Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าบาทเปิดที่ 33.65 ติดตามฟันด์โฟลว์-ราคาทองคำ
เผยแพร่ : 19 ก.พ. 2568 08:26:47
• ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากวันก่อนหน้า แทบไม่เปลี่ยนแปลง

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (19 ก.พ.) ที่ระดับ 33.65 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 33.68 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.60-33.80 บาท/ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นในลักษณะ Sideways Down (แกว่งตัวในกรอบ 33.61-33.73 บาทต่อดอลลาร์) แม้ว่าเงินดอลลาร์จะมีจังหวะทยอยแข็งค่าขึ้นบ้างในลักษณะ Sideways Up ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มที่รัฐบาลสหรัฐฯ อาจเดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าประเภทรถยนต์ Semiconductor และยา ในช่วงต้นเดือนเมษายน
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังคงได้แรงหนุนจากถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดที่ต่างออกมาสนับสนุนให้เฟดชะลอการลดดอกเบี้ย จนกว่าจะมั่นใจในแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ ขณะเดียวกัน ความไม่แน่นอนของการเจรจาสันติภาพระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย เพื่อยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยืดเยื้อ มีส่วนหนุนเงินดอลลาร์ตามการย่อตัวลงบ้างของเงินยูโร (EUR) ทว่า ความไม่แน่นอนของนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ รวมถึงแนวโน้มการเจรจาเพื่อยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ได้หนุนให้ราคาทองคำ (XAUUSD) สามารถปรับตัวขึ้นสู่โซน 2,930 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรการรีบาวนด์ขึ้นของราคาทองคำ ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวมีส่วนช่วยหนุนเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของอังกฤษ ในเดือนมกราคม เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) โดยล่าสุด หลังรายงานอัตราการเติบโตของค่าจ้าง (Wage Growth) ของอังกฤษที่ยังอยู่ในระดับสูง ได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดโอกาส BOE ลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 3 ครั้ง หรือ 75bps ในปีนี้ เหลือเพียง 15% (หรืออาจกล่าวได้ว่า ตลาดเริ่มมองว่า BOE อาจลดดอกเบี้ยอีกราว 2 ครั้ง)
ส่วนในฝั่งเอเชียแปซิฟิก ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นผลการประชุมธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) โดยบรรดานักวิเคราะห์และผู้เล่นในตลาดต่างประเมินว่า RBNZ อาจลดดอกเบี้ยลง 50bps สู่ระดับ 3.75% ตามแนวโน้มการชะลอตัวลงของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ
และในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานการประชุม FOMC ล่าสุดของเฟด (FOMC Meeting Minutes) รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่าเงินบาทยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในช่วงคืนที่ผ่านมา ทำให้แม้จะมีแรงกดดันจากการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ โดยรวมเงินบาทอาจยังคงแกว่งตัวในกรอบ Sideways ไปก่อน อย่างไรก็ดี เรามองว่าควรระวังความผันผวนจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำที่ยังเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อเงินบาทได้พอสมควร โดยหากราคาทองคำพลิกกลับมาย่อตัวลงต่อเนื่อง เช่น ในกรณีที่ผู้เล่นในตลาดคลายกังวลปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ปัจจัยเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ (จับตาการเจรจายุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน) หรือ แนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาล Trump 2.0 อาจกดดันให้เงินบาททยอยอ่อนค่าลงได้บ้าง
นอกจากนี้ เรามองว่าควรจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ที่แม้จะมีความผันผวนอยู่บ้าง แต่โดยรวมเราประเมินว่า บรรดานักลงทุนต่างชาติอาจทยอยเข้าซื้อสินทรัพย์ไทย อย่างหุ้นไทยได้
ที่มา : MgrOnline