ส่องทาง BOLT ลุยแอปเรียกรถ2 หมื่นล.
เผยแพร่ : 17 ก.พ. 2568 23:30:42
• ไทยเป็นผู้นำตลาด Ride-hailing ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
• การเติบโตของบริการเรียกรถในเมืองใหญ่ของไทยสูงมาก
• โบลท์คาดหวังจะสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย

การตลาด - โบลท์ (Bolt) มองเห็นโอกาสในอุตสาหกรรมบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน (Ride-hailing service) พร้อมบทบาทการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ชี้ไทยถือเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชีย ด้วยการเติบโตของบริการในเมืองใหญ่ ที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง 90% แย้มเป็นบริการที่คาดว่าจะสร้างเม็ดเงินสะพัดกว่า 2 หมื่นล้านบาท

อุตสาหกรรมบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน หรือ Ride-hailing ได้เปลี่ยนวิถีชีวิตในการเดินทางของผู้คนและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวก ความปลอดภัย และการเข้าถึงง่าย เพียงสัมผัสหน้าจอสมาร์ทโฟนไม่กี่ครั้ง ผู้ใช้บริการก็สามารถเรียกใช้บริการรถโดยสารได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยแอปพลิเคชันทำหน้าที่เป็นตัวกลางจับคู่ระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ในขณะที่อุตสาหกรรมยังคงเติบโตต่อเนื่อง โบลท์ได้เผยแพร่รายงาน Economic report ล่าสุด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันที่มีต่อภาคเศรษฐกิจ ภาคแรงงาน และโครงสร้างพื้นฐานของเมือง ซึ่งชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มของอุตสาหกรรม ตลอดจนโอกาสในการสนับสนุนและพัฒนาอย่างยั่งยืน
ด้วยความที่อุตสาหกรรมนี้มีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลายฝ่าย ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร ประชาชน และภาครัฐ ซึ่งแต่ละส่วนมีมุมมองและประเด็นที่แตกต่างกัน การศึกษาและพัฒนาโดยอ้างอิงจากงานวิจัยที่รวบรวมข้อมูลเชิงลึกจึงมีความสำคัญ โดยพบว่าบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันมีบทบาทที่หลากหลาย ได้แก่
การสร้างโอกาสทางรายได้และการสนับสนุนเศรษฐกิจ
จากรายงานล่าสุดของ Oliver Wyman Mobility Forum คาดการณ์ว่า ภายในปีพ.ศ. 2573 อุตสาหกรรมการเดินทางร่วมกัน (Shared Mobility) จะสร้างโอกาสทางรายได้ให้ผู้ขับขี่ถึง 16 ล้านคนทั่วโลกโดย โดยประเทศไทยถือเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชีย ด้วยการเติบโตของบริการในเมืองใหญ่ อาทิ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต และหาดใหญ่ รวมถึงเมืองรองอย่างเชียงราย และอุดรธานี ที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง 90%
ปัจจุบันแอปพลิเคชันเหล่านี้สร้างโอกาสทางรายได้ให้กับผู้ขับขี่กว่า 500,000 คนทั่วประเทศ โดยเติบโตในอัตราเฉลี่ย 10% ต่อปี โดยผู้ขับขี่ที่มีอัตราการให้บริการ 75% มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 30,000 บาทต่อเดือน ซึ่งสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำในประเทศถึง 250% อุตสาหกรรมนี้คาดว่าจะสร้างรายได้รวมกว่า 20,000 ล้านบาท พร้อมรายได้ภาษี 33 ล้านบาทต่อปี และยังสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ผ่านการซื้อรถ การเช่าซื้อ และการบำรุงรักษา มูลค่าประมาณ 55,000 ล้านบาทต่อปี

เสริมศักยภาพเมืองและเศรษฐกิจท้องถิ่น
โบลท์ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการ Ride-hailing ชั้นนำในประเทศไทย ระบุว่าการเดินทางที่สะดวกขึ้นส่งผลโดยตรงต่อการใช้จ่ายของประชาชนและนักท่องเที่ยว “บริการของเราช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเดินทาง ลดต้นทุนด้านเวลา และสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก เรามุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้ผู้ขับขี่มีรายได้ที่มั่นคงและผู้โดยสารได้รับบริการที่ปลอดภัยและรวดเร็ว” ณัฐดนย์ สุขศิริฐานันท์ ผู้จัดการประจำโบลท์ ประเทศไทย กล่าว
Ride-hailing ไม่ได้เป็นเพียงทางเลือกในการเดินทาง แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นและภาคการท่องเที่ยว จากข้อมูลพบว่า 60% ของผู้ใช้บริการเลือกใช้ Ride-hailing อย่างน้อยเดือนละครั้ง ในขณะที่ 25% เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งช่วยสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 17,800 ล้านบาท ให้แก่ธุรกิจในประเทศ
การลดการพึ่งพารถยนต์ส่วนบุคคลและแนวโน้มการพัฒนาอุตสาหกรรม
การเติบโตของ Ride-hailing ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล จากการสำรวจผู้ใช้บริการชาวไทย 1,200 คน พบว่า 12.5% ของผู้ที่ไม่มีรถยนต์ระบุว่าเคยขายรถยนต์ไปแล้ว และ 23% ของกลุ่มที่มีรถยนต์กำลังพิจารณาขายรถ เนื่องจากสามารถใช้บริการเรียกรถทดแทนได้
อย่างไรก็ตาม การเติบโตของอุตสาหกรรมยังเผชิญอุปสรรคหลายประการ โดยเฉพาะด้านการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะที่มีข้อจำกัดจากกฎหมายที่ไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์การให้บริการในปัจจุบัน อีกทั้งยังมีความซับซ้อนของกระบวนการและเงื่อนไขในการจดทะเบียน ข้อกำหนดด้านเอกสารประกอบที่เป็นอุปสรรคต่อผู้ขับขี่ ตลอดจนปัญหาค่าเบี้ยประกันภัยที่อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบอาชีพในลักษณะไม่เต็มเวลา (part-time)

"การขับรถรับจ้างผ่านแพลตฟอร์มช่วยสร้างรายได้เสริมที่เกื้อหนุนธุรกิจหลักในฐานะเจ้าของร้านสะดวกซื้อ รายได้เสริมนี้ช่วยเพิ่มความมั่นคงและลดความเสี่ยงทางการเงินได้อย่างมาก" พลวัฒน์ พงษ์อัครภาคิน ผู้ขับขี่จากกรุงเทพฯ ที่ให้บริการมา 1 ปี 3 เดือน กล่าว
เพื่อสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันให้มีเสถียรภาพและสามารถพัฒนาได้อย่างยั่งยืน จำเป็นต้องมีการปรับปรุงกรอบกฎหมายและกระบวนการกำกับดูแลให้สอดคล้องกับบริบททางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดความซับซ้อนของกระบวนการจดทะเบียน การทบทวนเงื่อนไขด้านเอกสารประกอบการจดทะเบียนให้เหมาะสมกับสภาพการณ์จริง และการกำหนดมาตรการสนับสนุนด้านต้นทุน เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่มีความยืดหยุ่นและเข้าถึงได้ ซึ่งจะช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าสู่ระบบได้สะดวก ส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ และสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมสู่มาตรฐานสากล
จากผลการศึกษาวิจัยหลายชิ้นได้ยืนยันถึงบทบาทสำคัญของอุตสาหกรรมบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยนอกจากจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้แก่ผู้ขับขี่และกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นแล้ว ยังช่วยลดการพึ่งพารถยนต์ส่วนบุคคล บรรเทาปัญหาการจราจร และสนับสนุนการพัฒนาระบบขนส่งให้เกิดความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
โบลท์มุ่งมั่นเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ควบคู่กับการลงทุนด้านเทคโนโลยีและการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม ทั้งด้านการขนส่ง ความปลอดภัย การพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ตลอดจนการพัฒนาโซลูชันดิจิทัลเพื่อประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นของผู้ใช้บริการ นอกจากนี้ ยังสนับสนุนแนวทางการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพจากภาครัฐ โดยมุ่งเน้นประโยชน์สูงสุดต่อทุกภาคส่วน ตั้งแต่ผู้โดยสาร ผู้ขับขี่ ผู้ให้บริการ ไปจนถึงเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

ก่อนหน้านี้ โบลท์ ได้ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญด้วยอัตราการเติบโตของการเดินทางไปสนามบินทั่วประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นถึง 103% ในปี พ.ศ. 2567 ตอกย้ำบทบาทสำคัญของบริการการเดินทางร่วมกันในการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวของประเทศ
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยกำลังเติบโตควบคู่ไปกับความนิยมของบริการการเดินทางร่วมกัน โดยบริการเรียกรถได้มอบความสะดวกสบายและความยืดหยุ่นในการเดินทางแก่นักท่องเที่ยวยุคใหม่ ข้อมูลจาก Statista ชี้ให้เห็นว่าตลาดการเดินทางร่วมในประเทศไทย คาดว่าจะสร้างรายได้ถึง 4 แสนล้านบาทในปี พ.ศ. 2568 ขณะที่ตลาดการแชร์จักรยานเพียงอย่างเดียวคาดว่าจะสร้างรายได้กว่า 4.16 ล้านล้านบาทในปี พ.ศ. 2567 บริการเหล่านี้ทำหน้าที่เชื่อมโยงระบบขนส่งแบบดั้งเดิมเข้ากับความต้องการของนักเดินทางยุคใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โบลท์ได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ เพื่อยกระดับประสบการณ์การเรียกรถให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้บริโภค โดยผู้ใช้บริการสามารถจองรถล่วงหน้าได้นานถึง 90 วัน เพิ่มความสะดวกสบายและความมั่นใจในการเดินทาง ฟีเจอร์นี้ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มลูกค้าโบลท์ธุรกิจ (Bolt Business) ที่สามารถใช้ฟังก์ชัน Ride Booker เพื่อจัดการการเดินทางที่เกี่ยวข้องกับงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น
1. การจองรถสำหรับการเดินทางในเมืองเพื่อให้มาถึงการประชุมตรงเวลา
2. การจัดรถรับส่งแขกของบริษัทที่มาร่วมงานหรือประชุม
3. การอำนวยความสะดวกให้กับพันธมิตรในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เช่น การจองรถรับส่งไปที่สนามบินล่วงหน้า
"โบลท์มุ่งมั่นที่จะทำให้เมืองเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ด้วยการนำเสนอทางเลือกที่ทดแทนการเป็นเจ้าของรถยนต์ส่วนบุคคล" นายณัฐดล สุขศิริตานนท์ ผู้จัดการทั่วไป โบลท์ ประเทศไทย กล่าว "ความสามารถในการวางแผนการเดินทางล่วงหน้า นอกจากจะช่วยยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าแล้ว ยังช่วยส่งเสริมระบบนิเวศด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้มีความคึกคักมากยิ่งขึ้น โซลูชันของเราได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายทั้งของนักเดินทางและภาคธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

การเปลี่ยนมาใช้ตัวเลือกการเดินทางร่วม เช่น บริการเรียกรถ ถือเป็นก้าวสำคัญที่สอดคล้องกับพันธกิจของโบลท์ในการ “สร้างเมืองสำหรับผู้คน” โดยมุ่งลดความแออัดของการจราจรและส่งเสริมระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการมอบประสบการณ์การเดินทางที่ ราบรื่น สะดวก และเชื่อถือได้ โบลท์หวังอย่างยิ่งที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ผู้ใช้บริการหันมาเลือกใช้บริการการเดินทางร่วมและระบบขนส่งสาธารณะมากยิ่งขึ้น
โบลท์มีประสบการณ์ด้านการดำเนินงานสนามบินที่โดดเด่นทั้งในและต่างประเทศ โดยในปีพ.ศ. 2566 บริษัทได้รับความไว้วางใจจาก Aena ผ่านการประมูลสัญญาให้บริการจุดจอดรับผู้โดยสารพิเศษในสนามบินสำคัญของสเปน ได้แก่ มาดริด-บาราคาส บาร์เซโลนา-เอลปราต และมาลากา-คอสตาเดลโซล โดยมีพื้นที่จอดเฉพาะ 28 จุดในมาดริด 26 จุดในบาร์เซโลนา และ 15 จุดในมาลากา พร้อมคำแนะนำการใช้งานที่ชัดเจนผ่านแอปพลิเคชัน
"ความสามารถในการจัดการการดำเนินงานในสนามบินช่วยเสริมสร้างชื่อเสียงของโบลท์ในฐานะพันธมิตรที่เชื่อถือได้สำหรับนักเดินทาง ความเชี่ยวชาญด้านการบริการสนามบินของเรายังสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งาน โดยเฉพาะนักเดินทางชาวยุโรปที่นิยมเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางในช่วงวันหยุด" นายณัฐดล สุขศิริตานนท์ กล่าว
ในฐานะบริษัทสัญชาติยุโรป โบลท์สร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจให้กับนักเดินทางที่คุ้นเคยกับแอปพลิเคชันและบริการของบริษัทได้เป็นอย่างดี ส่งเสริมให้มีการใช้บริการการเดินทางร่วมกันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โบลท์ตอกย้ำการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการขนส่งของประเทศไทยด้วยการพัฒนาในด้านต่างๆ เพื่อรองรับนักเดินทางทั้งในประเทศและต่างประเทศให้เดินทางได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ที่มา : MgrOnline