อัยการแนะให้ตรวจสอบชาวต่างชาติทุกประเทศ หลัง“ชาวยิว”ป่วนปาย
เผยแพร่ : 18 ก.พ. 2568 19:07:29
• ตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมายอย่างเหมาะสม: เน้นความสมดุลระหว่างการรักษาบรรยากาศการท่องเที่ยวที่ดีและการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด
• ขยายการตรวจสอบไปยังนักท่องเที่ยวชาติอื่น: ไม่จำกัดเฉพาะชาวอิสราเอล เพื่อความเท่าเทียมและป้องกันเหตุการณ์ซ้ำ
• ทบทวนและปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง: หากพบช่องว่างหรือความไม่เหมาะสม

“อัยการธนกฤต” เผยมาตรการเร่งด่วนเเละข้อกฎหมายที่ควรต้องตรวจสอบหลัง ปรากฎเคส“ยิว”ป่วนปาย ชี้ต้องให้สมดุลด้านบรรยากาศท่องเที่ยวและการบังคับใช้กฎหมายให้มีความเหมาะสม เเนะควรตรวจสอบนักท่องเที่ยวประเทศอื่นด้วย
วันนี้ (18 ก.พ.) ดร.ธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการผู้เชี่ยวชาญ และอาจารย์พิเศษผู้บรรยายวิชากฎหมายวิธีพิจารณาความ และกฎหมายพยานหลักฐาน ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รามคำแหง นิด้า และแม่ฟ้าหลวง ได้ให้ความเห็น กรณี ที่มีชาวบ้านอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้รับความเดือดร้อนจากนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล ความว่า
มาตรการเร่งด่วนในการจัดระเบียบนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลในปาย
ตามที่มีข่าวปรากฏตามสื่อมวลชนและในโซเชียลมีเดียจำนวนมากถึงความเดือดร้อนที่ทั้งชาวบ้าน แพทย์ พยาบาล ผู้ประกอบธุรกิจชาวไทย ในอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้รับความเดือดร้อนจากนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล และเมื่อวันที่ 17ก.พ. 2568 ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มีคำสั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและให้รายงานผลให้ทราบภายใน 7 วันนั้น
การส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยการสร้างบรรยายกาศการท่องเที่ยวที่ดี เป็นมิตร เป็นที่ประทับใจของนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ แต่ถ้าจะละเลยการบังคับใช้กฎหมายเพื่อรักษาบรรยากาศการท่องเที่ยวก็อาจจะนำมาซึ่งความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมืองและส่งผลเสียต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทยในระยะยาวได้
การสร้างความสมดุลของการรักษาบรรยากาศการท่องเที่ยวที่ดีและการบังคับใช้กฎหมายที่มีความเหมาะสม จึงเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นทั้งต่อคนไทยในพื้นที่และต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติทุกประเทศด้วย
ในเรื่องนี้ผมขอให้ความเห็นถึงมาตรการเร่งด่วนที่ควรต้องดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวปาย ดังนี้
1. เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องควรดำเนินการตรวจสอบอย่างจริงจังว่า มีนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล ที่เข้ามาประกอบอาชีพ เป็นเจ้าของธุรกิจ หรือรับจ้างทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตตามที่ชาวปายร้องเรียนจริงหรือไม่
ถ้าหากตรวจพบว่ามีจริง ก็ถือว่าเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 37 (1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจจะเข้ากรณีที่ถือว่ามีพฤติการณ์ที่สมควรถูกเพิกถอนการอยู่ในประเทศไทยได้ตาม พ.ร.บ. คนเข้าเมืองฯ มาตรา 36
รวมทั้งควรตรวจสอบนักท่องเที่ยวของประเทศอื่นในกรณีเดียวกันนี้ไปพร้อมกันด้วย และควรดำเนินการตรวจสอบด้วยว่ามีคนไทยเป็นนอมินีในการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในปายหรือไม่ ถ้าพบว่ามีก็ต้องดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา
2. ควรมีการบังคับใช้กฎหมายกับนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลรวมทั้งนักท่องเที่ยวของชาติอื่นที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ก่อความวุ่นวายเดือดร้อนรำคาญ ให้กับประชาชนในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปก่อความเดือดร้อนในโรงพยาบาล การฝ่าฝืนกฎหมายจราจร การสูบกัญชาในที่สาธารณะ การก่อเสียงดังสร้างความเดือดร้อนรำคาญ เพื่อจัดระเบียบสังคมในปายให้เกิดความสงบเรียบร้อย เป็นเมืองปายที่มีเสน่ห์แห่งความสงบเช่นเดิม
3. เจ้าหน้าที่รัฐควรเข้าตรวจสอบสถานที่ในปายที่ใช้เป็นโบสถ์ของชาวอิสราเอลว่าดำเนินการถูกต้องตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 หรือไม่
หากยังไม่ถูกต้อง ก็ต้องเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้
4. เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องควรตรวจสอบด้วยว่า มีนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลหรือนักท่องเที่ยวชาติอื่น ๆ ที่มีพฤติการณ์ตาม พ.ร.บ. คนเข้าเมืองฯ มาตรา 12 (7) หรือไม่
คือมีพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อสังคม ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยของประชาชน หรือความมั่นคงของประเทศ
ถ้าพบว่ามี ก็ถือว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ที่สมควรถูกเพิกถอนการอยู่ในประเทศไทยได้ตาม พ.ร.บ. คนเข้าเมืองฯ มาตรา 36
ที่มา : MgrOnline