“กัณวีร์” เย้ยรัฐบาลน่าอาย ถูก “หม่อง ชิตตู” ปรามาส ซัดทำงานล่าช้า แค่ปัดให้พ้นตัว เมินตรวจสอบไทยดำ-เทา

เผยแพร่ : 19 ก.พ. 2568 12:03:59
X
• นายกัณวีร์ วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลว่าน่าอับอาย เนื่องจากการจัดการที่ลักลั่นและขาดแผนรองรับ
• นายกัณวีร์ กล่าวหาว่ารัฐบาลทำงานล่าช้า และพยายามผลักภาระความรับผิดชอบ
• นายกัณวีร์ ชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวของรัฐบาลในการตรวจสอบข้อมูล โดยเฉพาะกรณีข้อมูลเกี่ยวกับแรงงานไทยดำ-เทา ที่หลุดออกไป
• นายกัณวีร์ ถูก "หม่องชิตตู่" (น่าจะหมายถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ปรามาส (รายละเอียดการปรามาสไม่ได้ระบุในเนื้อหาที่ให้มา)

“กัณวีร์” เย้ยรัฐบาลน่าอับอาย ถูก “หม่อง ชิตตู” ปรามาส ซัดทุกอย่างดูลักลั่น ไม่มีแผนรองรับ บอกจบแล้วไทยทำงานล่าช้า แค่ปัดให้พ้นตัว ชี้ เป็นความล้มเหลว ทำข้อมูลปลิว ไม่ตรวจสอบไทยดำ-เทา

วันที่ 19 ก.พ. นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงการจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า เข้าสู่ 2 สัปดาห์แล้วกับมาตรการกดดันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของรัฐบาลไทย ทำการประเมินกันหรือยังครับ ว่า ได้ผลในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขนาดไหน อย่างที่ผมบอกไปเสมอว่าตัวชี้วัดสำคัญอย่างหนึ่ง คือ การตัดวงจรคนที่ทำงานพวกนั้นน่าจะเห็นชัดสุด เพราะเรารู้กันดีว่าในเมืองสแกมเมอร์เหล่านั้น มีคนมาทำงานอยู่จริง แต่น่าจะมีแค่รัฐบาลไทยที่ไม่รู้ เพราะไม่เคยเห็นรัฐมนตรีคนไทยมาลงพื้นที่จริง มาดูให้เห็นกับตาว่า เมืองสแกมเมอร์ที่คนทั้งโลกรู้จักนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร

“สุดท้ายการทำขึงขังว่าตัดไฟฟ้า ตัดน้ำมัน ตัดเน็ต ไปยังเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ก็อาจเป็นแค่การแสดงเอาใจจีน ก่อนที่นายกฯ แพทองธาร เดินทางไปพบนายสี จิ้นผิง ของจีน อย่างที่ผมเคยบอกไป เพราะผ่านมาถึงวันนี้ หน้าที่ที่รัฐบาลไทยต้องทำ คือต้องเตรียมรับมือคนที่อยู่ในขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ไม่ว่าจะเต็มใจมาทำงาน หรือเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ รัฐบาลไทยยังต้องให้นายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีจีน มาชี้นิ้วสั่ง แถมยังข้ามแดนไปมาอย่างตามใจชอบไปเตรียมการกับเมียนมา โดยที่รัฐบาลไทยยังหลับหูหลับตา รอคุยกับชาติอื่นๆ”

นายกัณวีร์ กล่าวว่า ชีวิตคน ชีวิตเพื่อนมนุษย์ ถูกทำร้ายร่างกาย ถูกทรมานจากขบวนการอาชญากรรมที่เลวร้ายนี้ ถ้าเป็นลูกหรือครอบครัวเรา จะทนกันไหวไหมที่จะให้อยู่ในสถานที่ที่มีมาเฟียมาทำร้ายร่างกายตัวเอง บังคับให้ทำงาน แม้ว่าตอนนี้กองกำลังชาติพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น BGF หรือ DKBA จะช่วยเหลือมาแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่า กระบวนการในการส่งตัวล่าช้า

“ถ้าไม่นับชุดใหญ่ 260 คน ที่ผมขอชื่นชมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่กล้าหาญรับคนเหล่านั้นมาจากกองกำลัง DKBA เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 68 ที่บ้านช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก เป็นภารกิจมนุษยธรรมไร้พรมแดน ที่ควรได้เสียงปรบมือ แต่กลับกลายเป็นคำตำหนิจากรัฐบาล”

นายกัณวีร์ กล่าวย้ำว่า เราไม่มีเวลามาโทษกัน ถ้าเรามีสำนึกของความเป็นมนุษย์ และนี่ก็ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว ที่รัฐบาลไทยกดดันให้มีการปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ ไม่ว่ากลุ่มชาติพันธุ์เขาจะเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่เมื่อเขาให้ความร่วมมือปราบปราม รัฐบาลไทยก็ควรต้องเตรียมรับมือในการรับคนจำนวนมากเหล่านั้น ช่วยให้เขาได้กลับประเทศของเขาโดยเร็ว

“ล่าสุด ผมได้รับรายชื่อชาวต่างชาติ 317 คน จากทางกองกำลัง DKBA ว่า ขณะนี้พวกเขาได้ช่วยเหลือชาวต่างชาติมาได้เพิ่ม อยู่ในที่ที่ปลอดภัย และดูแลมา 5-6 วันแล้ว แต่ด้วยขั้นตอนที่ต้องส่งตัวให้รัฐบาลเมียนมา เพื่อส่งให้ไทย ทำให้กระบวนการล่าช้า ยังไม่รู้กำหนดว่าพวกเขาจะได้กลับบ้านเมื่อไหร่ ทำให้กองกำลัง DKBA ไม่ได้ไปรวบรวมคนจากบริษัทสแกมเมอร์มาเพิ่ม เพราะดูแลไม่ไหว”

นายกัณวีร์ เปิดเผยว่า พวกเขาบอกผ่านมาทางตน ว่า ถ้าจะให้นำคนทั้งหมดไปส่งที่เมียวดี ก็ลำบากเรื่องการขนส่ง ไม่มีรถจะส่งคนมากขนาดนั้น แถมหากทำการเคลื่อนย้ายคนเยอะขนาดนั้นไปเมียวดี จะต้องผ่านพื้นที่บางพื้นที่ที่ยังมีการเผชิญหน้ากันของกองกำลังที่อาจมีอันตรายได้ ดังนั้น สถานที่ที่อยู่ในพื้นที่ DKBA ก็ปลอดภัยดี การส่งผ่านช่องทางบ้านช่องแคบแบบเดิมสะดวกที่สุด และขณะนี้หลายประเทศก็ติดต่อมาว่าอยากรับคนของตัวเองแล้ว แต่ติดตรงขั้นตอนพิธีการของรัฐบาลไทยและเมียนมา

“ถ้าหากยืดเยื้อและล่าช้าแบบนี้ พวกเขาก็อาจจะดูแลต่อไม่ได้ หรือไม่ก็ควบคุมสถานการณ์อะไรไม่ได้ หากคนพวกนั้นหลบหนี หรือจำเป็นต้องปล่อยตัวไป ก็เสียประโยชน์เปล่าที่ช่วยเหลือกันมา และทราบข่าวมาว่า ทาง BGF ก็กำลังประสบปัญหาเดียวกัน และน่าจะหนักกว่าเพราะมีคนหลายพันคน”

นายกัณวีร์ กล่าวด้วยว่า สิ่งที่ย้อนแย้งอย่างมาก กับการที่ไทยจะให้แต่ละประเทศรับคนกลับไปเองที่สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2 จะไม่มีที่พักให้ ซึ่งต้องถามว่าจะเอาคนเหล่านั้นเข้ากลไกการส่งต่อระดับชาติ NRM เพื่อคัดกรองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์หรือไม่

“มันดูลักลั่น ย้อนแย้งไปหมด เหมือนรัฐบาลนี้ไม่มีนโยบายอะไร แค่ปัดให้พ้นตัว ไม่อยากยอมรับว่าคนเหล่านี้ผ่านทางประเทศไทย ไม่อยากยอมรับว่าคนเหล่านี้ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ เพราะคนไทยไปเกี่ยวข้องในการรับส่ง เพราะเจ้าหน้าที่รัฐปล่อยปละละเลยให้คนข้ามแดน เหมือนอย่างที่ หม่อง ชิตตู่ ปรามาสกลับมาว่า คนพวกนั้นไม่ได้ตกมาจากฟ้า ฮ่าๆๆ ก็น่าอับอายจริงๆ”

นายกัณวีร์ กล่าวว่า ตนยังรอการตัดสินใจที่เด็ดขาดจากรัฐบาลไทย ที่เวลานี้เป็นโอกาสสำคัญที่ไทยจะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเป็นผู้นำปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเป็นผู้นำด้านมนุษยธรรม ในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์นับหมื่นคน

“อย่าเอาแต่ทำการทูตแบบเงียบๆ จนผู้ช่วยรัฐมนตรีจีน มาปาดหน้า ทำการทูตแบบโจ่งแจ้ง ข้ามแดนไปมาแม่สอด เมียวดี จนคนไทยคิดว่าเป็นรัฐมนตรีของไทยไปเสียแล้ว”

ล่าสุด นายกัณวีร์ เปิดเผยด้วยว่า เครื่องบินจีน 2 ลำ ถึงแม่สอดเย็นวันนี้ เตรียมรับคนจีนพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับจีนวันพรุ่งนี้
“จบกัน การบังคับใช้กฎหมายไทยต่อคนทำผิดที่ใช้ไทยเป็นที่นำพาและเจตนาค้ามนุษย์ ข้อมูลที่จะมาปราบเครือข่ายไทยดำ-เทาก็ปลิว” นายกัณวีร์ กล่าวย้ำ

ที่มา : MgrOnline