“ต้าวหยอง” แทบวูบ หอบเงินสดกว่า 4 ล้านซื้อบ้านที่กรุงเทพฯ เพราะไม่อยากเป็นหนี้!

เผยแพร่ : 18 ก.พ. 2568 11:23:07
X
• เขายืนยันจะทำงานต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่มีแรง
• ต้าวหยอง เป็นหมอลำที่มีรายได้สูงและเป็นที่รักของแฟนคลับ

“ต้าวหยอง ระเบียบวาทศิลป์” รับคิวงานยาวถึงปี2570
บอกหอบเงินสด 4 ล้านกว่าซื้อบ้านเพราะไม่อยากเป็นหนี้ ลั่นจะทำงานในการไปเรื่อยๆ
จนกว่าแสงจะดับและไม่มีแรง




ขวัญใจแม่ยกตัวจริงเสียงจริง ขึ้นแท่นหมอลำรายได้ดีที่รวยฉ่ำ
สำหรับหนุ่มน้อยหน้าหล่อ “ต้าวหยอง ระเบียบวาทะศิลป์” หรือ “ยุคลเดช ปัจฉิม”
จากแดนเซอร์หน้าฮ่าน ก้าวเข้าสู่ศิลปินตัวจริง ได้มาลัยน้ำใจจากแม่ยกถล่มทลาย
จนกำเงินสดซื้อบ้านย่านปทุมธานี ไว้ลุยรับงานที่กรุงเทพฯ อีกด้วย

ล่าสุด ต้าวหยอง ได้ออกมาอัพเดตผลงานในวงการบันเทิง
หลังให้สัมภาษณ์พิเศษละคร “ไอ้หนุ่มรถไถ” ออนแอร์ทางช่อง 8
ทุกวันจันทร์-พฤหัส เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป โดยเจ้าตัวเผยว่า
ตอนนี้คิวงานหมอรำยาวถึงปี 2570 แล้ว

ตอนนี้งานเต็มถึงปี 2570
ถามว่าเรียนด้วย การทำงานด้วย แบ่งเวลายังไง จริงๆ ไม่ได้มีเวลามากที่จะแบ่งพอกัน
เรื่องเรียนสามารถส่งออนไลน์ได้
ไม่กลัวดรามา เพราะเขาให้ทุนเรามา ทำงานไปด้วย
เรียนไปด้วย”

หอบเงินสดซื้อบ้านเพราะไม่อยากเป็นหนี้

“ขึ้นบ้านใหม่ไปเมื่อปลายปีที่แล้ว
ก็น้ำพักน้ำแรงร้อยเปอร์เซ็นต์เลยครับ ตอนแรกว่าจะไม่ซื้อ
แต่พ่ออยากให้มีบ้านในกรุงเทพฯ ซื้อไว้เป็นสมบัติของตัวเอง

ตัดสินใจซื้อสด สมมติซื้อสด 40,000
ซื้อดาวน์ 70,000 เลยคิดว่าซื้อทีเดียวดีกว่า ไม่อยากมีหนี้
ส่วนรถเป็นรุ่นใหม่ เราอยากซื้อสด แต่เขาไม่ให้ซื้อสด ก็เลยเป็นผ่อน ตอนจ่ายเงินสด
ก็ตกใจเหมือนกัน กว่าจะหาเงินมาได้เยอะมาก ต้องเจอกับคนเมา เจอปัญหาเยอะมาก
แต่ก็ไม่เสียดาย เป็นสมบัติหลังใหญ่ของเรา ก็ประมาณ4
ล้านกว่าๆ


ปกติก็ไม่ได้อยู่บ้านบ่อยเท่าไหร่
คิวงานโอนไปเรื่อยๆ บางคิวงาน 10 วัน ค่อยเข้าบ้านอีกที
ถ้าไปโซนกาฬสินธุ์เราก็จะขับรถกลับบ้านเกิดขอนแก่นหาพ่อหาแม่”

รับเมื่อก่อนเคยอารมณ์ร้อน
จนอยากเอาไมค์เคาะหัวผู้ชมที่ดึงมือ

“ช่วงนี้มันเหนื่อยก็อดทนไปก่อน
เมื่อก่อนเป็นคนอารมณ์ร้อนมาก ถ้าไม่ได้คือไม่ได้
ตอนนั้นพ่อยังไม่ค่อยได้สอนอะไรมาก บางทีคนจับเราไม่ปล่อยแล้วดึงมือเราไป
เราก็สะบัดเลย บางทีอยากเอาไมค์เคาะ บางคนเอามือมาลูบขาลูบแข้ง
เราก็จะบอกเขาว่าไม่ได้นะครับ แต่ทุกวันนี้เราก็ใจเย็นขึ้นมาก เขาจะทำอะไรก็ทำ
เราก็ยิ้ม”


บอกจะทำงานในวงการบันเทิงไปเรื่อยๆ
จนกว่าไฟจะดับ

ก็จะอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าไฟจะดับ
จนกว่าไม่มีแรงทำงาน วงการบันเทิงก็จะพัฒนาไปเรื่อยๆ ให้ดีที่สุด
ส่วนวงการหมอรำอนาคตไม่รู้จะเป็นอย่างไรก็จะทำให้ดีที่สุดก็พอ”





ที่มา : MgrOnline