บล.ดาโอมองหุ้นไทยแรงซื้อและความเชื่อมั่นหาย
เผยแพร่ : 19 ก.พ. 2568 20:57:38
• นโยบายเศรษฐกิจรัฐบาลและนโยบายการค้าของทรัมป์ไม่หนุนความเชื่อมั่นนักลงทุน
• การฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยปีนี้ขึ้นอยู่กับ 4 ปัจจัยสำคัญ (รายละเอียดไม่ระบุในเนื้อหาต้นฉบับ)
• แนะนำการลงทุนควรพิจารณาความแข็งแกร่งและความสามารถในการอยู่รอดของธุรกิจ

“บล.ดาโอ ชี้ตลาดหุ้นไทยตกหนักและต่อเนื่อง นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลยังไม่หนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนรวมถึงนโยบายการค้าของ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ จับตา 4 เรื่องสำคัญจะทำให้หุ้นไทยฟื้นได้ปีนี้ แนะการลงทุนพิจารณาความแข็งแรงและการอยู่รอดของบริษัทเป็นสำคัญ อย่ามองเรื่องราคาอย่างเดียว มองโอกาสสินทรัพย์ต่างประเทศเป็นทางเลือกลงทุน”
นายมงคล พ่วงเภตรา รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงแรงมาตั้งแต่ ต.ค.ปีที่ผ่านมา ดัชนีลงมาแตะ 1,236 จุด มาจากหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยภายนอก ผลประกอบไตรมาส 4/2567 ที่คาดว่าจะออกไม่ดี ทำให้ราคาหุ้นของหุ้นแต่ละตัวที่ผลประกอบการไม่ค่อยดีปรับตัวลงค่อนข้างเยอะ รวมถึงปัจจัยเรื่องกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ และสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ผลักดันออกมาก็มีผลต่อตลาด
อย่างเรื่องการควบคุมเรื่องของการปล่อยกู้ของบริษัทหลักทรัพย์ (Margin loan) และราคาหุ้นที่ลดลงต่อเนื่อง มีส่วนให้มีการขายหุ้นที่ใช้ Margin Loan หลายตัวออกมา ทั้งนี้ เราเห็นว่าเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ และสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ออกมาตั้งแต่ปลายปี 2567 จนถึงปัจจุบันมีส่วนที่ทำให้ปริมาณการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยลดลง
“ดัชนีหุ้นไทยตกลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราอยู่ในขาลงมาตลอดแบบเรียกว่า ‘ไม่โงหัวเลย’ ตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2567 เป็นต้นมาเลย” นายมงคล กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปี 2568 จะเป็นปีที่ทุกอย่างไม่ได้เป็นความเสี่ยงทั้งหมดในความเสี่ยงยังเป็นโอกาส แต่ตลาดหุ้นไทยจะกลับมาได้หรือไม่ในปีนี้มี 4 เรื่องที่ต้องติดตาม
1.) ถือว่าสำคัญที่สุดคือเรื่องการออกนโยบายของรัฐบาลไทย โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจและตลาดหุ้น หากออกแล้วทำให้นักลงทุนมั่นใจมากขึ้นก็มีผลบวกกับตลาดและเศรษฐกิจ
2.) นโยบายการค้าของสหรัฐฯ หากสรุปจบแล้ว ไม่เป็นภัยคุกคามต่อประเทศอื่นๆ รวมทั้งไทย ก็จะทำให้บรรยากาศการลงทุนดีขึ้น
3.) สถานการณ์สงครามทั้งในตะวันออกกลางและยูเครน ถ้าจบลงได้จะเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้ายังดำเนินต่อไปมันจะเป็นผลกระทบกับเศรษฐกิจโลกเพราะว่าสงครามมันก่อให้เกิดตัวแปร 2 ตัวหลัก คือเงินเฟ้อและการขาดซัปพลาย (Supply Shortage) ซึ่งเป็นต้นทุนของเศรษฐกิจ
4.) ทิศทางของกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะมีสัญญาณการฟื้นตัวได้หรือไม่ในปีนี้ บล.ดาโอ ประเมินว่า EPS Growth ไว้เมื่อ พ.ย. ปี 2567 ไว้ที่ 15% แต่หลังจบการส่งงบรอบนี้ ราวปลายเดือน ก.พ. เราจะมีการปรับลดคาดการณ์กำไรปีนี้และเป้าหมายดัชนีลง ประเมินเบื้องต้นว่า ดัชนีปีนี้อาจไปไม่ถึง 1,400 จุด จากเดิมที่ให้ไว้ที่ 1,589 จุด
“สัญญาณชีพเศรษฐกิจไทย มันไม่ได้มีสัญญาณว่าจะฟื้นตัวอย่างที่หลายคนคิด เพราะนโยบายรัฐบาลยังไม่ได้มีนโยบายที่มีผลต่อเศรษฐกิจออกมาเลย เงินที่รัฐบาลจะให้ประชาชนยังไม่ได้แจกทั้งหมด ดังนั้นมันเป็นเหตุผลอันหนึ่งทำให้ตลาดหุ้นไทยเป็นลบไปเลย และ Fund flow ก็ไหลออกจากตลาด” นายมงคล กล่าว
“อย่าซื้อหุ้นเพราะราคาถูกอย่างเดียว”
นายมงคล กล่าวต่อไปว่า หุ้นไทยที่ปรับตัวลงมามากจนมองว่ามีระดับราคาที่ถูกแต่ซื้อแล้วหุ้นก็ไม่ขึ้นว่า การลงทุนจากนี้เป็นต้นไป ให้พิจารณาหุ้นที่มีโอกาสแห่งความอยู่รอดในอนาคตเป็นสำคัญ ให้ดูว่าธุรกิจนั้นสามารถอยู่รอดจากการเปลี่ยนแปลง (Transform) ได้ตลอดไปแค่ไหน บางธุรกิจเกิดความเสียหายแม้ไม่ถึงขั้นล้มละลาย แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวให้ฟื้นกลับขึ้นมาได้ หุ้นเหล่านี้อาจจะไม่เหมาะกับการลงทุน
ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นไทยเวลานี้ส่วนใหญ่นักลงทุนประมาณ 90% เลือกลงทุนระยะสั้น เพราะสภาพตลาดไม่เอื้อต่อการลงทุนระยะยาว กลยุทธ์ควรเน้นลงทุนสั้นๆ ไปก่อน โดยมีหุ้นลงทุนในพอร์ตไม่ต้องมาก ส่วนใครที่คิดจะเก็บหุ้นถือยาวแนะนำให้รอผ่านการขึ้น “XD” รอบนี้ไปก่อน และให้พิจารณาหุ้นที่ดูมีความแข็งแรง และอยู่รอดในระยะยาว โดยหุ้นที่ บล.ดาโอ มองว่ามีความน่าสนใจและคัดเลือกมาได้แก่ BDMS BH CPALL และ ADVANC
“สภาพตลาดในปัจจุบันแทนที่เราจะมองในเชิงราคาว่าถูกแล้ว ต่ำแล้ว แต่ต้องกลับไปดูหุ้นที่จะลงทุนว่ามีความแข็งแรงสามารถอยู่รอดได้ตลอดไปหรือเปล่า เราจะเลือกลงทุนโดยใช้ระดับราคาอย่างเดียวไม่ได้นะครับ” นายมงคล กล่าว
“โอกาสกระจายไปลงทุนต่างประเทศ”
นายมงคล แนะนำว่า สำหรับนักลงทุนที่ไม่ข้อจำกัดเรื่องประเภทสินทรัพย์ ทาง บล.ดาโอ มีทีมกลยุทธ์การลงทุนสำหรับให้คำปรึกษา วางแผนและคัดเลือกสินทรัพย์ที่น่าสนใจในต่างประเทศ เช่น กองทุนรวม ทองคำ เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนรวมถึงปรับพอร์ตลงทุนด้วย เป็นทางเลือกให้นักลงทุนที่ต้องการสร้างผลตอบแทนเพื่อเอาชนะตลาดที่ผันผวนและมีความไม่แน่นอน และเป็นทางเลือกกับผู้ลงทุนที่ไม่ได้มีข้อจำกัดในเรื่องเงิน สินทรัพย์ หรือสไตล์การลงทุน
ที่มา : MgrOnline