ถึงคิวทุบ DELTA...ข้อหาผลกำไรน่าผิดหวัง / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่ : 18 ก.พ. 2568 14:56:01
X
• บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (DELTA) เป็นบริษัทล่าสุดที่ได้รับผลกระทบจากข่าวร้าย ทำให้ราคาหุ้นถูกขายทิ้งอย่างหนัก
• ข่าวร้ายเกี่ยวกับ DELTA ถูกแจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แล้ว (รายละเอียดข่าวร้ายนั้นไม่ได้ระบุในเนื้อหาที่ให้มา)

หุ้นขนาดใหญ่ มีข่าวร้ายถล่มเป็นรายวัน จนราคาหุ้นดิ่งลงแรง ฉุดดัชนี ฯ หัวทิ่มหัวต่ำ โดยล่าสุด บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศ) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA เป็นหุ้นที่ต้องสังเวยข่าวร้าย ถูกถล่มขายอย่างยับเยิน

DELTA แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์ หลังปิดการซื้อขายหุ้นวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยในไตรมาสที่ 4 มีกำไรสุทธิ 2.15 พันล้านบาท ลดลง 64% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ซึ่งผิดความคาดหมายของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ส่วนกำไรรวมปี 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 18,938.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิ 18,422.53 ล้านบาท

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ส่วนใหญ่มาจะเข้าเยี่ยมชมบริษัทจดทะเบียน พบปะผู้บริหารบริษัท ฯ เพื่อขอข้อมูล ก่อนคาดหมายผลประกอบการ ซึงส่วนใหญ่ตัวเลขประมาณการผลประกอบการจะใกบ้เคียงความจริง

แต่ไม่รู้ว่า ทำไมการคาดการณ์ผลกำไร DELTA จึงผิดพลาดไปมาก นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ถูกป้อนข้อมูลมาผิด ๆ หรือไม่

ผลจากกำไรไตรมาสที่ 4 ที่ต่ำกว่าความคาดหมาย ทำให้หุ้น DELTA ถูกเทขายทันทีตั้งแต่เปิดการซือขายในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ฉุดให้ดัชนี ฯ ทรุดลงตาม ก่อนปิดการซื้อขายที่ราคา 86.50 บาท ลดลง 26.50 บาท บาท มูลค่าซื้อขาย 8,263.18 ล้านบาท และเป็นหุ้นที่มีมูลค่าซื้อชายสูงสุดประจำวัน

ขณะที่หุ้น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ซึ่งได้รับผลกระทบจากบริษัท คิงส์เพาเวอร์ จำกัด เลื่อนการชำระหนี้ และรายได้ส่วนแบ่งผลตอบแทนจากสัมปทานดิวตี้ฟรีพอร์ตลดลง ทำให้คาดว่าผลกำไรบริษัทลดลง ราคายังปรับตัวลงต่อ โดยลดลง 3.75 บาท ปิดที่ 43.25 บาท

ทั้งหุ้น DELTA และหุ้น AOT มีส่วนสำคัญทีฉุดให้ดัชนี ฯ ลดลงแรง เพราะทั้งสองบริษัทเป็นหุ้นขนาดใหญ่ มีน้ำหนักในการคำนวณดัชนี ฯ สูง โดยดัชนี ฯ วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ปิดที่ 1256.48 จุด ลดลง 15.62 จุด มูลค่าซื้อขาย 56,376.50 ล้านบาท

ตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงต่อเนื่องจากต้นปี นอกเหนือจากแรงกดดันจากการขายหน่วยงานทุนของกองทุนหุ้นระยะยาวหรือ LTF แล้ว ยังถูกซ้ำเติมด้วยข่าวร้ายหุ้นขนาดใหญ่รายตัว

เริ่มตั้งแต่หุ้น บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ซึ่งมีปัญหาจากโครงการพลังงานสะอาด หรือ CFP ที่ไม่เสร็จสิ้นตามกำหนด และต้องเพิ่มเงินลงทุนอีกประมาณ 8 หมื่นล้านบาท

หุ้นบริษัท ซีพี แอ๊กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT ซึ่งนำประมาณ 8.4 พันล้านบาท ลงทุนในส่วนหนึ่งของโครงการเดอะ ฟอเรสท์เทียร์ ซึ่งเป็นของกล่มเจียรวนนท์ จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นรายการที่เกี่ยวโยงกัน

ตามมาด้วยหุ้น บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ซึ่งมีข่าวว่า กลุ่มทุนขนาดใหญ่เจรจาร่วมทุนครอบงำกิจการเซเว่น-อีเลฟเว่น จนราคาหุ้นถูกเทขาย

หุ้น AOT ซึ่งถูกเลื่อนการชำระผลตอบแทนส่วนแบ่งรายได้จาก คิงส์เพาเพาเวอร์ กระทบต่อผลกำไร

ขณะที่ DELTA ก่อนหน้าคาดว่า ถูกผลกระทบจากการเก็บภาษี โกลบอล มินิมัมเทค ซึ่งจะทำให้ผลกำไรหดตัวลง จนราคาหุ้นถูกเทขายมาแล้วรอบหนึ่ง ก่อนจะประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ที่น่าผิดหวัง จนถูกถล่มขายอีกระลอก

หุ้นขนาดใหญ่ มีข่าวร้ายที่ไม่คาดหมาย พุ่งเข้ากระทบอย่างต่อเนื่อง เหมือนระบบลูกโซ่ และไม่อาจคาดหมายว่า จะมีหุ้นขนาดใหญ่ตัวใด "หวยออก" ถูกข่าวร้ายกล่มตามมาอีกหรือไม่

อย่างไรก็ตาม สำหรับ DELTA ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นหุ้นที่ราคาสูง เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน โดยค่า พี/อี เรโช เคยพุ่งแตะระดับ 100 เท่า และแม้ปัจจุบัน ค่าพี/อี เรโช จะลดมาระดับประมาณ 50 เท่า แต่ถือว่ายังสูงอยู่

การที่หุ้น DELTA มีมูลค่าซื้อขายที่หนาแน่นตลอดเวลา และราคาสูงมาก เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน ส่วนหนึ่งอาจเกิดจาก เป็นหุ้นที่มีมูลค่าตามราคาตบาดหรือมาร์เก็ตแคปสูงที่สุด มีน้ำหนักในการคำนวณดัชนี ฯ สูงที่สุด โดยทุกการขึ้นลงของราคาหุ้น 1 บาท จะมีผลต่อการขึ้นลงของดัชนี ฯ ประมาณ 1 จุด

DELTA จึงมักถูกใช้เป็นเครื่องมือ ในการชี้นำดัชนี 50 โดยนักลงทุนต่างชาติ ที่ซื้อสัญญาซื้อขายล่วงหน้า SET50 จะใช้ DELTA เป็นตัวลากดัชนี ฯ SET50 เพื่อหวังทำกำไรจากสัญญาซื้อขายล่วงหน้า SET50

DELTA เคยสร้างจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 173.50 บาท ก่อนที่จะปรับตัวลงในรอบนี้ และลงมาประมาณ 50% แล้วจากจุดสูงสุด

แต่ราคาลงมาลึกขนาดนี้ ยังไม่ปลอดภัยนักสำหรับนักเก็งกำไรที่คิดจะซื้อสวน




ที่มา : MgrOnline