ตม.3 ขานรับนโยบาย ผบ.ตร. รวบ 2 ต่างด้าวหื่นตาน้ำขาว กระทำความผิดทางเพศกับเด็ก

เผยแพร่ : 19 ก.พ. 2568 17:18:30
X
1. ปราบปรามคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง: ดำเนินการจับกุมและเอาผิดอย่างเข้มงวด
2. ป้องกันและปราบปรามการหลอกลวงคนต่างด้าว: คุ้มครองและช่วยเหลือผู้เสียหาย
3. ปราบปรามคนต่างด้าวประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย: ตรวจสอบและดำเนินการกับธุรกิจที่เกี่ยวข้อง

ตามข้อสั่งการของ ผบ.ตร. ที่ได้กำชับเด็ดขาดให้แก้ไขปัญหาอาชญากรรมเร่งด่วน 6 ด้าน รวมถึงอาชญากรรมเกี่ยวกับคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง คนต่างด้าวถูกหลอกลวง และคนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภานุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ รอง ผบช.สตม.ได้สั่งกำชับให้หน่วยงานในสังกัดดำเนินการกวดขันให้เป็นไปตามนโยบายของ ผบ.ตร.รวมถึงอาชญากรรมเกี่ยวกับคนต่างด้าวกระทำผิดกฎหมาย คนต่างด้าวถูกหลอกลวง และคนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย

กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 โดย พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.คธาธร คำเที่ยง รอง ผบก.ตม.3 จึงสั่งการให้เร่งสนองนโยบายผู้บังคับบัญชาให้ปราบปรามจับกุมการกระทำผิดของบุคคลต่างด้าวในพื้นที่ โดยเมื่อวันที่ 18 ก.พ.68 กองกำกับการสืบสวน บก.ตม.3 ภายใต้การสั่งการของ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3, พ.ต.ท.ฤทธิไกร ประยูรศร และ พ.ต.ท.อิธิธร ประเสริฐศักดิ์ รอง ผกก.สส.บก.ตม.3 ได้สั่งการให้ข้าราชการตำรวจกองกำกับการสืบสวน บก.ตม.3 จับกุมบุคคลต่างด้าว จำนวน 2 ราย ซึ่งมีกระทำความผิดเกี่ยวกับเพศ

รายที่ 1.MR.RUDOLF อายุ 68 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ในความผิดฐาน “กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี ”พฤติการณ์คือได้ร่วมมือกับผู้ต้องหาคนไทยติดต่อผู้ปกครองของเด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) ขอรับเด็กหญิงเอ ซึ่งอาศัยอยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี มาเป็นบุตรบุญธรรม โดยจะส่งเสียเด็กหญิงเอ ให้เรียนหนังสือในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี ผู้ปกครองเห็นว่าเพื่อเป็นประโยชน์กับเด็กหญิงเอ จึงให้เด็กหญิงเอ มาพักอาศัยอยู่กับ MR.RUDOLF ต่อมาเจ้าหน้าที่ สภ.เมืองพัทยา ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมของ MR.RUDOLF จึงทำการสืบสวนจนทราบที่พัก และได้นำหมายค้นเข้าตรวจค้นห้องพัก พบของกลางเป็น External Harddisk และหน่วยบันทึกความจำแฟลชไดร์ฟที่ใช้เชื่อมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ภายในปรากฏรูปภาพอวัยวะเพศของเด็กหญิงเอ และคลิปวีดีโอ ภาพเด็กหญิงเอเปลือยกายเผยให้เห็นอวัยวะเพศ ตลอดจนภาพเคลื่อนไหวขณะเด็กหญิงเอกำลังอาบน้ำในอ่างน้ำ ในชั้นสอบสวนเด็กหญิงเอยืนยันว่า ผู้ต้องหาใช้มือจับหน้าอกลูบไปมานอกเสื้อ หอมแก้ม ให้นอนอ้าขาแล้วใช้กล้องถ่ายภาพอวัยวะเพศ ให้ทำท่าทางต่างๆ เมื่อปฎิเสธ ผู้ต้องหาทำเสียงดังขู่ให้กลัว ซึ่ง สภ.เมืองพัทยา จึงได้จับกุม MR.RUDOLF ดำเนินคดีในความผิดฐาน “ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่นและกระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกินสิบสามปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ อันเป็นการกระทำแก่ผู้อยู่ภายใต้อำนาจด้วยประการอื่นใด”

ต่อมา MR.RUDOLF ได้รับการประกันตัวและหลบหนีไม่ไปฟังคำพิพากษาของศาล จนต่อมาเจ้าหน้าที่สืบสวน บก.ตม.3 ร่วมกับ สภ.เมืองพัทยา, กก.1 บก.ป. ได้สืบสวนหาข่าวทราบว่า MR.RUDOLF ได้หลบซ่อนตัวอยู่ที่อพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงได้ติดตามจับกุมตัวส่งศาลจังหวัดพัทยา ดำเนินคดีตามกฎหมาย

กรณีที่ 2.จับกุม MR.OLIVER อายุ 41 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลจังหวัดชลบุรี ในความผิดฐาน “พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร, พาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม และกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภรรยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม” โดยกรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 เม.ย.2566 นายโอลิเวอร์ ซึ่งขณะนั้นได้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย และต่อมาได้มีการติดต่อกันผ่านทางแอฟพลิเคชั่นเทนเดอร์ เพื่อซื้อบริการทางเพศกับผู้ต้องหาหญิงชาวไทยอีกคนหนึ่ง และต่อมาหลังจากกระทำความผิดแล้วได้หลบหนีออกนอกราชอาณาจักร จนกระทั่งเมื่อวันที่ 18 ก.พ.68 ขณะกลับเข้ามาในราชอาณาจักรอีกครั้ง เจ้าหน้าที่สืบสวน บก.ตม.3 ได้ตรวจสอบพบจากระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ว่า MR.OLIVER กลับเข้ามาในราชอาณาจักรอีกครั้ง ต่อมาได้สืบสวนจนทราบว่าได้หลบหนีหมายจับมาซ่อนตัวอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งกรณีนี้ เจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวน บก.ตม.3 ได้สืบสวนจับกุมผู้ต้องหาได้ หลังจากศาลจังหวัดชลบุรีอนุมัติหมายจับได้เพียงหนึ่งวัน

พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ฯ เผยว่า ตนให้ความสำคัญต่อการกระทำความผิดของคนต่างด้าว โดยเฉพาะสองกรณีข้างต้นเป็นกรณีความผิดเกี่ยวกับเพศาโดยผู้ที่ตกเป็นเหยื่อในความผิดนี้เหมือนตกนรกทั้งเป็น ประกอบกับประเทศไทยเน้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวอันได้แก่ด้านธรรมชาติ และวัฒนธรรมเป็นสำคัญ หากแต่ความผิดดังกล่าวสร้างความเสื่อมเสียให้กับประเทศไทยในสายตาชาวโลก จึงเน้นย้ำให้มีข้าราชการตำรวจฝ่ายสืบสวนปราบปรามในสังกัดให้ความสำคัญในการปราบปรามสืบสวนจับกุมอย่างเข้มข้น เกี่ยวกับทั้งสองเคสข้างต้น มีความแตกต่างในรายละเอียด โดยเคสแรกค่อนข้างชัดเจนที่ผู้ต้องหาอาศัยโอกาสในด้านฐานะอ้างการช่วยเหลือในการเข้าถึงเหยื่อ หากแต่ในกรณีที่สองผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นกรณีที่เข้าไปเล่นในแอพทินเดอร์ ซึ่งเป็นแอพหาคู่ โดยเหยื่อสมัครใจและไม่ทราบอายุที่แท้จริง ซึ่งกรณีนี้ก็ต้องให้ความเป็นธรรมในการสืบสวน ที่จะต้องลงไปดูรายละเอียดทางคดีอีกชั้นหนึ่ง แต่ก็เป็นตัวอย่างที่ควรประชาสัมพันธ์ไปยังนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับการใช้งานแอฟหาคู่ทางโซเชียลต่างๆ ให้ระมัดระวังอีกส่วนหนึ่งด้วย





ที่มา : MgrOnline