* สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงประทับอยู่โรงพยาบาลกรุงโรมเป็นวันที่ 5 แล้ว * พระองค์ทรงรับประทานอาหารเช้าได้และทรงอ่านหนังสือพิมพ์ได้ * พระองค์ยังคงมีอาการโรคหลอดลมอักเสบ * ยังไม่มีกำหนดการเสด็จออกจากโรงพยาบาล
เอเอฟพี - สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเช้าวันอังคาร (18 ก.พ.) ของการประทับที่โรงพยาบาลกรุงโรมวันที่ 5 นั้นสามารถฉันภัตาหารเช้าและทรงอ่านหนังสือพิมพ์ได้ แต่ทว่ายังไม่มีวี่แววที่จะเสด็จออกจากโรงพยาบาลหลังทรงประชวรโรคหลอดลมอักเสบ

เอเอฟพีรายงานวันอังคาร (18 ก.พ.) ว่า วาติกันสั่งยกเลิกพิธีสุดสัปดาห์หลังจากสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสวัย 88 พรรษาทรงถูกส่งเข้าโรงพยาบาลเจเมลลี (Gemelli hospital) เมื่อวันศุกร์ (14) ด้วยประชวรโรคหลอดลมอักเสบ และวาติกันได้สั่งยกเลิกพิธีสุดสัปดาห์ไป

และความวิตกในหมู่สาธุชนชาวคริสต์มีเพิ่มขึ้นสำนักงานวาติกันออกแถลงการณ์วันจันทร์ (17) ว่า ได้มีการเปลี่ยนการรักษาพระองค์เนื่องมาจากผลวินิจฉัยที่ซับซ้อน

วาติกันในเบื้องต้นดำเนินการสั่งยกเลิกหมายกำหนดการของโป๊ปไปจนถึงวันพุธ (19) แต่ทว่าได้มีการยกเลิกพิธีประจำวันเสาร์ (15) ที่ตามปกติจะมีการสวดร่วมกับสาธุชนและพิธีมิสซาวันอาทิตย์ (16) ได้กำหนดให้พระอีกองค์ทำหน้าที่แทน

เอเอฟพีรายงานว่า สำนักวาติกันไม่ได้เอ่ยถึงการทำพิธีวันอาทิตย์ (16) สุดสัปดาห์ แต่ทว่าในวันนั้นโป๊ปไม่ได้เสด็จร่วม

ในการรายงานสรุปต่อนักข่าวช่วงอาหารกลางวันในวันอังคาร (18) โฆษกวาติกัน มัตเตโอ บรูนี (Matteo Bruni) แถลงว่า สถานการณ์ในการประชวรขององค์สมเด็จพระสันตะปาปานั้นคล้ายกับเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยชี้ว่า โป๊ปฟรานซิสทรงตื่นบรรทมและฉันภัตตาหารเช้าก่อนที่จะทรงให้ความสนใจในการอ่านหนังสือพิมพ์เหมือนที่พระองค์ทรงทำตามปกติ”

และพระองค์หลังจากนั้นจะมีการอัปเดตความคืบหน้าทางการแพทย์ในช่วงเย็น

เอเอฟพีรายงาน โป๊ปถูกส่งเข้าโรงพยาบาลที่กรุงโรมหลังจากทรงประสบปัญหาในการที่ทรงต้องอ่านในพิธีทางสาธารณะเป็นเวลาไม่กี่วัน

บรรดานักแสวงบุญและนักท่องเที่ยวซึ่งมารวมตัวที่จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์เช้าวันอังคาร (18) มีเป็นจำนวนมากกล่าวว่า ได้อธิษฐานขอให้พระองค์ทรงหายจากการประชวร

ทั้งนี้ในวันจันทร์ (17) สำนักงานวาติกันแถลงว่า การค้นพบการติดเชื้อหลายชนิดร่วมกันในท่อทางเดินหายใจเป็นเหตุผลการนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงทางการรักษา ซึ่งทางวาติกันเปิดเผยว่า พระอาการยังคงที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

“สมเด็จพระสันตะปาปายังมีพระอาการทรงตัวโดยไม่มีไข้ และกำลังอยู่ในกระบวนการรักษาจากคณะแพทย์”

ที่มา : MgrOnline