คนเหนือ ร้อยละ 60.22 บอกไม่รู้จัก พ.ร.บ. อากาศสะอาด
เผยแพร่ : 17 ก.พ. 2568 11:02:30

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและพยากรณ์ทางการเกษตร (แม่โจ้โพลล์)คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชน 8 จังหวัด ภาคเหนือ จำนวนรวมทั้งสิ้น 900 ราย ระหว่างวันที่ 25 มกราคม – 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ในหัวข้อ “คนเหนือกับความท้าทายในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ”
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อความคิดเห็นในการแก้ไขปัญหาฝุ่นควันสู่การร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด เพื่อกำหนดกฎเกณฑ์มาตรการ และแก้ไขปัญหาฝุ่นควันที่มีผลกระทบต่อประชาชนภาคเหนือในปัจจุบัน จากผลสำรวจ พบว่า
-ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 41.67 เห็นว่าสถานการณ์ฝุ่นควันมีแนวโน้มจะรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา
-รองลงมา ร้อยละ 40.89 เห็นว่าสถานการณ์ฝุ่นควันมีแนวโน้มจะเท่ากับปีที่ผ่านมา
-และ ร้อยละ 17.44 เห็นว่าสถานการณ์มีแนวโน้มจะลดลงกว่าปีที่ผ่านมา
ด้านความคิดเห็นต่อการรับรู้การขับเคลื่อน ร่าง พ.ร.บ. อากาศสะอาด พบว่า
-ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 60.22 ไม่ทราบว่ามีการขับเคลื่อน ร่าง พ.ร.บ ฉบับดังกล่าว
-ขณะที่ ร้อยละ 39.78 ทราบว่ารัฐบาลมีการขับเคลื่อน ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้อยู่ และคาดว่า พ.ร.บ ฉบับนี้จะมีการประกาศใช้ในกลางปี 2568 ถึงต้นปี 2569
เมื่อสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับความสามารถในการแก้ไขวิกฤตปัญหาฝุ่นควันของ ร่าง พ.ร.บ. อากาศสะอาด พบว่า
-ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 65.33 แสดงความคิดเห็นว่า ร่าง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว จะสามารถแก้ไขปัญหาฝุ่นควันได้แค่บางประเด็นเท่านั้น
-รองลงมา ร้อยละ 19.56 เห็นว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาฝุ่นควันได้ทุกประเด็น
-มีเพียง ร้อยละ 15.11 เท่านั้นที่คิดว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาฝุ่นควันได้เลย
เมื่อสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นสำคัญจาก ร่าง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว ที่จะสามารถประกาศใช้และแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วที่สุด พบว่า
-อันดับ 1 ร้อยละ 62.78 ได้แก่ ประเด็นการสนับสนุนการปฏิบัติงานของทุกหน่วยงานของภาครัฐและภาคเอกชน ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นควัน เช่น
การสนับสนุนเครื่องมื่อ อุปกรณ์ป้องกันและดับไฟ รวมถึงการรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรที่ไม่มีการเผาจะสามารถแก้ไขปัญหาฝุ่นควันได้ดีที่สุด
-อันดับ 2 ร้อยละ 60.78 ได้แก่ ประเด็นพัฒนาระบบการติดตาม ตรวจสอบ เฝ้าระวัง และแจ้งเตือนภัยแก่ประชาชนเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศ
-อันดับ 3 ร้อยละ 49.00 ได้แก่ ประเด็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพื่อสร้างความร่วมมือในการป้องกันและแก้ไขมลพิษทางอากาศข้ามแดน
และเมื่อสอบถามความต้องการให้หน่วยงานภาครัฐเร่งแก้ไขปัญหาฝุ่นควัน มีข้อเสนอแนะสำคัญที่สุด คือ ควรมีการควบคุมการเผาขยะหรือเศษวัสดุทางการเกษตรหลังเก็บเกี่ยวผลผลิตในที่โล่งอย่างเข้มงวด
จากปัญหาวิกฤตฝุ่นควัน PM 2.5 มาตลอดระยะเวลานานในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประมาณเดือน มกราคม – เมษายน ของทุกปี ซึ่งภาคเหนือถือว่าเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก การจัดทำ ร่าง พ.ร.บ. อากาศสะอาด ดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นกฎหมายสำคัญ เพื่อใช้จะสามารถบังคับใช้และสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริงหรือไม่โดยอาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ซึ่งนอกจากภาครัฐที่เป็นผู้ที่จะต้องเป็นผู้กำหนดมาตรการและบังคับใช้กฎหมายแล้ว ประชาชนทุกคนควรที่จะให้ความร่วมมือในการงดเผาตามประกาศของภาครัฐและคอยแจ้งเจ้าหน้าที่เมื่อพบผู้กระทำความผิดในการลักลอบเผาป่าหรือเผาในพื้นที่โล่ง เพื่อให้คนไทยมีสภาพอากาศที่ดีต่อไป
สรุปผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน
8 จังหวัด ภาคเหนือ
1. ท่านคิดว่าสถานการณ์ปัญหาฝุ่นควันในปีนี้จะเป็นอย่างไร เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
อันดับ 1 รุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา ร้อยละ 41.67
อันดับ 2 เท่ากับปีที่ผ่านมา ร้อยละ 40.89
อันดับ 3 ลดลงกว่าปีที่ผ่านมา ร้อยละ 17.44
2. ท่านทราบเกี่ยวกับการขับเคลื่อน ร่าง พ.ร.บ. อากาศสะอาด ที่คาดว่าจะมีการประกาศใช้ในกลางปี 2568 นี้หรือไม่
อันดับ 1 ไม่ทราบร้อยละ 60.22
อันดับ 2 ทราบร้อยละ 39.78
3. ท่านคิดว่า ร่าง พ.ร.บ. อากาศสะอาด จะสามารถแก้ไขวิกฤตฝุ่น PM 2.5 ของไทย ได้จริงหรือไม่
อันดับ 1 แก้ไขได้บางส่วน ร้อยละ 65.33
อันดับ 2 แก้ไขได้ ร้อยละ 19.56
อันดับ 3 แก้ไขไม่ได้เลย ร้อยละ 15.11
4. ท่านคิดว่าประเด็นสำคัญจาก ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว เป็นประเด็นสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 มากที่สุด (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
อันดับ 1 การสนับสนุนการปฏิบัติงานของทุกหน่วยงานของรัฐและเอกชน ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น
เช่น สนับสนุนเครื่องมือ อุปกรณ์ป้องกัน/ดับไฟ รวมถึงการรับซื้อสินค้าเกษตรที่ไม่ผ่านการเผา ร้อยละ 62.78
อันดับ 2 พัฒนาระบบการติดตาม ตรวจสอบ เฝ้าระวัง และเตือนภัยแก่ประชาชนเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศ ร้อยละ 60.78
อันดับ 3 การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพื่อสร้างความร่วมมือในการป้องกัน
และแก้ไขมลพิษทางอากาศข้ามแดน ร้อยละ 49.00
อันดับ 4 การปรับปรุงระบบการบริหารราชการ เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
ต่อการแก้ไขปัญหาฝุ่นควัน ร้อยละ 39.56
อันดับ 5 เสนอให้มีมาตรการที่สร้างแรงจูงใจมอบรางวัลให้แก่ผู้แจ้ง และกำหนดบทลงโทษที่ชัดเจน ร้อยละ 36.78
อันดับ 6 การใช้เครื่องมือและมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ
เช่น มาตรการเพิ่มอัตราภาษีแก่ผู้ที่ก่อมลพิษ ร้อยละ 17.22
5. ความต้องการให้ภาครัฐหรือหน่วยงานเกี่ยวข้องมีการป้องกันและแก้ไข “ปัญหาฝุ่น PM 2.5” อย่างไรบ้าง
1) ควรมีการส่งเสริมรวมถึงปรับปรุงคุณภาพรถสาธารณะและเพิ่มปริมาณให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน
2) ควรมีการแจกจ่ายหน้ากากป้องกันฝุ่นควัน PM 2.5 ให้แก่ประชาชนในช่วงที่เกิดวิกฤตฝุ่นควัน PM 2.5
3) รณรงค์ลดการเผาในที่โล่ง ดังนี้
3.1 ป้องกันการลักลอบการเผาขยะในเขตพื้นที่ชุมชน รวมถึงมีการสนับสนุนลดการเผาเศษวัสดุทางการเกษตร โดยการสนับสนุนอุปกรณ์ เช่น เครื่องอัดฟางก้อนหรือส่งเสริมการรับซื้อเศษวัสดุทางการเกษตร เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ เช่นการทำปุ๋ย
3.2 ประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงมาตรการของภาครัฐ รวมถึงกำหนดบทลงโทษให้ชัดเจน และนำมาใช้อย่างจริงจัง
3.3 ติดตั้งระบบตรวจวัดคุณภาพอากาศให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อสามารถตรวจสอบการลักลอบการเผาในพื้นที่โล่งได้
4) ควรมีการเฝ้าระวังการเกิดไฟป่า เพื่อไม่ให้เกิดการลุกลาม โดยจัดเตรียมแผนรับมือการเกิดไฟป่าอย่างทันท่วงที
5) ให้ภาครัฐเร่งประกาศใช้ ร่าง พ.ร.บ. อากาศสะอาด เพื่อออกมาตรการในการควบคุมคุณภาพทางอากาศที่ดีต่อสุขภาพของประชาชน
ที่มา : MgrOnline