดยเป้าหมายต้องการให้ผู้ประกอบการเข้ามาทำงานให้บริการได้ในช่วงเดือน ต.ค. 2568 เพื่อรองรับเที่ยวบินและผู้โดยสารในช่วงตารางบินฤดูหนาวและเป็นช่วงไฮซีซัน โดยขณะนี้การดำเนินงานยังเป็นไปตามแผนงาน

นายกีรติกล่าวว่า TOR ทั้ง 2 โครงการนี้เปิดกว้าง คาดว่าจะมีผู้ยื่นข้อเสนอมากกว่า 1 ส่วน บริษัทบริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย จำกัด (บพท.) หรือ AOTGA ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ ทอท.นั้นจะเข้าร่วมยื่นประมูลแน่นอน ในเรื่องประสบการณ์และคุณสมบัติไม่มีปัญหา

ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 7 มี.ค. 2566 มีมติเห็นชอบโครงการให้บริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้นฯ รายที่ 3 เป็นรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชนจะใช้รูปแบบ PPP Net Cost วงเงินลงทุน 29,390.76 ล้านบาท แยกเป็นค่าลงทุนในสิ่งปลูกสร้าง เครื่องจักรอุปกรณ์ 1,608.76 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและบำรุงรักษา 27,782.01 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 25 ปี มีขอบเขตการดำเนินงาน ในกลุ่มบริการหลักของผู้ให้บริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้น เช่น บริการอุปกรณ์สนับสนุนอากาศยาน การขนถ่ายเคลื่อนย้ายกระเป๋า สัมภาระ สินค้าและไปรษณียภัณฑ์ ขนถ่ายและเคลื่อนย้ายผู้โดยสารและลูกเรือ และกลุ่มบริการอื่นๆ

ปัจจุบัน ทอท.ได้ให้สิทธิการประกอบกิจการในส่วนของบริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้นฯ แก่ผู้ประกอบการ 2 ราย ได้แก่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) อายุสัญญาสิ้นสุดสัญญาปี 2583 และบริษัท กรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟล์ท เซอร์วิส จำกัด อายุสัญญาสิ้นสุดสัญญาปี 2569

ส่วนโครงการให้บริการคลังสินค้า (คาร์โก้) รายที่ 3 มูลค่า 37,914.56 ล้านบาท แยกเป็น ค่าลงทุนในสิ่งปลูกสร้างอุปกรณ์และระบบ รวม 1,318.38 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและบำรุงรักษา 36,596.18 ล้านบาทระยะเวลาดำเนินโครงการ 25 ปี ขอบเขตการดำเนินงานครอบคลุมทั้งคลังสินค้าขาเข้า คลังสินค้าขาออก คลังสินค้าถ่ายลำ สินค้าเน่าเสียง่าย สินค้าเร่งด่วนและสินค้าอีคอมเมิร์ซ

@ชง ครม.ประมูลบริการคลังสินค้า รายที่ 2 ทดแทนรายเดิมที่หมดสัญญาปี 69

นอกจากนี้ ทอท.ยังเตรียมประมูลจัดหาผู้ประกอบการ โครงการให้บริการคลังสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของผู้ประกอบการรายที่ 2 รูปแบบ PPP Net Cost มูลค่าของโครงการรวม 15,253 ล้านบาท เป็นโครงการที่มีการดำเนินการอยู่เดิม โดยบริษัท ดับบลิวเอฟเอสพีจีคาร์โก้ จำกัด ซึ่งอายุสัญญาจะสิ้นสุด ปี 2569 ทอท.จึงต้องเตรียมความพร้อม โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเสนอ ครม.ขออนุมัติ เพื่อดำเนินการเปิดประมูลตาม พ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ

“ปัจจุบันหลายโครงการที่มีสัญญาการให้บริการที่ดำเนินการมาตั้งแต่เปิดสนามบินสุวรรณภูมิจะทยอยครบอายุ ดังนั้น จะเป็นวงรอบที่จะต้องเปิดประมูลใหม่ ซึ่งเอกชนที่ได้รับคัดเลือกจะต้องเข้ามาปรับปรุงทรัพย์สิน รวมถึงจัดหาเครื่องจักรอุปกรณ์ที่มีความทันสมัย เพื่อให้การบริการมีประสิทธิภาพ” นายกีรติกล่าว

ที่มา : MgrOnline