‘ชมรมเปิดตำนานพระกริ่งปวเรศ’ พร้อมกับ ‘สมาคมศิษย์เก่าทวีธาภิเศก’เปิดงาน‘งานมหกรรมการประกวดพระเครื่อง เหรียญคณาจารย์ และเครื่องราง ครั้งที่ 1
เผยแพร่ : 17 ก.พ. 2568 12:39:20
• นางเกณิกา เสตะปุระ (อ.แหม่ม) ประธานชมรมเปิดตำนานพระกริ่งปวเรศ และผู้เชี่ยวชาญด้านพุทธศาสนา ร่วมงานที่โรงแรมไมด้า ดอนเมือง แอร์พอร์ต
• รศ.ดร.บัญชา ชลาภิรมย์ นายกสมาคมศิษย์เก่าทวีธาภิเศก เข้าร่วมงานด้วย
• มีการกล่าวถึง นายบรรล (รายละเอียดไม่เพียงพอที่จะสรุป) แต่คาดว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับงานดังกล่าว
เนื่องจากเนื้อหาข่าวสั้นมาก จึงสรุปได้เพียงเท่านี้ หากมีรายละเอียดเพิ่มเติมจะสามารถสรุปได้ละเอียดขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงแรมไมด้า ดอนเมือง แอร์พอร์ต เขตหลักสี่ นางเกณิกา เสตะปุระ หรือ อ.แหม่ม ประธานชมรมเปิดตำนานพระกริ่งปวเรศ และผู้เชี่ยวชาญด้านพุทธศาสนา พร้อมด้วย รศ.ดร.บัญชา ชลาภิรมย์ นายกสมาคมศิษย์เก่าทวีธาภิเศก นายบรรลือ กุลละวณิชย์ ประธานสภาเมืองพัทยา พล.ท. คงศักดิ์ รวมทรัพย์ อดีต ผู้บัญชาการ กองบัญชาการช่วยรบที่ 1 ค่ายพนัสบดีศรีอุทัย พลเอก ไมตรี เตชานุบาล อดีตเจ้ากรมสารบรรณทหารบก ดร. จักรพันธ์จันทรัศมี ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาบุคลากร เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล และคณะ ร่วมกันแถลงข่าวโครงการงานมหกรรมการประกวดพระเครื่อง เหรียญคณาจารย์ และเครื่องราง ครั้งที่ 1 ในวันที่ 16 มีนาคม 2568 ที่ห้องแสตมป์ทอง บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด โดยมีบรรดาผู้คร่ำหวอดในวงการพระเครื่อง เซียนพระ ผู้เกี่ยวข้อง และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมการแถลงข่าวเป็นจำนวนมาก
โดยนางเกณิกา กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางชมรมฯ ได้มีการจัดอบรมการศึกษาเรียนรู้พระกริ่งปวเรศ รุ่นพิเศษ ซึ่งได้ให้ความรู้มากมายเกี่ยวกับพุทธคุณและการดูพุทธลักษณะของพระกริ่งปวเรศ และมีการมอบใบประกาศนียบัตร พร้อมกับมอบพระชัยวัฒน์ วัดสุทัศนเทพวราราม ให้ผู้เข้ารับการอบรมเรียบร้อยแล้ว ในช่วงบ่ายนี้ ทางชมรมฯ จึงได้มีการจัดการแถลงข่าวกิจกรรมงานมหกรรมการประกวดพระเครื่อง เหรียญคณาจารย์ และเครื่องราง ครั้งที่ 1 ชิงถ้วย 6 นายพล โดยทางชมรมฯ ร่วมด้วยสมาคมศิษย์เก่าทวีธาภิเษก เป็นผู้จัดการประกวด โดยวัตถุประสงค์ของการประกวด เพื่อต้องการให้เซียนพระทุกรุ่นได้มาพบปะประกวดและแลกเปลี่ยนความรู้ในเรื่องของพระเครื่อง รวมทั้ง ถือเป็นเวทีเพื่อส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และทราบถึงพุทธคุณของพระเครื่องต่างๆ ที่มาประกวดภายในงาน และสามารถสืบสานวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามของไทยต่อไปในอนาคต รวมทั้งเผยแผ่ซอฟเพาเวอร์ทางด้านพระเครื่องของไทย ด้วย
นางเกณิกา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ 6 นายพล ผู้มอบถ้วยเกียรติยศสำหรับการประกวดพระเครื่องในครั้งนี้ เป็นนายทหารที่สร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศไทยเป็นอันมาก ได้แก่ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี ในรัชกาลที่ 9 ในฐานะประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของทางชมรมฯ พลเอกจรัล กุลละวณิชย์ อดีตราชองครักษ์พิเศษ อดีตสมาชิกวุฒิสภา และอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พลเอกวิชิต ยาทิพย์ อดีตรองผู้บัญชาการทหารบก พล.ท. คงศักดิ์ รวมทรัพย์ อดีต ผู้บัญชาการกองบัญชาการช่วยรบที่ 1 ค่ายพนัสบดีศรีอุทัย พลเอก ไมตรี เตชานุบาล อดีตเจ้ากรมสารบรรณทหารบก พลเอก เอี่ยม น้ำจันทร์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ส่วนคณะกรรมการการตัดสิน ก็มาจากผู้ทรงคุณวุฒิหลากหลายแวดวง รวมทั้ง เซียนพระรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์สูงในวงการ ได้ให้เกียรติกับทางชมรมฯ เป็นกรรมการตัดสินและเป็นพี่เลี้ยงให้กับน้องๆ เซียนพระรุ่นใหม่ ที่กำลังก้าวเข้าสู่วงการพระเครื่องและเหรียญคณาจารย์ รวมทั้ง ยังมีถ้วยรางวัลสำหรับผู้ชนะเลิศในแต่ละโต๊ะที่ทำการประกวด ซึ่งมีความล้ำค่าและสูงส่งเหมาะสมกับรางวัลที่ได้รับเป็นอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้น ทางชมรมฯ จึงขอเชิญให้บรรดาเซียนพระและประชาชนทั่วไป ได้มาร่วมงานประกวดพระเครื่องฯ ซึ่งทางชมรมฯ หวังว่า จะเป็นกิจกรรมที่เป็นการเผยแพร่พระพุทธศาสนาและเป็นการสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างเซียนพระทุกรุ่น คนรุ่นใหม่และองค์กรภายนอกโดยถ้วนหน้ากัน
พล.อ.ไมตรี ระบุว่า ตนถือเป็นน้องใหม่ในวงการพระเครื่อง ซึ่งยังต้องศึกษาเรียนรู้กับผู้รู้ในวงการพระอีกมาก โดยการประกวดพระเครื่องในครั้งนี้ ตนในฐานะเป็นสมาชิกของชมรม และลูกศิษย์ อจ.ทางด้านพระสมเด็จและพระกริ่ง รวมทั้งเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนทวีธาภิเศก ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน และได้สร้างบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างมากมายให้กับประเทศไทย จึงได้สนับสนุนในการจัดการประกวดพระเครื่อง ฯ ในครั้งนี้ ซึ่งนอกจากวัตถุประสงค์ในการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับพระสมเด็จ พระกริ่งปวเรศ และพระเกจิคณาจารย์ ให้กว้างขวางมากขึ้นแล้ว ถือเป็นการหารายได้เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนและกิจกรรมต่างๆ ให้กับโรงเรียน พร้อมกับจัดสวัสดิการให้กับครูเก่าของโรงเรียน เพราะที่มีทุกวันนี้ได้ เพราะโรงเรียนเป็นผู้ให้ เพราะฉะนั้น อยากให้เซียนพระหรือประชาชนทั่วไปร่วมส่งพระมาประกวดในครั้งนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนการศึกษาของเยาวชนไทย
รศ.ดร.บัญชา ระบุว่า โรงเรียนทวีธาภิเศก ถือเป็นโรงเรียนที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานกำเนิด ซึ่งในปีนี้ ก็ครบรอบ 138 ปีของโรงเรียน ทั้งนี้ นามของโรงเรียนมาจากพิธีทวีธาภิเศก เนื่องในงานพระราชกุศลทวีธาภิเศกที่พระองค์ครองราชย์สมบัติมานานเป็นสองเท่าของพระบรมอัยกาธิราช คือพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย แต่ความผูกพันของโรงเรียนกับวัดก็ความแนบแน่นมาตั้งแต่อยู่วัดอรุณราชวราราม รวมทั้ง ที่ตั้งของโรงเรียนในปัจจุบันนี้ ก็เป็นที่ธรณีสงฆ์ของวัดนาคกลางวรวิหาร ดังนั้น การร่วมสนับสนุนการจัดประกวดพระเครื่องในครั้งนี้ เพื่อหารายได้จากการจัดงาน นำไปพัฒนาโรงเรียน ทั้งการพัฒนาห้องเรียนให้มีความทันสมัย (Smart ClassRoom) และเป็นทุนการศึกษาสำหรับเด็กนักเรียนที่เรียนดีแต่ยากจน ในโรงเรียน และถือเป็นการตอบแทนพระศาสนา ที่ทางโรงเรียนได้มาอาศัยเป็นที่ตั้งในปัจจุบัน พร้อมทั้ง เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นหลักชัยในการดำรงชีวิตของลูกศิษย์ที่มาเรียนในโรงเรียนทวีธาภิเศก ด้วย
ด้าน ดร. จักรพันธ์ ระบุว่า ถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่ประจวบเหมาะเป็นอย่างยิ่ง โดยถือเป็นครั้งแรกของทางชมรม ฯ ที่ได้จัดงานประกวดพระเครื่องฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางชมรมฯ ได้จัดทำหนังสือเพื่อเผยแพร่ความรู้ของพระกริ่งปวเรศ จนเป็นที่แพร่หลายมาแล้ว รวมทั้ง เป็นครั้งแรกของทางสมาคมศิษย์เก่าทวีธาภิเศก ที่ร่วมจัดการประกวดพระเครื่องฯ ด้วย ทั้งนี้ บุคคลที่ส่งพระเครื่องฯ เข้าร่วมประกวดในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเผยแพร่พระพุทธคุณของพระเครื่องแต่ละองค์แล้ว ยังถือเป็นการสนับสนุนการศึกษาให้กับเด็กและเยาวชนไทย ถือเป็นบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต โดยการประกวดพระเครื่องฯ ครั้งนี้ ทาง อ.แหม่ม เกณิกา และทางชมรม ได้มีการคัดเลือกคณะกรรมการที่มีคุณภาพผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งสามารถสร้างความสบายใจให้กับผู้เข้าประกวดทุกท่านได้ว่า จะได้รับการพิจารณาตัดสินอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม อีกทั้ง ผู้ที่ไม่ได้เข้าร่วมประกวด แต่เป็นผู้ร่วมเข้าชมงานก็สามารถศึกษาเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันได้ ดังนั้น จึงขอเชิญชวนทั้งเซียนพระรุ่นเก่า เซียนพระรุ่นใหม่ ผู้สนใจศึกษา และประชาชนทั่วไป เข้าร่วมงานประกวดพระเครื่อง ฯ ที่ทางชมรมเปิดตำนานพระกริ่งปวเรศ จัดขึ้น ในวันที่ 16 มีนาคม 2568 นี้ ที่ห้องแสตมป์ทอง บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เวลา 08.00 น.เป็นต้นไป



ที่มา : MgrOnline