รวบบอสสาวหล่อชาวจีน-อดีตครูสาว ผันตัวเป็น “แก๊งสแกมเมอร์ฟิวแฟน” ตุ๋นเหยื่อเสียหายกว่า 91 ล้าน
เผยแพร่ : 20 ก.พ. 2568 11:30:56
• จับกุม "บอสสาวหล่อ" ชาวจีน หัวหน้าแก๊ง
• จับกุมอดีตครูสาวที่ร่วมหลอกเหยื่อ
• แก๊งใช้กลวิธีหลอกเหยื่อให้หลงรักก่อนชักชวนลงทุน
• มูลค่าความเสียหายกว่า 91 ล้านบาท

ตำรวจนำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านย่านสมุทรปราการ หลังพบเป็นฐานที่ตั้ง “แก๊งสแกมเมอร์ฟิวแฟน” พร้อมจับกุมบอสสาวหล่อชาวจีน และอดีตครูสาวผันตัวร่วมหลอกเหยื่อให้หลงรัก ก่อนชักชวนลงทุนเสียหายกว่า 91 ล้านบาท
วันนี้ (20 ก.พ.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ/ผอ.ศปอส.ตร. พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์รอง ผบช.น./รองหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูล ศปอส.ตร. พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิลผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รอง ผกก.กก.สส.บก.น.5 พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติสว.กก.วิเคราะห์ข่าว บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.คณิตนนท์ ถนอมศรี สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ จงเจริญ สว.กก.สส.2 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.วรุตม์ คำหล้า สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. (PCT) และ บก.สส.บช.น.ร่วมกันนำหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ ค.101/2568 ลงวันที่ 19 ก.พ. 68 เข้าตรวจค้นบ้านในโครงการหมู่บ้าน บางนา กม.7 ซ.ราชวินิตบางแก้ว ถ.บางนา-ตราด จ.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหา 5 คน ดังนี้
1. Miss.ZHOU ZHOU หรือ บอสโจว อายุ 29 ปี สัญชาติจีน (เป็นบอสสแกมเมอร์ฟิวแฟน-หลอกลงทุน) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนงที่ จ.113/2568 ลงวันที่ 17 ก.พ. 68 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น ร่วมกันเป็นอั้งยี่ และร่วมกันเป็นซ่องโจร
2. น.ส.อลิษา หรือ เล็ก อายุ 31 ปี ภูมิลำเนา อ.สีดา จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนงที่ จ.114/2568 ลงวันที่ 17 ก.พ. 68 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น ร่วมกันเป็นอั้งยี่ และร่วมกันเป็นซ่องโจร
3. นายสุกฤษฏิ์ หรือ ฟรุ๊ค อายุ 26 ปี ภูมิลำเนา ต.คลองใหญ่ อ.องครักษ์ จ.นครนายก ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืมบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้
4. นางสาวอาทิตยา หรือ เปรม อายุ 24 ปี ภูมิลำเนา ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืมบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้
และ 5. นายสุเชษฐ์ หรือ เชษ อายุ 40 ปี ภูมิลำเนา ต.เขาชนกัน อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์ ถูกแจ้งข้อหาเปิดบัญชี หรือยินยอมให้คนอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอีเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอีเล็กทรอนิกส์
พร้อมตรวจยึดของกลาง 6 รายการ อาทิ 1. บัญชีธนาคารพร้อมใช้ 102 บัญชี 2. บัตรเดบิต 70 ใบ
3. ซิมโทรศัพท์พร้อมใช้ประมาณ 1,000 ซิม 4. โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง (พบข้อมูลสำคัญจำนวนมาก) 5. คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง และ 6.รถยนต์โตโยต้า ยาริส 1 คัน (ใช้รับส่งธุระจัดหาคนเปิดบัญชี)
โดยพฤติการณ์สืบเนื่องจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์กำลังเป็นปัญหาระดับชาติในปัจจุบัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐบาลระดมพลแก้ปัญหาทำสงครามกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทุกมิติ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT ได้วิเคราะห์ข้อมูลพบว่า การหลอกลวงรูปแบบ “ฟิวแฟนสแกมเมอร์” ถือเป็นภัยร้ายที่สร้างความเสียหายเป็นอันดับ 1 ล่าสุด ตำรวจแกะรอยข้อมูลจากผู้เสียหายรายหนึ่งซึ่งถูกหลอกลวงแล้วได้แจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สน.พระโขนง โดยแผนประทุษกรรมจะปลอมโปรไฟล์แล้วสนทนา “ฟิวแฟน” ให้เหยื่อหลงรัก ก่อนจะชักชวนให้ลงทุนเปิดร้านค้า Tiktok ของสิงคโปร์ จากนั้นจะลวงให้ทำภารกิจ โดยการให้กดออเดอร์โดยให้เหยื่อออกเงินไปก่อน หลังเหยื่อทำภารกิจครั้งแรกสำเร็จก็ได้รับเงิน ทำให้เหยื่อตายใจ หลังจากนั้น ต้องเพิ่มยอดเงินมากขึ้นซึ่งต่อมาก็ไม่สามารถถอนเงินออกได้ โดยมิจฉาชีพอ้างว่าเป็นเพราะเหยื่อกดออเดอร์ล่าช้า ต้องเพิ่มเงินเข้าไปอีกจึงจะถอนเงินในระบบได้ อันเป็นแผนประทุษกรรมของ “ฟิวแฟนสแกรมเมอร์” ซึ่ง พล.ต.ต.ธีรเดช แกะรอยเส้นทางการเงินจนพบว่า เงินที่แก๊งสแกมเมอร์นี้หลอกลวงได้แล้ว ท้ายสุดจะนำไปเข้าสู่ระบบแปลงเงินออกเป็นเหรียญดิจิทัล ผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน บ. ชื่อดังในเมืองไทย
ซึ่งต่อมา พ.ต.ท.บดินทร เพ็ญสูตร สว.(สอบสวน) สน.พระโขนง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT แกะรอยจนพบ Miss.ZHOU หรือบอสโจว สาวหล่อหัวหน้าแก๊งสแกมเมอร์นี้ ซึ่งเจ้าตัวใช้ชีวิตกินหรูอยู่สบายในประเทศไทย เปิดเซฟเฮาส์รังรักอยู่กับ น.ส.อลิษา หรือ เล็ก ครูสาวชาวไทยอนาคตไกลที่พึ่งลาออกจากการเป็นครูผันตัวมาเป็น “ซ้อบอส” ได้ไม่นาน โดยภายในเซฟเฮาส์ดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นรังรักของทั้งสอง แต่ยังเป็นด่านเงินสุดท้าย ที่แก๊งสแกมเมอร์จะให้ระดับหัวหน้ามาทยอยโยกเงินออกไปเป็นบิตคอยน์ที่บ้านหลังนี้
ต่อมา พล.ต.ท.สยาม ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วสันต์ พร้อมคณะพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ออกหมายจับผู้ต้องหา กระทั่งเมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ได้สั่งให้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT นำหมายค้นของศาลเข้าตรวจค้นเซฟเฮาส์ดังกล่าวภายในหมู่บ้านชื่อดังใน ซ.ราชวินิตบางแก้ว ถ.บางนา-ตราด จ.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ก่อนเข้าจับกุมตัว Miss.ZHOU และ น.ส.อลิษา ซึ่งจากการขยายพบการจับกุมทั้งสองก็พบว่า ภายในเซฟเฮาส์ลับนี้ ยังมีผู้ร่วมขบวนการอีก แต่ไม่ได้อยู่ในบ้าน เพราะกำลังออกไปพาคนไปเปิดบัญชี พล.ต.ต.ธีรเดช จึงได้นำกำลังออกติดตามไปจนพบ นายสุกฤษฏิ์ และ น.ส.อาทิตยา กำลังรับ นายสุเชษฐ์ เปิดบัญชีไปสแกนหน้าที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่าน ม.รามคำแหง 2 จึงได้จับกุมตัวทั้ง 3 คน ไว้ทันที
จากการตรวจค้นพบ บัญชีธนาคารพร้อมใช้ 102 บัญชี บัตรเดบิต 70 ใบ ซิมโทรศัพท์พร้อมใช้ประมาณ 1,000 ซิม โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง ก่อนจะขยายผลทราบว่า ภายในบ้านนี้แก๊งสแกมเมอร์ฟิวแฟนใช้เป็นที่ตั้งในการทำบัญชี โดยจัดหาคน เป็นธุระ ให้ไปเปิดบัญชีธนาคาร บัญชีวอลเล็ต Bitkub และ True wallet ก่อนจะนำมาใช้รับโอนเงินจากการหลอกลวงและนำเงินที่ได้แปลงเป็นเงินดิจิทัล โดยมี Miss.ZHOU เป็นบอสคอยสั่งการ ซึ่งจากการตรวจสอบบัญชีทั้งหมดที่ตรวจพบความเชื่อมโยงในระบบการรับแจ้งความออนไลน์ (Case ID) รวมทั้งสิ้น 132 เคส มูลค่าความเสียหายกว่า 91,192,017 บาท
ในชั้นจับกุม Miss.ZHOU ยังคงให้การภาคเสธ โดยให้การว่า จะมีบอสอีกคนซึ่งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน คอยดูแลออฟฟิศสแกมเมอร์ ส่วนตนนั้นมาฝังตัวอยู่ในประเทศไทย เพื่อคอยจัดการเรื่องการทำบัญชีและเส้นทางการเงินที่ได้จากการหลอกลวง โดยบอสในฝั่งเพื่อนบ้านจะคอยโอนเงินไทยมาให้ตนเพื่อไปเป็นธุระจัดหาคนมาเปิดบัญชีม้าและเปิดวอลเล็ต Bitkub พร้อมกับผูกไว้ในโทรศํพท์แบบพร้อมใช้ และอีกหน้าที่คือบอสฝั่งประเทศเพื่อนบ้านจะโอนเงินมาให้ตนที่ถือบัญชีม้าวอลเล็ตม้าเหล่านี้ ก่อนให้ตนนำไปแปลงเป็นเงินสกุลดิจิทัล แล้วให้โอนสับหลอกเจ้าหน้าที่ก่อนส่งกลับไปยังบอสฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้แอปพลิเคชัน Bitkub ส่วน น.ส.อลิษา เป็นแฟนสาวของตน ตอนแรกเป็นครู แต่ตนได้ชักชวนให้มาทำงานด้วย เพราะพูดภาษาไทยไม่ได้ แฟนสาวจะทำหน้าที่คอยตอบแชตและจัดหาคนมาเปิดบัญชีม้าให้ โดยกระบวนการจะไม่เปิดแค่บัญชีธนาคาร แต่จะเปิดบัญชีวอลเล็ตของ Bitkub ด้วย
ทั้งนี้ ในชั้นจับกุม น.ส.อลิษา ยังคงให้การภาคเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ตนเองพึ่งลาออกจากการเป็นครูที่โรงเรียนชื่อดังใน ซ.ลาซาล โดยที่ลาออกเพราะ Miss.ZHOU ซึ่งเป็นแฟนของตนชักชวนให้ลาออกและมาช่วยงานเต็มตัว โดยตนไม่รู้เรื่องอะไรเลย Miss.ZHOU จะรู้เรื่องทั้งหมด
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า จากการขยายผล เรามีพยานหลักฐานยืนยันว่า Miss.ZHOU และ น.ส.อลิษา เป็นระดับหัวหน้าสั่งการในประเทศไทย คอยจัดหาคนมาเปิดบัญชีธนาคารและวอลเล็ตเงินสกุลดิจิทัล เพื่อใช้รับโอนเงินจากการหลอกลวงของแก๊งสแกมเมอร์ฟิวแฟน และยังโดยจะคอยแปลงเงินที่ได้จากการหลอกลวงจากเงินบาทแปลงเป็นเงินสกุลดิจิทัล แม้ว่าทั้งสองยังคงให้การไม่เต็มที่ แต่เรามีพยานหลักฐานมัดแน่นและของกลางที่เราตรวจพบในบ้านแห่งนี้ถูกนำไปใช้หลอกลวงพัวพันกับระบบฐานข้อมูลรับแจ้งรวมทั้งสิ้น 132 เคส มูลค่าความเสียหายกว่า 91,192,017 บาท ซึ่งหลังจากนี้ จะขยายผลให้ถึงที่สุด ตามนโยบายของ ผบ.ตร.



ที่มา : MgrOnline