เวียดนามเร่งออกกฎหมายเอื้อ ‘Starlink’ บริการในประเทศ เอาใจทรัมป์หวังลดเสี่ยงโดนขึ้นภาษี
เผยแพร่ : 19 ก.พ. 2568 16:48:03
• Starlink จะต้องดำเนินการผ่านบริษัทลูกในประเทศ
• เวียดนามจะคงความเป็นเจ้าของในบริษัทลูกอย่างเต็มที่

รอยเตอร์ -เวียดนามวางแผนที่จะออกกฎหมายที่จะอนุญาตให้ สตาร์ลิงก์ (Starlink) ของอีลอน มัสก์ ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมในประเทศได้ โดยที่ยังคงความเป็นเจ้าของในบริษัทลูกในประเทศอย่างเต็มที่
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวปูทางให้สตาร์ลิงก์สามารถเปิดตัวในเวียดนาม หลังจากเจรจากันมายาวนานกับบริษัทสเปซเอ็กซ์ (SpaceX) ที่เป็นบริษัทแม่ของสตาร์ลิงก์ เจ้าหน้าที่รัฐบาลกล่าว
ความเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงท่าทีอย่างกะทันหัน และสามารถมองได้ว่าเป็น ‘กิ่งมะกอก’ สำหรับสเปซเอ็กซ์ ท่ามกลางความวิตกกังวลในเวียดนามเกี่ยวกับภัยคุกคามด้านภาษีจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ตามการระบุของแหล่งข่าวที่ทราบเรื่องนี้
“นี่เป็นการแสดงให้เห็นจากฝั่งเวียดนามว่าพวกเขาสามารถเล่นเกมการทูตเชิงธุรกรรมได้ถ้ารัฐบาลทรัมป์ต้องการ” แหล่งข่าวระบุ
แหล่งข่าวทั้งหมดปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อเพื่อให้พวกเขาสามารถพูดได้อย่างเปิดเผยมากขึ้น
ความพยายามของสเปซเอ็กซ์ที่จะเข้ามาในเวียดนาม ตลาดที่มีประชากรเกือบ 100 ล้านคน ถูกระงับไปในช่วงปลายปี 2566 หลังจากประเทศที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์แห่งนี้ปฏิเสธที่จะยกเลิกการห้ามการควบคุมจากต่างประเทศต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม ซึ่งเป็นเงื่อนไขเบื้องต้นสำหรับมัสก์ ที่ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาหลักของทรัมป์
ร่างกฎหมายใหม่ดังกล่าว ที่กำหนดให้รัฐสภาพิจารณาในการประชุมวาระพิเศษ อนุญาตให้ชาวต่างชาติควบคุมการดำเนินงานของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตที่มีเครือข่ายดาวเทียมวงโคจรต่ำ ภายใต้โครงการนำร่องที่จะดำเนินต่อไปจนถึงสิ้นปี 2573
บทบัญญัติดังกล่าวรวมอยู่ในมติ 12 หน้า ที่มุ่งหวังที่จะขจัดอุปสรรคในกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม โครงการที่ส่งภายใต้โครงการนำร่องนี้จะต้องได้รับการอนุมัติจากนายกรัฐมนตรีของเวียดนาม
สเปซเอ็กซ์และกระทรวงข้อมูลข่าวสารของเวียดนามไม่ได้ตอบกลับคำร้องขอความคิดเห็นในเรื่องนี้
สเปซเอ็กซ์ได้ขยายเครือข่ายซัปพลายเออร์ในเวียดนาม โดยรัฐบาลเวียดนามระบุว่าบริษัทต้องการลงทุน 1,500 ล้านดอลลาร์ในประเทศ
หากบริษัทและบุคคลของเวียดนามจำนวนมากสมัครใช้บริการสตาร์ลิงก์ ก็อาจช่วยลดดุลการค้าเกินดุลขนาดใหญ่ทั้งในด้านสินค้าและบริการที่เวียดนามมีกับสหรัฐฯ ได้ แหล่งข่าวที่ทราบเกี่ยวกับการหารือระบุ
จากข้อมูลของสหรัฐฯ พบว่าในปีที่ผ่านมา เวียดนามมีดุลการค้าเกินดุลแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 123,500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงเป็นอันดับ 4 ในบรรดาพันธมิตรของสหรัฐฯ
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้สั่งให้ทีมงานของเขากำหนดอัตราภาษีเท่าเทียมกับทุกประเทศที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ภายในวันที่ 1 เม.ย. และผู้ช่วยของเขาระบุว่าประเทศที่มีความไม่สมดุลสูงจะถูกตรวจสอบอย่างใกล้ชิด
ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อเศรษฐกิจของประเทศที่พึ่งพาการส่งออก ที่มีสหรัฐฯ เป็นตลาดหลัก เวียดนามเป็นที่ตั้งของผู้ผลิตจากจีนจำนวนมาก ที่ได้ลงทุนอย่างหนักในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ หลังรัฐบาลชุดแรกของทรัมป์กำหนดอัตราภาษีกับจีนในปี 2561
เพื่อลดการเกินดุลกับสหรัฐฯ เวียดนามยังเสนอที่จะนำเข้าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากสหรัฐฯ มากขึ้น และกำลังหารือถึงการนำเข้าผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เป็นไปได้.
ที่มา : MgrOnline