สธ.จ่อชง ครม.รับมือสหรัฐฯ ตัดงบผู้ลี้ภัย จัดงบทบทวนระเบียบการแพทย์ ดึงต่างด้าว 9 หมื่นนอกระบบ จ่ายประกันสุขภาพเอง
เผยแพร่ : 20 ก.พ. 2568 18:47:10
• จะเสนอจัดงบประมาณทบทวนระเบียบการดูแลสุขภาพผู้ลี้ภัย
• จะรองรับผู้ลี้ภัยนอกระบบประกันสังคม โดยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง
• คาดมีผู้ลี้ภัยเข้าระบบไม่ต่ำกว่า 90,000 ราย
• สธ. จะได้รับอำนาจในการบริหารจัดการด้านสาธารณสุขสำหรับผู้ลี้ภัย

สธ.จ่อชง ครม.รับมือสหรัฐฯ ตัดงบช่วยผู้ลี้ภัยชายแดนไทย-เมียนมา ชงจัดงบทบทวนระเบียบรองรับทางการแพทย์/สาธารณสุข แก่ต่างด้าวนอกระบบประกันสังคม “รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง” คาด มีผู้ลี้ภัยเข้าสู่ระบบไม่น้อยกว่า 90,000 ราย ยกอำนาจให้ “สธ.” ดำเนินตามกฎระเบียบ ข้อกําหนด หรือข้อบังคับ “รมว.สาธารณสุข” เป็นผู้กําหนดกลุ่มเป้าหมาย เน้นผู้อพยพจากชายแดนตามหลักสิทธิมนุษยชน
วันนี้ (20 ก.พ.) มีรายงานจากกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงกรณีรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ หยุดสนับสนุนงบประมาณโครงการด้านการดูแลสุขภาพและการคุ้มครองในพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ ชายแดนไทย-เมียนมา
ผ่านองค์กร International Rescue Committee (IRC) เป็นระยะเวลา 3 เดือนเพื่อทบทวนนโยบายต่างประเทศ จนทำให้เกิดผลกระทบต่อค่ายผู้ลี้ภัย
ล่าสุด พบว่า ในเร็วๆ นี้ กระทรวงสาธารณสุข เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อรองรับการให้การดูแลทางการแพทย์และสาธารณสุขแก่บุคคลที่ไม่ใช่สัญชาติไทยและไม่ได้อยู่ ระบบหลักประกันสุขภาพไทย
โดยเฉพาะการให้การดูแลทางการแพทย์และสาธารณสุขแก่คนต่างด้าว ที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพคนต่างด้าว ปี 2562
มติ ครม.เมื่อ 2556 มีมติให้กระทรวงสาธารณสุข เป็นหน่วยงานหลักในการที่ให้การดูแลทางด้านการแพทย์ และสาธารณสุขแก่คนต่างด้าวทั้งหมด ที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม
“โดยคนต่างด้าวกลุ่มนี้จะต้องเป็น ผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเอง ให้เป็นไปตามกฎระเบียบหรือข้อบังคับที่กระทรวงสาธารณสุข”
พบว่า มีกลุ่มบุคคลที่ไม่ใช่สัญชาติไทย และไม่ได้อยู่ระบบหลักประกันสุขภาพไทยที่อาศัยในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็นจํานวนมากอย่างมีนัยสําคัญ
อันเนื่องมาจากหลายปัจจัย อาทิ การรอพิสูจน์สิทธิของผู้ที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ สถานการณ์ความไม่สงบ ในประเทศเมียนมา ที่มีผู้อพยพจากชายแดนเมียนมาเข้ามาประเทศไทยเป็นการชั่วคราว
ผ่านพื้นที่พักพิงชั่วคราว ผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา และนโยบายทางด้านการเมืองระหว่างประเทศ ของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ออกคําสั่ง IRC หยุดกิจกรรม
กระทรวงสาธารณสุข คาดการณ์ว่า จํานวนผู้ป่วยที่อยู่ในศูนย์พักพิงฯ สํานักงานประเทศไทย ที่ดูแลอยู่ในปัจจุบัน จะเข้าสู่ระบบสาธารณสุขภาพไทยไม่น้อยกว่า 90,000 ราย ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ต้องได้รับการดูแลรักษาทางการแพทย์ตามหลักสิทธิมนุษยชน
ข้อมูลพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ ทั้ง 2 พื้นที่ ครอบคลุม 4 จังหวัด ดังต่อไปนี้
1) พื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ บ้านถ้ำหิน จังหวัดราชบุรี 2) พื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ บ้านต้นยาง จังหวัดกาญจนบุรี 3) พื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ บ้านนุโพ จังหวัดตาก 4) พื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ บ้านอุ้มเปี้ยม จังหวัดตาก
5) พื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ บ้านแม่หละ จังหวัดตาก 6) พื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ บ้านแม่สุริน จังหวัดแม่ฮ่องสอน และ 7) พื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ บ้านใหม่ในสอย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
พบว่า มีการปิดแผนกผู้ป่วยนอก (OPD) บริการฉีดวัคซีน (EPI) การดูแลการฝากครรภ์ (ANC) การดูแลหลังคลอด (PNC) การวางแผนครอบครัว (FP)
ปิดกิจกรรมการเข้าถึงสุขภาพชุมชน การให้ความรู้ด้านสุขภาพ การตรวจทางห้องปฏิบัติการ ด้านสุขภาพจิต และจิตสังคม (MHPSS) และการฝึกอบรมต่างๆ
จึงจําเป็นต้องใช้ทรัพยากรที่กระทรวงสาธาณณสุขมี อาทิ บุคลากรทางการแพทย์ ยาและเวชภัณฑ์ ซึ่งทรัพยากร เหล่านี้ กระทรวงสาธาณสุขได้รับงบประมาณมาจากการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจําปี ซึ่งเป็นภาษีจากคนไทย
“สธ. จะเสนอให้รทบทวนการปฏิบัติตามมติ ครม. 15 ม.ค.2556 จากเดิมให้ สธ.เป็นหน่วยงานหลักดูแล ทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขแก่คนต่างด้าวทั้งหมด ที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม โดยคนต่างด้าวกลุ่มนี้ จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเอง โดยให้เป็นไปตามกฎระเบียบหรือข้อบังคับที่กระทรวง”
“บูรณาการร่วมกับ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในการที่ให้การดูแลการบริการด้านการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค และอนามัยเจริญพันธุ์ในแรงงานต่างด้าว”
โดยขอให้เปลี่ยน เป็น “ให้ สธ. เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ไม่ใช่สัญชาติไทย และไม่ได้อยู่ระบบหลักประกันสุขภาพไทย ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเอง”
“โดยให้เป็นไปตามกฎระเบียบ ข้อกําหนด หรือข้อบังคับที่กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้กําหนด รวมถึงให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้กําหนดกลุ่มเป้าหมายการให้การดูแลทางการแพทย์และสาธารณสุข แก่บุคคลที่ไม่ใช่สัญชาติไทยและไม่ได้อยู่ระบบหลักประกันสุขภาพไทย”
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการเตรียมการแก้ไขปัญหาระยะสั้น ระยะยาว โดยระยะสั้นกระทรวงสาธารณสุข จะให้คำแนะนำ ให้ค่ายฯ มีระบบบริการด้านการแพทย์และการสาธารณสุขดูแลตัวเองในที่พักพิงชั่วคราวฯได้เอง และ ระยะยาวจะช่วยประสานหน่วยงานหรือเอ็นจีโอเพื่อสนับสนุนอุปกรณ์ ยา เวชภัณฑ์ รวมถึงแหล่งทุนต่อไป
ที่มา : MgrOnline