ขอโทษทรัมป์ทันไหม! เซเลนสกีอ้อนขอกระชับสัมพันธ์ US หลังเจรจายูเครน-สหรัฐฯ จบไม่สวยไร้แถลงร่วม

เผยแพร่ : 21 ก.พ. 2568 07:44:37
X
• การพบปะระหว่างเซเลนสกีกับทูตพิเศษสหรัฐฯ เคลล็อกไม่มีถ้อยแถลงร่วม
• ขาดถ้อยแถลงร่วมบ่งชี้ถึงความแตกต่างหรือความไม่ลงรอยกันในประเด็นสำคัญบางประการระหว่างสองประเทศ (แม้ว่ารายละเอียดไม่ปรากฏในเนื้อหาที่ให้มา)

โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนในวันพฤหัสบดี (20 ก.พ.) เรียกร้องขอกระชับความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งกับวอชิงตัน ในขณะที่การพบปะกันระหว่างเขากับคีธ เคลล็อก ทูตพิเศษของสหรัฐฯ จบลงด้วยการไม่มีถ้อยแถลงร่วมตามปกติแต่อย่างใด ท่ามกลางสงครามน้ำลายระหว่างผู้นำทั้ง 2 ชาติในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

ความตึงเครียดระหว่าง เซเลนสกี กับ ทรัมป์ โหมกระพือขึ้นในสัปดาห์นี้ จากกรณีที่ผู้นำสหรัฐฯ เลียบๆ เคียงๆ เข้าหารัสเซีย ทั้ง 2 ฝ่ายเปิดศึกวิวาทะหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งระหว่างการแถงข่าวและบนสื่อสังคมออนไลน์

สหรัฐฯ คือผู้สนับสนุนทั้งทางการเงินและการทหารรายสำคัญที่สุดของยูเครน แต่ประธานาธิบดีอเมริกาก่อความหวาดวิตกแก่เคียฟและเหล่าผู้สนับสนุนยุโรป ด้วยการเปิดเจรจากับรัสเซีย โหมกระพือความกังวลสงครามอาจจบลง บนเงื่อนไขตกรางวัลให้ประธานาธิบดีปูติน

ศึกวิวาทะกลายเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างทรัมป์กับเซเลนสกี หลังผู้นำสหรัฐฯ กล่าวอ้างว่าประธานาธิบดียูเครนไม่เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ประชาชนของตนเอง กระตุ้นให้ เซเลนสกี ออกมาตอบโต้ ระบุ ทรัมป์ ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลข้อมูลบิดเบือนของรัสเซีย

ท่ามกลางสงครามน้ำลาย เซเลนสกีกล่าวอ้างในวันพฤหัสบดี (20 ก.พ.) ว่าเขามีการพูดคุยอย่างสร้างสรรค์กับ เคลล็อก "เรามีการสนทนาที่ลงรายละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์ในสนามรบ แนวทางนำตัวเชลยศึกสงครามของเรากลับมา และการรับประกันความมั่นคงอย่างมีประสิทธิภาพ" ผู้นำยูเครนโพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์หลังการประชุม "ความสัมพันธ์อันเข้มแข็งระหว่างยูเครน-รัสเซีย เป็นประโยชน์กับทั่วโลก"

อย่างไรก็ตาม ไม่มีการแถลงร่วมกันหรือถ้อยแถลงร่วมใดๆ หลังการหารือ ทั้งที่มันเป็นสิ่งที่คาดหมายกันโดยทั่วไป สำหรับการเดินทางมาเยือนของทูตต่างชาติรายหนึ่งๆ

ยิ่งไปกว่านั้นในขณะเดียวกันในสหรัฐฯ สมาชิกบางส่วนในคณะทำงานของทรัมป์ ยังคงเดินหน้าโจมตี เซเลนสกี อย่างไม่ลดละ ในนั้นรวมถึง อีลอน มัสก์ ที่โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ระบุ เซเลนสกี กำลังเป็นที่รังเกียจของประชาชนชาวยูเครน

ไมค์ วอล์ทซ์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ ระบุเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของเคียฟที่มีต่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ "เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้" และเรียกร้อง เซเลนสกี ให้ลงนามในข้อตกลงเปิดทางให้อเมริกาเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติและแร่ธาตุสำคัญของยูเครน

ทรัมป์ เรียกร้องเคียฟ ไฟเขียวให้สหรัฐฯ เข้าถึงความมั่งคั่งทางทรัพยากรแร่ธาตุ ชดใช้เงินช่วยเหลือหลายแสนล้านดอลลาร์ที่อเมริกามอบแก่ยูเครน ในสมัยของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน อย่างไรก็ตาม เซเลนสกี ปฏิเสธข้อเสนอนี้ เนื่องจากมันไม่รวมถึงการรับประกันความมั่นคง ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องหลักของยูเครน ที่เรียกร้องจากบรรดาผู้สนับสนุนตะวันตก ในข้อตกลงใดๆ ที่จะทำกับรัสเซีย สำหรับยุติการสู้รบ

ความเห็นต่างๆ ของรัฐบาลทรัมป์ ถือเป็นการกลับลำนโยบายโดยสิ้นเชิงจากรัฐบาลยุคของไบเดน ซึ่งเชิดชู เซเลนสกี ในฐานะวีรบุรุษ ป้อนอาวุธสนับสนุนเคียฟในปริมาณมหาศาล และลงโทษมอสโกด้วยมาตรการคว่ำบาตร

ในส่วนของทรัมป์ หันมาวิพากษ์วิจารณ์เซเลนสกี และกล่าวโทษเขาว่าเป็นคนจุดชนวนสงคราม ซึ่งเริ่มขึ้นจากการที่รัสเซียเปิดฉากรุกรานเต็มรูปแบบเมื่อเกือบ 3 ปีก่อน "เผด็จการเซเลนสกี ที่ไม่มีการเลือกตั้ง ควรออกไปแบบด่วนจี๋เลย หรือไม่เช่นนั้นเขาจะไม่มีประเทศเหลืออยู่" ทรัมป์ เขียนบนทรัตช์ โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง เมื่อวันพุธ (19 ก.พ.)

เซเลนสกี ชนะเลือกตั้งในปี 2019 สำหรับดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีที่มีวาระ 5 ปี อย่างไรก็ตามปัจจุบันเขายังนั่งเก้าอี้ตัวนี้อยู่ภายใต้กฎอัยการศึก ที่เขาประกาศออกมา ในขณะที่ประเทศของเขากำลังสู้รบเพื่อความอยู่รอด

คำพูดดุเดือดของทรัมป์ เรียกปฏิกิริยาตอบสนองอันสุดช็อกจากยุโรป ในนั้นรวมถึง โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ที่บอกว่ามันเป็นเรื่อง "ไม่ถูกต้องและเป็นอันตราย" ที่เรียก เซเลนสกี ว่าเป็น "เผด็จการ" สวนทางกับรัสเซีย ที่แสดงออกถึงความเริงร่าต่อการปรับท่าทีใหม่ของวอชิงตัน ยกย่องความเห็นของทรัมป์

ปูติน ระบุในวันพุธ (19 ก.พ.) ว่าบรรดาพันธมิตรของสหรัฐฯ ต้องโทษตนเองกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยชี้ว่า "พวกเขาต้องชดใช้ราคาแพง ต่อกรณีที่คัดค้านทรัมป์กลับสู่ทำเนียบขาว"

ทั้งเคียฟและยุโรป ไม่ได้รับเชิญเข้าร่วมเจรจาระดับสูงระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ ในซาอุดีอาระเบีย เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ โหมกระพือความกังวลมากยิ่งขึ้นว่าพวกเขาอาจถูกกีดกันอยู่วงนอก

(ที่มา : เอเอฟพี)

ที่มา : MgrOnline