"ลูก-เมีย"หมอบุญ ให้การปฏิเสธ อ้างไม่ได้ร่วมฉ้อโกงสร้างสถานพยาบาล เศาลนัดตรวจพยานอีกครั้ง 24 มี.ค.นี้
เผยแพร่ : 17 ก.พ. 2568 13:06:31
• ความเสียหายในคดีนี้สูงถึง 1.6 หมื่นล้านบาท
• ศาลนัดตรวจพยานอีกครั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2566

"ลูก-เมีย"หมอบุญ ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา คดีร่วมฉ้อโกงสร้างสถานพยาบาล เสียหาย 1.6 หมื่นล้าน ศาลนัดตรวจพยานอีกครั้ง 24 มี.ค.นี้
วันนี้ (17 ก.พ.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยในคดีหมายเลขดำ ที่อ.387/2568 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 5 เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ , น.ส.ศิวิมล จาดเมือง , นางจารุวรรณ วนาสิน ภรรยาหมอบุญ , นางนลิน วนาสิน ลูกสาวหมอบุญ น.ส.อัจจิมา พาณิชเกรียงไกร , นายภาคย์ วัฒนาพร , นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา , นายธนภูมิ ชนประเสริฐ , นางณวรา กุญชร ณ อยุธยา , น.ส.มาสฤดี คณาพิทักษ์พงศ์ , นายเนติวรรธน์ สุวรรณกูฏ , น.ส.นัญญากรณ์ ธรรมา และน.สชัญญ์ญาณ์ พุฒิพงศ์ชญาห์ เป็นจำเลยที่ 1-13 ในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
ซึ่งศาลได้สอบคำให้การจำเลยว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ ปรากฎว่าจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ หลังจากนั้นศาลได้นัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 24 มี.ค. 2568 ในเวลา 09.00 น.
คดีนี้อัยการโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้ง 13 คนว่า สืบเนื่องจากนายแพทย์บุญหรือนายบุญ วนาสิน ผู้ต้องหาที่หลบหนี ได้อาศัยความน่าเชื่อถือเกี่ยวกับการประกอบอาชีพแพทย์การประกอบธุรกิจ โรงพยาบาลธนบุรี มีกลุ่มธุรกิจให้บริการทางการแพทย์ ธุรกิจการบริการผู้ป่วยและเครื่องมือแพทย์ ธุรกิจโรงพยาบาล ในนามบริษัทธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ(THG) มีโรงพยาบาลในเครือทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดรวมถึงดำเนินกิจการผ่านบริษัทในเครือ กิจการร่วมค้าและโรงพยาบาลที่รับจ้างบริหารและกิจการอื่นๆอีกจำนวนมาก ได้กระทำการระดมเงินทุนจากประชาชนและได้ไปซึ่งเงินและทรัพย์สินจากประชาชนจำนวนมาก ประมาณ 16,000 ล้านบาทเศษ โดยร่วมกับจำเลยที่1-13 และพวกที่หลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้องได้แบ่งหน้าที่กันทำ
ดังนี้ กลุ่มพนักงานบริษัทที่บริหารจัดการระดมเงินกู้ มีจำเลยที่ 1-4 กับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง
กลุ่มบุคคลในครอบครัวที่ร่วมกันทำสัญญากู้ สัญญาค้ำประกัน จำนำหุ้น จำนองที่ดิน ฯลฯ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในการระดมเงินกู้ มีจำเลยที่ 5-7
กลุ่มตัวแทนนายหน้าเพื่อจัดการระดมเงินทุน มีจำเลย 8-13 กับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง

ระหว่างประมาณต้นเดือน ม.ค.2553 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 15 ธ.ค.2567 ต่อเนื่องกัน จำเลยทั้ง13 และ นพ.บุญกับพวกที่หลบหนี ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหาย 605 ราย ผ่านช่องทางสื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์ นำเสนอแผนการลงทุน โครงการทั้งในและต่างประเทศเผยแพร่ทางสื่อหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ คอลัมน์ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล เรื่อง "หมอบุญทุ่ม 1.6หมื่นล้าน รุกธุรกิจเฮลท์แคร์ ไทย-ต่างประเทศ" ทำให้มีผู้เสียหายหลงเชื่อเข้าร่วมลงทุนหรือให้กู้ยืมเงินเพื่อนำไปทำธุรกิจ 5 โครงการ คือ
1.โครงการสร้างศูนย์มะเร็งตั้งอยู่พื้นที่ 9ไร่ ย่านปิ่นเกล้า งบประมาณ 4พันล้านบาท
2.โครงการสร้างศูนย์ดูแลสุขภาพเวลเนส เซ็นเตอร์ (Wellness Center) เนื้อที่ 5ไร่เศษ ย่านพระราม3 ติดแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นอาคาร 52 ชั้น งบประมาณ 4,000-5,000ล้านบาท
3.โครงการสร้างโรงพยาบาลที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จำนวน3 แห่งๆ ละ ประมาณ 2,000 ล้านบาท
4.โครงการเข้าร่วมลงทุนกับโรงพยาบาลในประเทศเวียดนาม งบประมาณ4,000-5,000ล้านบาท
5.โครงการสร้าง medical inteligence ทำหน้าที่บริหารด้านไอทีให้กับหน่วยงานต่างๆ เพื่อลดต้นทุนและปรับปรุงคุณภาพให้ดียิ่งขึ้นใช้งบประมาณ 1,600 ล้านบาท
พร้อมเสนอแผนการระดมเงินทุนในรูปแบบการกู้ยืมเงินจากประชาชนทั่วไป จำนวน 6 แผนการลงทุน ดังนี้
1 การให้กู้ยืมเงินโดยไม่มีหลักประกัน (Clean Loan) โดยออกเช็คชำระหนี้ และ มีบุคคลอาวัลเช็คและมีผู้ค้ำประกัน (กู้แบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน) กำหนดให้ผลตอบแทน ร้อยละ 8.5-15%ต่อปี
2 การให้กู้ยืมเงินโดยอ้างว่าจะนำหุ้น บริษัทธนบุรี เฮลท์ แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มามอบให้ผู้ให้กู้ โอนหุ้นให้ผู้ให้กู้) ให้ผลตอบแทนประมาณร้อยละ7-12 % ต่อปี
3 การให้กู้ยืมเงินโดยอ้างว่าจะนำหุ้น หรือ เช็คมาค้ำประกัน (จำนำหุ้น) หรือตั๋วสัญญาใช้เงินให้ผลตอบแทนประมาณร้อยละ 7-12% ต่อปี
4 การให้กู้ยืมเงินโดยมีบุคคลหรือนิติบุคคลมาค้ำประกันให้ผลตอบแทนประมาณร้อยละ8.5-15 % ต่อปี
5 การให้กู้ยืมเงินโดยนำใบหุ้นสามัญของบริษัทธนบุรี เฮลท์ แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) THG มาค้ำประกัน โดยมอบให้ผู้ให้กู้ถือครองไว้ให้ผลตอบแทนประมาณร้อยละ7-12 % ต่อปี
6 การร่วมลงทุน หุ้นไอพีโอ (IPO) หุ้นที่กำลังจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยอ้างว่าจะมอบหุ้นของบริษัทโรงพยาบาล ธนบุรี บำรุงเมือง จำกัด ให้ผู้ให้กู้ โดยให้ผลตอบแทนประมาณร้อยละ 5-8% ต่อปี
การลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนหรือประชาชนจะได้รับเงินคืนหรือผลประโยชน์ตอบแทนในอัตราร้อยละ7-15 ต่อปี สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึ่งจ่ายได้ การโฆษณาชักชวนประชาชนของจำเลยทั้ง13 ดังกล่าวข้างต้นเป็นความเท็จทั้งสิ้น จำเลยทั้ง13กับพวก ไม่ได้นำเงินที่ได้จาการกู้ยืมเงินไปลงทุน เนื่องจากโครงการต่างๆ ยังไม่มีการเริ่มก่อสร้าง เป็นเพียงแผนการลงทุนที่นำมาหลอกลวงประชาชนทั่วไปเท่านั้น จำเลยทั้ง 13 กับพวก มีเจตนาหลอกลวงประชาชนที่หวังจะได้รับเงินตอบแทนในอัตราสูงให้นำเงินมาให้กู้ยืมเงินหรือลงทุนด้วย ให้อัตราดอกเบี้ยสูงเป็นเครื่องล่อใจ ก่อนนำเงินที่ได้มาจากผู้ร่วมลงทุนรายอื่นๆจ่ายเป็นผลประโยชน์ให้แก่ผู้ร่วมลงทุนรายก่อนๆ ในลักษณะต่อเนื่องกันเป็นแชร์ลูกโซ่ มีผู้เสียหายที่ได้แจ้งความร้องทุกข์ในคดีนี้ 605 คน ร่วมความเสียหาย 16,100,602,806 บาท เหตุเกิดที่แขวงและเขตห้วยขวาง , แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ และหลายจังหวัดทั่วราชอาณาจักร เกี่ยวพันกัน
ซึ่งชั้นสอบสวน จำเลยทั้ง 13 ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา กระทั่งอัยการมีคำสั่งฟ้องและยื่นฟ้องต่อศาลอาญาเพื่อสืบพยาน มีคำพิพากษาต่อไป
ที่มา : MgrOnline