"บอย พัทยา" เข้ารับทราบข้อหาฟอกเงิน คดี "เป้รักผู้การ" รีดเงินเว็บพนัน 140 ล้าน
เผยแพร่ : 19 ก.พ. 2568 19:59:39
• นายวีระ นาทรัพย์ ("บอย พัทยา") เข้าพบพนักงานสอบสวนตามนัด
• รับทราบข้อกล่าวหาในคดีเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับเงิน 140 ล้านบาท
• เป็นส่วนหนึ่งของคดี "เป้รักผู้การ 2"

"บอย พัทยา" เข้าพบพนักงานสอบสวนคดี "เป้รักผู้การ" รับทราบข้อหาคดีฟอกเงิน ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ยันไม่เคยรับเงินในคดีนี้ พร้อมให้ตรวจสอบเส้นเงิน ด้านอัยการวัชรินทร์ คาดสั่งฟ้องภายในพ.ค.นี้
วันนี้ (19 ก.พ. ) ที่ห้องประชุมกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค1 นายวีระ นาทรัพย์ หรือ "บอย พัทยา" พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนตามนัดหมาย เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในคดีเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับเงิน 140 ล้านบาท หรือ ที่เรียกกันว่า คดี "เป้รักผู้การ 2"
นายวีระ กล่าวภายหลังรับทราบข้อกล่าวหาว่า ตนถูกแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดฐานฟอกเงิน ฐานร่วมกับพวกในการฟอกเงินที่ได้มาจากการกระทำผิด อย่างไรก็ตาม ตนเองได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา พร้อมนำหลักฐานมาหักล้างข้อกล่าวหา เพื่อพิสูจน์ความจริงในกระบวนการยุติธรรม ยืนยันว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินในคดีนี้ ไม่เคยรับเงิน และไม่มีเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยง พร้อมตั้งคำถามว่า เงิน 140 ล้าน ใครเป็นคนเรียกกันแน่
นายวีระ กล่าวต่อไปว่า อยากฝากถึงนายตำรวจรุ่นพี่คนหนึ่ง ที่ตนเคยรู้จัก ว่า อย่านำเรื่องส่วนตัวมาปรักปรำตนเอง เพราะหากถูกกดดันมากเกินไป ก็อาจมีการเปิดเผยข้อมูลกลับเช่นกัน ส่วนประเด็นที่เชื่อมโยงตนเองกับ นายต้อม นครสวรรค์ นั้น ความสัมพันธ์เป็นเพียงการซื้อขายพระเครื่องกันเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินแต่อย่างใด พร้อมยืนยันว่า เงินที่กล่าวหาว่าเป็นค่าพระเครื่องนั้นไม่เป็นความจริง เพราะแท้จริงแล้วนายต้อม ยังค้างเงินค่าพระเครื่องกับตนเอง และขณะนี้ยังไม่รับเงินคืนและตามตัวไม่เจอ ยืนยันตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลใดๆ ในคดีนี้

ด้าน นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวนเป็นหัวหน้าคณะทำงานกำกับการสอบสวนคดีเป้รักผู้การภาค 2 เปิดเผยว่า เรื่องนี้เป็นคดีแรก เป็นไปตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานหรือทำให้บุคคลสูญหายเป็นกฎหมายที่ค่อนข้างจะใหม่ แต่ว่าเป็นความผิดที่เกี่ยวกับความผิดต่อเจ้าพนักงาน คืออดีตผู้การฯ ชลบุรีกับพวก สำนวนแรกได้ทำเสร็จไปเรียบร้อย อยู่ในชั้นอัยการ สั่งคดีแล้วส่วนสำนวนที่ 2 ที่ทำคือสำนวนเกี่ยวกับการฟอกเงิน ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมาน มาตรา 31 เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับเรื่องเดิมเป็นความผิดเฉพาะฐานฟอกเงิน
จากการสรุปที่ประชุม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะอัยการทำหน้าที่ในการตรวจสอบและกำกับสำนวน เนื่องจาก กฎหมายดังกล่าวการป้องและปราบปรามการทรมานให้อัยการเข้ามาตรวจสอบ โดยมี พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน มีข้อสรุปว่า วันนี้ และ พรุ่งนี้ จะมีการแจ้งข้อกล่าว ผู้ต้องหา 17 ราย ส่วนนายวีระ นาทรัพย์ หรือ บอยพัทยา ถูกแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดตามพ.ร.บ.ฟอกเงิน เกิดจากการสืบสวนของตำรวจพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงถึง ทั้งนี้ เมื่อมีการสอบปากคำผู้ต้องหาครบทั้งหมด รวมทั้งพยานหลักฐาน ทางพนักงานอัยการ พิจารณาความเห็นส่งฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติชอบกลาง ภายในเดือน พ.ค.นี้
นายวัชรินทร์ กล่าวด้วยว่า ส่วนของผู้ต้องหาเมื่อได้รับแจ้งข้อกล่าวหาแล้วก็มีสิทธิที่จะต่อสู้คดี เพราะยังไม่สรุปว่าจะฟ้องหรือไม่ และยังมีผู้ต้องหา ถูกดำเนินคดี ทั้ง 2 สำนวน เพราะในช่วงสำนวนแรก เกี่ยวข้องในการร่วมมือกับทาง ผู้การฯ ชลบุรี และผู้ต้องหาที่เหลือ เช่น ต้น พัทยา ตอนนี้ยังหลบหนีอยู่ รวมถึงภรรยาที่มีส่วนเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องอีกหนึ่งคน แต่ตำรวจนายดังกล่าวไม่ใช่ตำรวจที่อยู่ในชุดของผู้การฯ ชลบุรี แต่เป็นตำรวจที่ไปรับเงินและแจกจ่ายเงิน ซึ่งเราดูจากเส้นทางการเงินเป็นหลัก ส่วนวันพรุ่งนี้ จะแจ้งข้อหาคดีฟอกเงินกับผู้ต้องหาอีกหนึ่งคน คือ เซียนพระชื่อดัง จ.นครสวรรค์
ที่มา : MgrOnline