ดีเอสไอ.ใช้เครื่อง“เลเซอร์สแกนนิ่ง” พบพิรุธ คดีแตงโม แก๊งคนบนเรือลอยลำหน้าวัดค้างคาว กว่า 1 ชั่วโมง
เผยแพร่ : 17 ก.พ. 2568 14:09:02
• ภาพ 3 มิติใช้เทียบเคียงกับข้อมูลจำลองเหตุการณ์และข้อมูล GPS
• พบหลักฐานจาก GPS เรือและโทรศัพท์ว่ามีเรือจอดบริเวณวัดค้างคาวนานกว่า 1 ชั่วโมง

“ดีเอสไอ” ใช้เครื่องเลเซอร์สแกนนิ่ง สแกน ภูมิประเทศบริเวณวัดค้างคาวนำไปประมวลผลเป็นภาพ 3 มิติเทียบเคียงข้อมูลจำลองเหตุการณ์วันเกิดเหตุ เทียบ GPS เรือ-โทรศัพท์ พบจอดเรือ บริเวณวัดค้างคาว กว่า 1 ชั่วโมง
วันนี้ (17 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 9.30 น. พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม พร้อมคณะพนักงานสอบสวน พาตัวแทนสื่อมวลชนลงเรือสปีดโบ๊ท โดยวันนี้ได้มีการเตรียมเรือ ที่จะใช้ในการตรวจสอบจุดต่างๆ ตลอดลำน้ำเจ้าพระยาทั้งหมด 5 ลำ
โดยเรือทั้งหมดเคลื่อนตัวออกจากท่าเรือบ้านเรือเล็ก มุ่งหน้าทางทิศใต้ ลอดใต้สะพานมหาเจษฎาบดินทรนุสรณ์ ผ่านสะพานพระราม 5 มุ่งหน้าไปจุดแรกที่เจ้าหน้าที่จะเริ่มทำการสแกนพื้นที่ คือ บริเวณท่าทรายใกล้เคียงกับ บริษัท พูนพิพัฒน์ จำกัด โดยจุดนี้ได้นำโดรนบินสำรวจสแกนเหนือลำน้ำเจ้าพระยา เพื่อนำภาพมุมสูงไปประกอบประมวลเป็นภาพสามมิติเส้นทางที่เรือลำเกิดเหตุแล่น ตามข้อมูล GPS เรือ
จากนั้นเรือได้และมุ่งหน้าต่อไปทางทิศใต้ลอดใต้สะพาน พระราม 7 มาจอดบริเวณกลางลำน้ำเจ้าพระยา บริเวณซอยจรัญสนิทวงศ์ 92 ตรงข้ามกับหน้าอาคารรัฐสภา โดยบริเวณจุดนี้เจ้าหน้าที่ได้จอดให้คณะพนักงานสอบสวนและสื่อมวลชนบันทึกภาพและใช้เครื่องมือสแกนบริเวณโดยรอบพื้นที่รวมถึงสแกนหาวัตถุใต้ผิวแม่น้ำเจ้าพระยา โดยบริเวณจุดนี้เรือชะลอความเร็วเพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องมือที่เตรียมมาสแกน ทั้งทางอากาศและทางน้ำ รวมถึงมาจำลองตามคำกล่าวอ้างที่มีภาพถ่ายปรากฏอยู่ในโทรศัพท์ของแตงโม (นิดา) โดยบริเวณจุดที่ตรงกับปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 92 เรือลำของนายแพทย์ธวัชชัยให้ความสนใจ และใช้เวลาลอยลำอยู่ตรงจุดนี้ประมาณ 15 นาที ส่วนทางคณะพนักงานสอบสวนกลุ่มสอบสวนคดีพิเศษได้นำเรือลอยลำสำรวจตามจุดต่างๆ ล่วงหน้า ทั้งหมด 8 จุดตามที่แจ้งกับสื่อมวลชนไว้
สำหรับวันนี้กรมชลประทานร่วมกับกรมเจ้าท่า ยังได้ปฏิบัติการคู่ขนานด้วยการใช้เครื่องโซนาร์สแกนตลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาตลอดเส้นทาง เพื่อนำข้อมูลใต้น้ำทั้งหมดมาประกอบกับข้อมูลของคณะพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษด้วย
ต่อมา เวลาประมาณ 10.40 น. เจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ ใช้เครื่อง “เลเซอร์สแกนนิ่ง” สแกนหาภูมิประเทศเทียบเคียงข้อมูลที่รวบรวมได้ก่อนหน้านี้ประกอบกับวันเกิดเหตุเพื่อตรวจสอบหาว่าบริเวณจุดนี้ คนบนเรือมาทำอะไรบริเวณวัดค้างคาว ซึ่งตามข้อมูลที่ได้จากพยาน คนบนเรือมาหยุดบริเวณจุดนี้ประมาณ 1 ชั่วโมง
ขณะที่ นายไกรศรี ให้สัมภาษณ์ว่า จุดนี้เจ้าหน้าที่ให้ความสนใจหลังจากได้ข้อมูลมาว่าเรือรับเกิดเหตุลอยลำอยู่บริเวณนี้เป็นเวลานาน เพื่อจะนำไปรวบรวมข้อมูลกับที่ได้มาก่อนหน้านี้โดยความพิเศษของเครื่องเลเซอร์สแกนนิ่ง จะสามารถจำลองเหตุการณ์เทียบเคียงภาพเสมือนจริงได้มากที่สุดในคอมพิวเตอร์เทียบกับวันเกิดเหตุ โดยเครื่องนี้จะสามารถทำงานประกอบกับข้อมูล GPS เนื่องจากใช้ระบบเดียวกันผ่านสัญญาณดาวเทียม ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล GPS , ข้อมูล GPS โทรศัพท์ และภาพถ่ายแผนที่ดาวเทียม แล้วจะนำไปทำรูปแบบคอมพิวเตอร์กราฟฟิกสามมิติจำลองเหตุการณ์ประกอบกับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยจะใช้วิธีการตั้งสมมุติฐานว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน ให้มีความใกล้เคียงกับข้อมูลที่ได้จากพยานให้มากที่สุด
"อุปสรรคในวันนี้ที่มีผลกับเครื่องมือ คือเรื่องของกระแสน้ำเนื่องจากเครื่องมือจะต้องอยู่ในสภาพพื้นที่นิ่งเพื่อที่จะประมวลผลได้แม่นยำ สำหรับเครื่องเลเซอร์สแกนนิ่งตัวนี้มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยโดยทางเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้นำมาใช้ในการเก็บข้อมูลประกอบกับหลักฐานที่ได้มาก่อนหน้านี้โดยเครื่องนี้ราคาอยู่ที่ตัวละหนึ่งล้านบาท"


ที่มา : MgrOnline