“หมอยง” เผยผลพวงจากโควิด ทั้งถูกบูลลี่-อ้างชื่อไปในทางที่เสียหาย แจ้งความหลายครั้งไม่ช่วย

เผยแพร่ : 17 ก.พ. 2568 09:33:24
X
• นพ.ยง โพสต์แสดงความเดือดร้อนกรณีผลงานวิจัยวัคซีนโควิด-19 ถูกนำไปใช้โดย AI ปลอมแปลงชื่อและอ้างผลงานเพื่อหากิน
• นพ.ยง ถูกบูลลี่และถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจอย่างผิดๆ
• นพ.ยง ถูกใส่ร้ายว่ากำลังถูกบริษัทยาฟ้องร้อง

นพ.ยง หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก พ้อเพราะผลพวงงานวิจัยวัคซีนโควิด-19  ถูกใช้ AI ปั่นอ้างชื่อหากิน ซ้ำถูกบูลลี่ อ้างเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ ล่าสุดถูกใส่ร้ายถึงขั้นระบุว่าตนเองกำลังถูกบริษัทยาฟ้อง เผยเคยแจ้งความหลายครั้งแต่ไม่เป็นผล

วันนี้ (17 ก.พ.) เฟซบุ๊ก “Yong Poovorawan” หรือ นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ ราชบัณฑิตยสภา ได้โพสต์ระบุข้อความว่า “วัคซีนโควิด-19 ผลกระทบปัจจุบันยังมีการแอบอ้างชื่อ หลอกลวง นับตั้งแต่โควิด-19 เป็นต้นมา ผลกระทบของสื่อสังคมออนไลน์มีเป็นจำนวนมากจริงๆ ทั้ง bully และการอ้างชื่อไปในทางที่เสียหาย การแก้ข้อความใส่ร้ายเกิดขึ้นมาโดยตลอด

ในช่วงโควิด-19 ผมเป็นนักวิชาการศึกษาวิจัยให้ได้องค์ความรู้ใหม่ ขณะนั้นทุกคนรู้เท่ากัน เมื่อเราได้ข้อมูลอะไรมาเราก็เผยแพร่ตามความเป็นจริง เริ่มต้นเราศึกษาภูมิต้านทานผู้ป่วยติดเชื้อโควิด สมมติภูมิต้านทานขึ้น 100 หน่วย ในระยะแรกมีวัคซีนโควิดชนิดเชื้อตาย sinovac เราศึกษาภูมิต้านทาน ก็พบว่าที่ 2 เข็มห่างกัน 4 สัปดาห์แล้วก็ขึ้น 100 หน่วย เท่ากับการติดเชื้อ ซึ่งก็น่าจะเพียงพอเหมือนกับการติดเชื้อแล้ว 1 ครั้ง ตามหลักของวัคซีนทั่วๆ ไปในการป้องกันโรค

ต่อมามีวัคซีนไวรัสเวกเตอร์ AstraZeneca ฉีด 2 เข็มแต่ห่างกันประมาณ 10 ถึง 16 สัปดาห์ ภูมิต้านทานขึ้น 10 เท่า หรือ 1000 หน่วย ทุกคนก็ดีใจ ภูมิต้านทานสูงดี แต่ความเป็นจริง ภูมิสูงภูมิต่ำไม่ได้สำคัญอะไร เพราะไวรัสนี้มีระยะฟักตัวสั้น จึงไม่มีผลกับระดับภูมิต้านทานที่สูง แต่ผลกระตุ้นการทำงานของเซลล์ในร่างกายเพื่อลดความรุนแรงของโรคมากกว่า ทุกคนก็ดีใจอยากฉีดให้ได้สูงๆ เรามาทำการศึกษาก็พบว่าถ้าให้วัคซีนเชื้อตายนำ แล้วฉีดไขว้ไปเป็นไวรัสเวกเตอร์ ภูมิต้านทานก็ขึ้นไป 1,000 หน่วยเหมือนกัน ก็จะใช้วัคซีน AZ เพียงเข็มเดียว ลดการ expost ของ DNA ที่อยู่ในไวรัส ก็น่าจะดี และต่อมาก็เป็นที่ยอมรับของโครงการอนามัยโลก แต่ผลลัพธ์ก็คือมีเสียงต่อต้านทางโซเชียลมีเดียอย่างมาก หาว่าเราเชียร์วัคซีนเชื้อตาย มีการบูลลี่มากมาย

ต่อมาทุกคนต้องการฉีดอย่างเดียวคือ mRNA เพราะภูมิต้านทานจะขึ้นสูงถึงระดับ 10,000 หรือมากกว่าวัคซีนเชื้อตาย 100 เท่า มีการเรียกร้องมาก ให้เอามาเป็นวัคซีนหลัก เราเองก็แปลกใจ จึงทำการศึกษาพบว่าถ้าฉีดวัคซีนเชื้อตายก่อน 2 เข็ม แล้วตามด้วย mRNA อีก 1 เข็ม ผลลัพธ์ที่ได้จากการวัดตรวจภูมิต้านทานจะเท่ากับการฉีด mRNA 3 เข็ม ก็บอกไปตามความเป็นจริง และต่อมาก็เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป รวมทั้งต่างประเทศด้วย และเป็นการลดการใช้จำนวน mRNA ลง ซึ่งขณะนั้นมีราคาแพงและขาดแคลนมาก ผลลัพธ์ก็คือถูกบูลลี่อย่างหนัก เราเองไม่มีปัญหา เพราะมีภูมิต้านทานต่อการถูกบูลลี่แล้ว แต่คนรอบข้างที่ทนไม่ได้ และให้แจ้งความตลอด ทำให้ยังมีเรื่องค้างอยู่อีกเป็นจำนวนมาก โดยไม่มีความก้าวหน้า

หลังจากที่โควิดเริ่มสงบ ก็มีการเอารูปของเราไปโฆษณาขายของกันมากมาย อ้างว่าเป็นคนบอกว่ามีสรรพคุณที่ดี เช่นโรคหัวใจ โรคต่างๆ มากมาย ทั้งที่เราไม่เชี่ยวชาญเลย และไม่เป็นความจริง แจ้งความให้ตำรวจไซเบอร์ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ เพราะเป็นการโพสต์ที่ต่างประเทศ ทำได้แต่เพียง report การ Report คนสองคนเขาก็ไม่สนใจ จึงมีเรื่องออกมาอยู่ตลอดเวลา

จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่หยุด อย่างเช่นล่าสุด บอกว่าเราถูกจับ เป็นข่าว และเป็นโลโก้ Thai PBS ชัดเจน คนใกล้ชิด กล่าวหาว่าผมโดนจับ โดยบริษัทยาฟ้อง ผมเองก็คอยระวังเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่แล้วโดยเฉพาะกับบริษัทยา ก็รู้ว่าสิ่งนี้ไม่จริง ใช้ AI เข้ามาช่วย แต่ไม่เนียนเลย ถ้ารู้ว่า AI ยี่ห้อไหน ก็อย่าไปใช้เพราะทำไม่ได้ดีอย่างที่ AI ควรจะทำ จึงต้องแจ้งความทางตำรวจไซเบอร์ ผลลัพธ์ก็คงเหมือนเดิมคงทำอะไรไม่ได้ ทางตำรวจเองก็คงมีงานมาก

ขณะนี้เรื่องที่แจ้งความไว้ก็ยังเคลียร์ไม่หมด และหลายเรื่องเชื่อว่าจะถูกทิ้งไว้จนหมดอายุความแน่นอน ดังนั้นทางแก้ที่ดีที่สุด จะต้องส่งเสริมให้ประชากรไทยหรือทุกคน มีความรอบรู้ทางดิจิทัล หรือ Digital literacy เป็นภูมิคุ้มกันไม่ให้ถูกหลอก"

ที่มา : MgrOnline