สีจิ้นผิงประชุมผู้นำธุรกิจฟื้นความเชื่อมั่น ดึงเอกชนกอบกู้ศก.-สู้ศึกไฮเทคอเมริกา
เผยแพร่ : 18 ก.พ. 2568 14:43:32
• สี จิ้นผิงเรียกประชุมนักธุรกิจชั้นนำ รวมถึงแจ็ค หม่า แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่อภาคเอกชน
• นับเป็นการเปลี่ยนท่าทีหลังจากปักกิ่งเข้มงวดกับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่มา 4 ปี
• การสนับสนุนภาคเอกชนของจีนเป็นสิ่งจำเป็นในการแข่งขันกับสหรัฐฯ
• แสดงให้เห็นว่าจีนจำเป็นต้องพึ่งพาภาคเอกชนเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์

สี จิ้นผิงเรียกประชุมนักธุรกิจแถวหน้าที่รวมถึงแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา ส่งสัญญาณการเปลี่ยนท่าทีจากที่ตามเช็คบิลบรรดาบิ๊กเทคมา 4 ปี และบ่งชี้ว่า ปักกิ่งไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งเสริมบริษัทเอกชนเพื่อแข่งขันกับอเมริกาที่พยายามกีดกันการพัฒนาเทคโนโลยีของจีน
ขณะที่มาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์กำลังซ้ำเติมเศรษฐกิจแดนมังกรที่บอบช้ำอยู่แล้วจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์และการบริโภคซบเซาในประเทศ
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวสุนทรพจน์ระหว่างประชุมกับผู้นำธุรกิจเมื่อวันจันทร์ (17 ก.พ.) ว่า ยุคใหม่และการเดินทางใหม่เปิดกว้างสำหรับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจเอกชนและศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ และตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ผู้ประกอบการเอกชนจะโชว์จุดแข็งของตนเอง
ประมุขแดนมังกรเสริมว่า จีนต้องผสานความคิดเป็นหนึ่งเดียว เสริมสร้างความเชื่อมั่น และส่งเสริมการพัฒนาระบบเศรษฐกิจเอกชนที่เข้มแข็งและมีคุณภาพ สียังพยายามคลายความกังวลโดยบอกว่า ความท้าทายทางการเงินในปัจจุบันเป็นเพียงปัจจัยภายในชั่วคราวจากกระบวนการปฏิรูป
รายงานจากสำนักข่าวซินหัวของทางการจีนระบุว่า สีเรียกร้องให้โฟกัสการแก้ปัญหาการค้างชำระหนี้ของผู้ประกอบการเอกชน เสริมสร้างการกำกับดูแลการบังคับใช้กฎหมาย คุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของผู้ประกอบการเอกชน รวมทั้งส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ขาวสะอาดระหว่างภาครัฐกับธุรกิจ
การประชุมนี้มีขึ้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาษีศุลกากรและการแข่งขันด้านเทคโนโลยีที่รุนแรงขึ้นกับอเมริกาที่ได้รับการตอกย้ำหลังจากเมื่อปลายเดือนมกราคม ดีปซีค สตาร์ทอัพมาแรงของจีน เปิดตัวโมเดล AI ที่อวดอ้างว่า มีศักยภาพเทียบเท่าโมเดลของคู่แข่งแต่มีต้นทุนการฝึกฝนและพัฒนาต่ำกว่าหลายเท่า
สีย้ำว่า จีนต้องเพียรพยายามเพื่อส่งเสริมนวัตกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอดจนถึงเป้าหมายอื่นๆ
Peiqian Liu นักเศรษฐศาสตร์ประจำเอเชียของฟิเดลลิตี อินเตอร์เนชันแนล ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นบีซีว่า การปรากฏตัวของผู้นำจีนในงานประชุมดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงการสนับสนุนระดับสูงต่อผู้ประกอบการ ซึ่งมีแนวโน้มกระตุ้นความฮึกเหิมและความคิดแง่บวกเกี่ยวกับโมเมนตัมการเติบโตใหม่ และอาจได้ผลดีกว่ามาตรการกระตุ้นทางการคลัง ถ้าผู้วางนโยบายให้การสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในประเทศอย่างเต็มที่
หลิน ซ่ง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของแอลเอ็นจี มองว่า การประชุมครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนเชิงสัญลักษณ์สำหรับภาคเทคโนโลยีจีนหลังจากถูกตรวจสอบเข้มข้นมาหลายปีเนื่องจากปักกิ่งกังวลว่า บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เติบโตและมีอิทธิพลมากเกินไป อีกทั้งยังตอกย้ำความจำเป็นเร่งด่วนของปักกิ่งในการส่งเสริมภาคเอกชนท่ามกลางความเสี่ยงจากปัญหาเศรษฐกิจและมาตรการภาษีศุลกากรของอเมริกา
นักวิเคราะห์หลายคนลงความเห็นว่า การปรากฏตัวของแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา มีศักยภาพอย่างมากในการกระตุ้นความเชื่อมั่น
ผู้ประกอบการคนดังที่เป็นที่รู้จักทั่วโลกผู้นี้หายหน้าไปจากสื่อหลังจากแผนการทำ IPO ของแอนต์ ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินของอาลีบาบา ถูกรัฐบาลสั่งระงับในปี 2020 จากการที่เขาวิจารณ์ระบบกำกับดูแลของปักกิ่งอย่างเปิดเผย และนับจากนั้นอาณาจักรธุรกิจของหม่าและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีก็ตกเป็นเป้าหมายการตรวจสอบของทางการมาโดยตลอด
นอกจากนั้น CGTN ของทางการจีนยังรายงานว่า สภานิติบัญญัติกำลังพิจารณาร่างกฎหมายพื้นฐานฉบับแรกของประเทศที่มุ่งเน้นการเติบโตของภาคเอกชนซึ่งคิดเป็นองค์ประกอบกว่า 60% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ, 48.6% ของการค้าต่างประเทศ, 56.5% ของการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร, 59.6% ของรายได้จากภาษี และกว่า 80% ของการจ้างงานในเมืองของจีน
รายงานสำทับว่า การเติบโตอย่างรวดเร็วของภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมนวัตกรรมเทคโนโลยีและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ
การที่สีเรียกประชุมผู้นำธุรกิจที่รวมถึงผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จที่โดดเด่นแม้ถูกอเมริกากดดันนั้น ตอกย้ำความสำคัญของนวัตกรรมของภาคเอกชนที่ทำให้เทคโนโลยีจีนได้รับการยอมรับมากขึ้น
คริสโตเฟอร์ เบดเดอร์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยในจีนของเกฟคัล ดราโกโนมิกส์ในฮ่องกง บอกว่า ความเคลื่อนไหวนี้เป็นการยอมรับโดยปริยายว่า รัฐบาลจีนต้องการและไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งเสริมบริษัทเอกชนเพื่อแข่งขันกับอเมริกา
ภาษีศุลกากรของอเมริกายังเพิ่มความกดดันต่อเศรษฐกิจจีนที่บอบช้ำอยู่แล้วจากการบริโภคในประเทศที่ซบเซา วิกฤตหนี้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ และอัตราว่างงานสูงในหมู่หนุ่มสาว
เหลียน เหวินเฟิง ผู้ก่อตั้งดีปซีคเป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่ได้รับเชิญร่วมประชุมเช่นเดียวกับเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและซีอีโอหัวเว่ย เทคโนโลยีส์, เหลย จุน ผู้ก่อตั้งและซีอีโอที่ผลักดันเสียวหมี่แยกร่างจากผู้ผลิตสมาร์ทโฟนไปเป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า, หวัง ซิง ผู้ก่อตั้งแอปส่งอาหารเหม่ยถวน, หวัง ชวนฟู ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ BYD, โรบิน เจิง ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทแบตเตอรี่ใหญ่ที่สุดในโลก CATL, โพนี หม่า ผู้ก่อตั้งและซีอีโอเทนเซ็นต์ ฯลฯ
แซม รัดวาน ผู้ก่อตั้งบริษทที่ปรึกษา เอนแฮนซ์ อินเตอร์เนชันแนล ชี้ว่า การประชุมนี้ไม่ใช่แค่การฟื้นความมั่นใจของผู้ประกอบการจีนที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาทำธุรกิจอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดพลาดตั้งแต่เริ่มต้นหรือเดินทางผิดที่อาจทำให้ปักกิ่งขุ่นเคือง
ทั้งนี้ รอยเตอร์ระบุว่า สีจัดการประชุมผู้นำธุรกิจครั้งแรกเมื่อปี 2018 หรือหลังจากเข้ารับตำแหน่งได้ 6 ปี และเกิดขึ้นระหว่างที่ปักกิ่งทำสงครามการค้ากับวอชิงตันภายใต้คณะบริหารของโดนัลด์ ทรัมป์สมัยแรก
ที่มา : MgrOnline