(ชมคลิป) เพิ่มมูลค่าให้ "ตาลโตนด" เมืองเพชรสร้างการรู้จักเพื่อไปไกลได้มากกว่า "ทำไมต้องเป็นแปดอัฐ"?

เผยแพร่ : 19 ก.พ. 2568 10:02:53
X
• เน้นไม่ทำลายสุขภาพผู้บริโภค
• ช่วยเหลือเกษตรกรไทย
• ส่งเสริมสินค้าไทยสู่ตลาดโลก (Local to Global)

ธุรกิจนี้เราก็คิดตั้งแต่แรกแล้วว่าหนึ่งต้องไม่ทำให้สุขภาพของคนเสียมากขึ้น แล้วเราอยากช่วยเหลือเกษตรกรไทยพี่ ๆ เกษตรกรไทยเราทำอะไรได้บ้าง และสามเราอยากที่จะให้ทุกคนได้รู้อยากเอา Local to Global อยากให้ชาวต่างชาติเขาได้เห็น
จากน้ำตาลโตนดเมืองเพชรแท้ ๆ
มันคือน้ำจากช่อ “งวงตาล” ที่ต้องมีคนปีนขึ้นไปต้องไปปาดตาลกว่าจะได้มา แต่ละหยดแต่ละขีดเนี่ยมันยากมาก ๆ ซึ่งนี่คือที่มาของแรงบันดาลใจหลังจากที่ได้ไปเห็น “นางสาวธนธร ศิระพัฒน์” หรือคุณแองจี้ เจ้าของคาเฟ่น้ำตาลโตนดเมืองเพชรที่มีชื่อแบรนด์สุดเก๋ว่า “๘ อัฐ” โดยร้านจะอยู่ในห้าง World Department Store สุดหรูหราตั้งใจกลางกรุงเทพมหานครอย่าง สยามพารากอน ที่คุณแองจี้บอกว่าเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะที่เป็นชาวต่างชาติได้มากขึ้นด้วย “จริง ๆ แล้วแองจี้ก็เรียนจบจากคณะการแพทย์แผนจีนที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน แล้วก็ช่วงที่กลับมาเป็นช่วงโควิดฯ คือก่อนโควิดนิดหนึ่งช่วงนั้นเนี่ยเรากลับมาไทยเราก็ ฝึกงานยังไม่ได้ไปออกหน่วยทำอะไรก็ยังไม่ได้เพราะว่ายังไม่มีใบประกอบฯ ก็เลยคิดว่าถ้าอย่างนั้นเราลงไปจอยกับกลุ่มเครือข่ายเยาวชนดู ตอนนั้นก็เลยได้ไปจอยกับเครือข่ายเยาวชนรักบ้านเกิดค่ะแล้วก็ได้มีไปลงพื้นที่ ที่จ.เพชรบุรี” ตอนนั้นแองจี้ก็เลยคิดว่าอยากลองไปดูว่าจริง ๆ แล้วที่บ้านเรามีอะไรดี ๆ บ้าง ก็ได้ไปเจอของดีประจำจังหวัดเพชรบุรีก็คือ “ตาลโตนด” วันที่ไปแองจี้แบกกับความคิดเลยว่า น้ำตาลสดต้องเป็นน้ำตาลเอามาต้มหรืออะไรสักอย่าง ต้องมีใส่น้ำตาลลงไปแน่ ๆ แต่วันหนึ่งที่ได้เข้าไปเราก็ได้ไปเห็นจริง ๆ ว่า “ตาลโตนดแท้” มันไม่ใช่น้ำตาลนะมันคือ น้ำช่องวงตาล ที่ต้องมีคนปีนขึ้นไปต้องไปปาดตาล แล้วอีกอย่างหนึ่งตอนนั้นแองจี้กลับบ้านมาแองจี้มีน้องชายที่อายุห่างกัน10 ปีน้องชายก็พูดว่า “อะไรคือตาลโตนด?” อะไรคือต้นตาลไม่รู้จักแล้ว ทั้ง ๆ ที่อายุเราก็ไม่ได้ต่างกันมากขนาดนั้น แต่ทำไมรุ่นใหม่ไม่รู้จักแล้ว ก็เลยเก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้“จนมาวันนี้พอหลังจากช่วงโควิดฯมาก็รู้สึกว่าอยากจะสร้างอะไรสักอย่างหนึ่ง นอกเหนือจากการเป็นหมอด้วยก็เลยอยากที่จะลองทำธุรกิจ” ก่อนหน้านี้ก่อนที่จะมาทำร้านแปดอัฐเราเคยได้มีประสบการณ์ ในการทำเครื่องดื่มมาบ้าง โดยเป็นลักษณะของการเป็นพาร์ทเนอร์แฟรนไชส์มาก่อน ซึ่งพอถึงวันหนึ่งที่หมดสัญญากันแล้วเราคิดว่าเราอยากที่จะสร้างอะไรเป็นของตัวเองบ้าง และเพื่อตอบโจทย์สิ่งที่เราอยากทำจริง ๆ ก็คือการช่วยเหลือเกษตรกรไทยจริง ๆ อยากที่จะนำเสนอสิ่งดี ๆ ให้กับทั้งตัวเรา ทั้งคนไทยทั้งเด็กรุ่นใหม่ แล้วก็ไปจนถึงในสายตาของชาวต่างชาติด้วย “ดังนั้นเราก็เลยคิดว่าเราอยากจะสร้างแบรนด์นี้ขึ้นมาแล้ว เราก็ค่อนข้างพิถีพิถันมาก ๆ จากตั้งแต่เรื่องของชื่อร้านแล้วหลังจากนั้น ทุก ๆ เมนูเราก็มีความพิถีพิถันทุกอย่างตั้งแต่การเลือก ผลไม้จากเกษตรกรไทย 100% เลือกใช้น้ำตาลสดจากตาลโตนดแท้100% ของร้านเรากิมมิคเลยจะเป็น
“สีเหลืองทอง” เพราะของเราจะเป็นบริสุทธิ์แท้ 100% เป็นออร์แกนิค ไม่แต่งกลิ่น ไม่เจือสี ไม่ใส่วัตถุกันเสีย”
เราอยากจะนำเสนอความเป็นออร์แกนิคเพื่อสุขภาพจริง ๆ ไม่ใส่น้ำตาลลงไปจริง ๆ แล้วแต่ละเมนูของเราก็จะมี Inspirations ที่แตกต่างกันออกไป
สู่การตีความใหม่ของขนมหม้อแกงที่เปลี่ยนไปเป็นในรูปแบบของ หม้อแกงชีสเค้ก
ทำไมต้องเป็น “๘ อัฐ” สร้างความอยากรู้จักสิ่งนี้มีที่มาคืออะไร?
วันแรกเราคิดว่าเราอยากให้มันเป็น infinity (∞) ให้ไม่มีที่สิ้นสุด แต่จะเป็นอินฟินิตี้ ชื่อมันซ้ำกับคนอื่นเยอะไปแล้ว เราอยากที่จะนำเสนอความเป็นไทยแล้วทำไม เราไม่ใช้เลขแปดของบ้านเราที่เป็นแปดไทย (๘) โลโก้ของร้านจะเป็นเลขแปดไทย และก็ “อัฐ” แปลว่า เงิน ที่หลาย ๆ คนอาจจะทราบกันอยู่แล้ว“แล้วจริง ๆ ในสมัยโบราณเนี่ยคำว่า อัฐ แปลว่า เลขแปด ด้วย เราก็มองว่า “๘ อัฐ” เป็นเหมือนชื่อที่จะเป็นถ้ามีความหมายให้ดีก็ รวยไม่มีที่สิ้นสุด มีเงินไม่มีที่สิ้นสุด แล้วเราก็รู้สึกว่าเออมันเป็นชื่อที่เวลาเราพูดกับใคร คนก็จะมีคำถามว่า ห้ะ! อะไรนะคะ? (หัวเราะ) เรารู้สึกว่าเราสามารถที่จะสร้าง bonding กับหรือว่าสร้างอะไรเพิ่มเติมในการพูดคุยกับลูกค้าเราต่อไปได้ ก็เลยออกมาเป็น “ชื่อ” ของชื่อร้าน”
รสใหม่ล่าสุดที่กำลังได้รับความสนใจมาก ๆ
เพิ่มมูลค่าได้จากรูปลักษณ์ใหม่ของสินค้าที่เปลี่ยนไป หม้อแกงชีสเค้ก จากไซซ์บรรจุเล็ก ๆ แบบนี้ 4 รสชาติซื้อยกชุดราคาดีสุด ๆ แบงค์เทาไม่มีการทอนด้วย!
การตีความใหม่ของขนมหม้อแกงเมืองเพชร สู่ “หม้อแกงชีสเค้ก” เจ้าแรกในไทย!
ขนมที่ร้านจะมีตั้งแต่ เผือกกรอบ กล้วยกรอบ มีทั้งไอศกรีม ทั้งหมดคือจะไม่มีน้ำตาลทรายเลย! แล้วก็เป็นแฮนด์เมคด้วยสำหรับเผือกกรอบ กล้วยกรอบเป็นการอุดหนุนวิสาหกิจชุมชน และตัวไฮไลท์ของที่ร้านเลยก็คือ “หม้อแกง” ของเราจะเป็นหม้อแกงชีสเค้กน้ำตาลโตนด เป็นเจ้าแรกในไทย ซึ่งตรงนี้เรายังยึดในเรื่องของการไม่ใส่น้ำตาลทรายลงไปอยู่ ความหวานทั้งหมดจะมาจาก “ตาลโตนด” แท้ 100% ไม่แต่งกลิ่น ไม่เจือสีสังเคราะห์“จริง ๆ อาจจะด้วยว่ารูปแบบของการอยู่ทำร้านนี้ด้วยตั้งแต่ตอนแรก คือแองจี้ทำร้านนี้กับ “คุณน้า” ค่ะ ด้วยเรามีวัยที่ค่อนข้างต่างกันเยอะเหมือนกัน แล้วแองจี้ก็ได้ทำกิจกรรมกับน้อง ๆ เครือข่ายเยาวชนค่อนข้างเยอะในช่วงก่อน เราก็เลยเหมือนมีความ เหมือนเราเป็นตรงกลางเป็นรุ่นตรงกลางระหว่าง น้อง ๆ กับรุ่นใหญ่ พอเรามาอยู่ตรงนี้เราเลยได้เห็นทั้งมุมมองของ พี่ ๆ แล้วก็เด็ก ๆ ด้วย” เราก็เข้าใจเลยว่าพอพูดถึง “หม้อแกง” คือถ้าเป็นคนรุ่นใหม่เขาก็จะบอกเลยว่า ไม่เอา ไม่ได้ มันหวาน! ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เราเห็นมานานมาก เป็นถาดรูปทรงสี่เหลี่ยมหรืออะไรก็ตาม แต่ว่าก็อาจจะมีกลุ่มคนบางกลุ่มคนที่เขายังชอบในรูปแบบนี้อยู่ เราก็เลยลองคิดในมุมแบบใหม่ว่า ถ้าเราทำยังไงให้มันมากกว่า ให้มันมากกว่าเท่านี้ได้ ทำยังไงให้มันเปลี่ยนรูปแบบ ให้คนรู้สึกแบบว้าว! เอออันนี้คืออะไรไม่เคยเห็นมาก่อนเลย “แล้วพอได้คุยทั้งกับคุณน้า คุยกับน้อง คุยกับหลาย ๆ คนเนี่ยเราก็เลยคิดว่า เราเปลี่ยนแพคเก็จจิ้งแล้ว ข้างในเราจะทำยังไงให้มันพิเศษมากกว่าเดิม” ของเดิมคือเราดีอยู่แล้วทำยังไงให้เขาพิเศษมากกว่านี้ เราก็เลยลองจับคู่กับ “ชีสเค้ก” ไหมลองดู? แบบไหนดี ชีสตัวไหนดี แบบไหนที่จะไม่เป็นกลิ่นที่ทำให้เลี่ยนจนเกินไป “แล้วถ้าตัดน้ำตาลออกไป จะทำออกมาได้ไหม เราก็พยายามจน Develop ออกมาได้เป็นตัวหม้อแกงตรงนี้ออกมา”ถามว่ามันใช้เวลานานมากแต่เราเลือกที่จะ ใช้เวลาในการที่จะดีเวลลอปสูตร ผ่านขอ “อย.” ให้ทุกอย่างผ่านมาตรฐานให้เรียบร้อยก่อนที่เราจะมาตั้งร้าน
โตนดหมากหนุน ซึ่งเป็นหนึ่งในซีรีย์ของเมนูโตนดลูกไม้
เพราะเราพยายามที่จะบอกกับทุก ๆ คนว่าเราตั้งใจกับทุก ๆ อย่างนี้จริง ๆ จนมันออกมาได้เป็นตัวโปรดักส์ตัวนี้ รสชาติตอนนี้มี
4 รสชาติก็คือทั้งหมดนี้จะไม่มีการแต่งกลิ่นลงไปเลย ไม่ใส่สีด้วย ก็จะมีทั้ง รสถั่วทอง รสเผือก รสฟักทอง และก็มีรสทุเรียนหมอนทองซึ่งตัวนี้เป็นรสชาติที่ออกมาใหม่ แล้วก็มีคนสนใจค่อนข้างเยอะเพราะว่ารสทุเรียนของเราใช้ “เนื้อทุเรียน” จริง ๆ ใส่ลงไปไม่ได้เป็นกลิ่นทุเรียน แต่เราใช้กลิ่นของเนื้อทุเรียนจริง ๆ มาทำตรงนี้“ซึ่งตรงนี้เราก็จะตอบโจทย์ได้ทั้งคนรุ่นใหม่ที่ อะไรคือขนมหม้อแกง มันคืออะไรคะ? คุณพ่อคุณแม่ไม่รู้จัก ตัวนี้มันเลยเป็นสิ่งที่เราสามารถเหมือนเป็นการเปิดประตูใจ ให้กับคนใหม่ ๆ คนรุ่นใหม่ที่ ชีสเค้กได้สิ! ลองดูหน่อย” แล้วพอคนได้ลองแล้วเขาก็จะรู้สึกว่า อุ๊ย! เอ้อ! มันอร่อยจริง ๆ นะของบ้านเรา แล้วความหอมของตาลโตนดเขาจะชูขึ้นมาเอง โดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปพยายามที่จะบอกทุกคนบนโลกใบนี้ ทุกคนเขารับรู้ได้หลังจากที่เขาได้ลองทานแล้วจริง ๆ
อีกเมนูหนึ่งในโตนดปักขวด
เมนูเครื่องดื่มที่มีกิมมิคชวนตื่นตา! ใครจะคิดว่าตาลโตนดก็ทำซอฟท์เสิร์ฟได้
ตอนแรก ๆ ก็ยังตอบโจทย์ตัวเองได้ไม่ชัดว่ากลุ่มเป้าหมายเราเป็นใคร จนเราได้ออกไปสักพักหนึ่งแล้วถึงได้เข้าใจว่าโอเคกลุ่มเป้าหมายเราเริ่มมาแล้ว ตัวแรกจะเป็นซีรีย์ “โตนดลูกไม้”เราจะเป็นการนำเครื่องดื่มที่เป็นตาลโตนด X ผลไม้ไทย แล้วก็ด้านบนจะมีเป็นเนื้อผลไม้สดซึ่งตรงนี้จะเจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติค่อนข้างเยอะลูกค้าต่างชาติจะชอบเยอะเพราะว่าจะมีทั้ง ข้าวเหนียวหมากม่วง ซึ่งเราใช้คำว่า “หมากม่วง” คือเราพยายามที่จะให้ทุกเมนูเป็นภาษาโบราณแต่เรามาผสมมีการมิกซ์กันระหว่าง คำโบราณกับ สีที่เป็นแบบมินิมอล ๆ ซึ่งเราก็อยากที่จะให้มีความแปลกใหม่ด้วยหรือว่า โตนดมะกาใส่บ๊วย(มะกาก็คือเป็นฝรั่ง) หรือว่าเป็นโตนดหมากกล้วย โตนดหมากหนุน เป็นต้น ถัดมาคือ “โตนดปักขวด”มาจากว่าเราอยากที่จะตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าคือเป็นวัยรุ่น “อยากถ่ายรูป มีกิมมิคดีจังเลย” และก็ยังไม่เคยรู้จักว่า คำว่าน้ำตาลสดหรือตาลโตนดมาจากไหน? “เราก็เลยแบ่งเป็น 3 เลเยอร์ให้คุณนะ คุณลองเจาะหลอดลงไปดูนะแล้วคุณจะได้รับรู้ว่าตัวตาลโตนดแท้ 100% น่ะมันหวานธรรมชาติแบบนี้เราไม่ได้ใส่น้ำตาลลงไปจริง ๆ เพราะว่าหลาย ๆ ท่านบางท่านพอมาทานแล้วก็รู้สึกว่ามันหวานน่ะ ไม่ใส่น้ำตาลจริงเหรอ? เขาจะไม่ค่อยเชื่อ นี่ใส่น้ำตาลหรือเปล่า เราก็จะให้ได้ชิมได้ลองดูว่าเนี่ยของแท้มันเป็นยังไง แล้วเราก็มีการ “คน” แบ่งเป็นเลเยอร์ให้เขาได้มีการเชื่อมกันของทั้งชาหรือว่ามีเมนูอื่น ๆ เข้ามาด้วยทั้ง กาแฟ ชาไทย ชาเขียว แล้วก็จะเป็นตัวองุ่นแดง “โตนดองุ่นแดง” ไม่ได้ใส่นมจะมีความไลท์ ๆ ตัวนี้ก็จะเป็นเมนูที่ขายดีเหมือนกันสำหรับท่านที่ไม่ชอบทานนม” แล้วก็อีกตัวหนึ่ง “โตนดสองหัว” ก็จะแบ่งเป็นเลเยอร์น้ำด้านล่างก็จะเป็น ชา กาแฟ ด้านบนจะเป็นขนมไทย กล้วยกรอบ เผือกกรอบ(เป็นแบบสไลด์บางที่นำมาอบ) ทองม้วน ขนมปังน้ำแดงที่เด็ก ๆ ชอบ

อีกเมนูหนึ่งในโตนดสองหัว
แล้วก็มีกิมมิคอีกคือ “แก้ว” ที่เป็นแก้วกาแฟทานได้ ตัวนี้อาจจะยังไม่ค่อยได้พูดถึงกันก็คือ ตัวแก้วของเราจะทำจากข้าวโอ๊ต(อบแห้งพิเศษ) แก้วของเราจะสามารถใส่กาแฟได้และวางไว้ได้นานประมาณ 30 นาที ซึ่งตัวนี้ก็จะไม่มี waste ที่เกิดขึ้นด้วย แล้วเราก็ยังมี “ไอศกรีม” ด้วยซึ่งจะเป็นไอศกรีมโตนดชาไทย ตัวนี้ไม่ใส่น้ำตาลเลยวันแรกที่ไปทำสูตรคือนั่งมองหน้ากับคนคิดสูตรด้วยกันหนักมาก! ว่าแบบทำยังไงไอศกรีมยังไงที่ไม่ใส่นมข้น ทำยังไง? ไม่ใส่ความหวานลงไป มันทำยังไงดี? อย่างเงี้ยค่ะเราพยายามที่จะดึงความหอมหวานจากตาลโตนดออกมาเพื่อทำเป็นไอศกรีม “ซอฟท์เสิร์ฟ” จริง ๆ ของเราออกมา ก็คราฟท์ใหม่ทั้งหมดเลย”

แก้วกาแฟกินได้
7 เดือนกับ Challenge ใหม่ ๆ ที่ไม่เคยซ้ำ! และโอกาสใหม่ ๆ ที่เริ่มเข้ามา
เป้าหมายเราคืออยากให้ พา Local to Global อยากให้ชาวต่างชาติได้เห็น อยากให้คนได้เห็นว่าของไทยเรามันดีมาก ๆ จริง ๆ นะ ดังนั้นเราก็เลยเลือกที่ตั้งทำเลที่เป็นเหมือนจุดศูนย์กลางของการที่มีนักท่องเที่ยวซึ่งเดินทางมา ได้มีคนเห็นได้มีคนผ่านได้มีคนเจอได้เยอะขึ้น“เราก็เลยมาเลือกทำเลที่เป็น “ใจกลาง” ก็คือสยามพารากอนซึ่งเป็น world department store ที่แบบว่ามีคนรู้จักทุกคนมาก็อยากมาพารากอน ทุกคนมาก็อยากลองมาที่นี่เราก็เลยงั้น เราลองมาลงที่นี่แล้วกัน” ประมาณเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วจนมาถึงตอนนี้ ยังไม่ถึงยังไม่ครบปีดีแต่ถามว่ากระแสตอบรับก็ ดีขึ้นเรื่อย ๆ มี Challenge ใหม่ ๆ เกิดขึ้นในทุก ๆ วัน ให้สนุกในทุก ๆ วัน“ก็หลัก ๆ จะเป็นเรื่องของการสร้าง “ให้คนรู้” ว่าตาลโตนดมันคืออะไร คือด้วยความที่ว่าเรามาจับสินค้าที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก จริง ๆ เราทำอย่างอื่นได้เยอะมากที่คนรู้จักอยู่แล้ว well know อยู่แล้วแต่สิ่งที่เราเลือกทำคือเลือกทำตาลโตนด ที่โอเคจะมีกลุ่มหนึ่งที่เขาชอบอยู่แต่ก็จะมีอีกกลุ่มหลายกลุ่มมากที่ไม่รู้จัก อย่างเช่นที่มาที่หน้าร้านแทบจะ 90% ที่เป็นชาวต่างชาติไม่เข้าใจว่าอะไรคือ palm sugar juice อะไร? นี่คืออะไร? เราเลยต้องเหมือนเป็น Challenge ของเราว่าถ้าเราเลือกมาทางนี้แล้ว เราต้องตั้งใจกับการที่จะสร้างให้คนได้รู้ว่า ตาลโตนดคืออะไร”
ซอฟทฺฺเสิร์ฟตาลโตนดชาไทย
ชาเลนจ์ที่สองคือพอเปิดร้านแล้ว “พารากอน” ปิดปรับปรุงครึ่งหนึ่ง! แล้วคนก็หายไปด้วย จากวันแรกช่วงแรก ๆ ที่เราเปิดร้านมีลูกค้ามาเยอะมากทุกคนตื่นเต้นว่านี่คืออะไร พอเดินขึ้นมาเจอกับร้าน“สถานที่ปิดปรับปรุงแต่เข้าใจได้ว่าเขาก็ต้องมีการรีโนเวตเพื่อให้มันดีขึ้น แต่พอปิดปรับปรุงแล้วเนี่ยลูกค้าเราก็หายไปเราก็ต้องดิ้นต่อว่าแล้ว เราจะทำยังไงดีลูกค้าหายเราจะนั่งอยู่กับที่ไม่ได้แล้ว เราต้องเปลี่ยนแล้ว ก็เลยไปในช่องทาง “ออนไลน์” ไปส่งทางทั้งร้านคาเฟ่ก็มี เราโชคดีว่าพอผลการตอบรับค่อนข้างดีพอออนไลน์ก็จะมีออร์เดอเข้ามาเรื่อย ๆ หลังจากที่เราได้รอนซ์ออนไลน์ออกไปแล้ว ส่งร้านคาเฟ่ คาเฟ่ก็ติดต่อมาเรื่อย ๆ มียอดขายในทุก ๆ เดือน ที่เป็นยอดค่อนข้างใหญ่พอสมควรที่เขาจะรับไปทุก ๆ เดือน” มีติดต่อมาตอนนี้เรามีรับทำในลักษณะของมีชื่อแบรนด์สินค้าให้กับลูกค้าที่สนใจด้วยลักษณะก็คือเป็น OEM ก็คือเป็น collab กันเป็นการคอแล็บแบรนด์กัน“พี่ ๆ อยากทำอะไรเป็นร้านอาหารก็ได้ เราสามารถทำเป็นโลโก้ให้เป็น ร้านอาหาร X แปดอัฐ (๘ อัฐอยู่ข้างล่าง) ได้ค่ะ ซึ่งเราก็อยากที่จะให้ทุกคนได้เห็นว่ามัน ของมันดีจริง ๆ นะ พอของออกไปค่ะกระแสตอบรับค่อนข้างดี ตอนนี้เราก็สามารถอยู่ได้ในตัวของตรงนี้”แล้วอย่างสุดท้ายที่เราพยายามที่จะทำก็คือ การออกบูธ ออกร้าน เพราะคนไม่รู้จักเราต้องเอาตัวเราไปให้คนรู้จัก ทำยังไงให้คนรู้จักได้บ้าง เราก็ต้องออกไปให้คนเห็นบ่อย ๆ ตอนนี้ก็ออกบูธประมาณเดือนละ2 ครั้ง เพื่อให้คนได้มองเห็นเราในแต่ละที่ ในแต่ละกลุ่มลูกค้าด้วย

จับมือร่วมพัฒนาไปด้วยกัน ไปได้ไกลกว่า
คุณแองจี้-นางสาวธนธร ศิระพัฒน์ เจ้าของแบรนด์ “๘ อัฐ” เล่าให้ฟังด้วยว่าร้านเพิ่งจะได้รับรางวัล SME Soft Power Star ของทาง สสว. มา โดยเราจะต้องไปอบรมก่อนซึ่งทาง สสว.เปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการ หรือเกษตรกร ที่เป็นรายย่อยต่าง ๆ ทุกคนสามารถเข้าไปอบรมได้ไม่มีค่าใช้จ่าย แล้วก็เขาก็จะช่วยจับมือในการที่จะสร้าง “แบรนด์” ทำแบรนด์ยังไง ขอเอกสารตรงไหนยังไง เหมือนเรามีเพื่อนคู่คิดมีคนช่วยคิด มีคนช่วยนำทางเราไปด้วย“หลังจากที่เราเข้าในโครงการนี้แล้วค่ะ เขาก็จะมีการคัดเลือกเหมือนผลผลิตที่เป็นต้นแบบของทาง สสว. ใช่ค่ะ ของทางแปดอัฐเราก็ได้รางวัลมาเพราะว่า เขาก็มองเห็นว่าเป็นSoft power ของบ้านเราได้เพราะเรามีการนำมา เขาเรียกเหมือนมา collab กันทั้งตัวของรุ่นใหม่ รุ่นเก่า มีการนำของจากของที่เป็นคนรู้จักมากอยู่แล้ว well know อยู่แล้วมาผสมผสานกับของที่เป็น Thai traditional เข้ามา ก็จะได้เป็นตัวของหม้อแกงชีสเค้กน้ำตาลโตนดที่ได้ไป สุดท้ายก็เลยได้รางวัลมา”แล้วก็มีคนรู้จักเยอะมากขึ้นหลังจากที่ได้รับรางวัลแล้ว ก็ต้องขอบคุณทาง สสว. มาก ๆ จริง ๆ ที่ได้มีการจัดกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ทำให้ “๘ อัฐ” ของเรามีคนได้เห็นมากขึ้น“เพราะว่าเหมือนเดิมเลยค่ะพอพูดว่าร้าน ๘ อัฐ ทุกคนก็จะ ห้ะ! อะไรคือแปดอัฐเหรอ? แปดอัฐคืออะไร เราก็จะได้มีเวลาที่จะอธิบายเขามากขึ้นว่า เราคือใครแล้วเราทำอะไรอยู่ แล้วเป้าหมายของเราคืออะไรจริง ๆ”

ตอนนี้ที่มองเอาไว้อาจจะยังไม่ได้เป็นในเรื่องของแฟรนไชส์ เรามองว่าเรามันยากมากกับการควบคุม “คุณภาพ” ให้ได้เหมือนเราได้ควบคุมเอง ดังนั้นเลยคิดว่าถ้าเราไม่มั่นใจจริง ๆ เราคงไม่กล้าที่จะส่งสิ่งนี้ไปให้คนอื่นเพราะเรายังไม่รู้กันว่าคุณมีแนวคิดยังไง เหมือนเราไหม คือถามว่าการทำธุรกิจแองจี้มองว่าเราสามารถมีไดเรคชันในการทำธุรกิจเหมือนกันได้ แต่เรื่องของ “ใจ” เรื่องของ Passion มันอาจจะไม่เหมือนกัน “ดังนั้นตอนนี้เราก็เลยคิดว่าเราอาจจะ ยังไม่ได้ไปถึงในจุดนั้นแต่ฝั่งที่เรามอง Focus มากที่สุดคือเรื่องของการ ทำอย่างไรให้สินค้าของเรามีคนรู้จักมากขึ้นไปอีก ตอนนี้ก็มีการเตรียมตัวที่จะ อาจจะไปที่ต่างประเทศบ้าง อย่างเงี้ยค่ะใช่ที่จะส่งสินค้าของเราไปต่างประเทศ ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ในช่วงของระหว่างการติดต่อพูดคุยกันว่าจะเป็นในรูปแบบลักษณะแบบไหนแล้วก็ มีทางหลาย ๆ หน่วยงานที่ให้การสนับสนุนติดต่อเข้ามาแล้วก็เข้ามาพูดคุยกัน ซึ่งจริง ๆ ตอนนี้ก็ต้องขอบคุณทุกคนมาก ๆ ที่ให้ความสนใจและก็เข้ามาพูดคุยกันว่าเรามี Passion ในการทำสิ่งนี้จริง ๆ” เราคุยกันได้หรืออาจจะเป็นลักษณะของ collab ระหว่างแบรนด์กันไปก่อนก็ได้แล้วในอนาคต หรืออยากจะรับสินค้าของเราไปลงพื้นที่ในที่ไหน หรืออยากมาจับมือร่วมกันทำรสชาติใหม่ ๆ ทำอะไรใหม่ ๆ อาจจะมีใครมีไอเดียอะไร คุณอยากทำอะไรเรามานั่งคุยกัน เผื่อว่าเราจะได้มีอะไรออกมาใหม่ ๆ เพิ่มเติมหรือว่า อยากเอาเราไปไหนอยากทำอะไร แองจี้มองว่าสุดท้ายแล้วมันเหมือนว่าเราลองเปิดโอกาสให้กันและกันได้มาพูดคุยกัน ซึ่งมองว่าถ้าเราไม่ได้เริ่มเปิดตั้งแต่ตอนนี้เราคงไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้ว มันจะไปในทิศทางไหนได้บ้าง ตอนนี้ก็ถือว่าถ้าใครสนใจก็มาพูดคุยกันได้ยินดีมาก ๆ ด้วย

จากน้ำตาลโตนดเมืองเพชรแท้ยกมาขึ้นห้างฯ สร้างการรู้จักเพื่อไปไกลได้มากกว่า ทำไมต้องเป็นแปดอัฐ?ขอบคุณแรงบันดาลใจดี ๆ และไอเดียธุรกิจที่น่าสนใจมาก ๆ จากนักธุรกิจ(คนรุ่นใหม่) ที่ช่วยในการเชื่อมประสานระหว่าง “การรู้จัก” จากคนรุ่นก่อนสู่การตีความใหม่ ๆ เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับคนรุ่นใหม่ได้อย่างไม่ยากในการเปิดใจรับ “ตาลโตนด” และยังมีอีกหลาย ๆ อย่างในบ้านเราที่เป็นของดี ๆ ซึ่งรอการส่งต่อเพื่อการไปต่อได้อีกไกล ๆ ในพาร์ทของคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาช่วยกันขับเคลื่อนต่อไป..

สามารถติดตามผลงานหรือแวะไปสัมผัสประสบการณ์สุดว้าวจากเมนู “ตาลโตนด” ที่ร้าน ๘ อัฐ@ สยามพารากอน ชั้น4 โซนFood Passage หรือติดต่อได้ที่FB : PAAD ATT - แปดอัฐ
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด

ที่มา : MgrOnline